เอเยนซี - ข่าวลือรายวันเกี่ยวกับการหายไปของรองประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ยังคงออกมาอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเขาไม่ได้เจ็บหลัง แต่เป็นโรคหัวใจ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย เผยว่า รองประธานาธิบดีจีน ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะแรก เตรียมผ่าตัดสัปดาห์นี้
เดอะสแตนดาร์ด สื่อภาษาอังกฤษ ในฮ่องกง รายงาน (14 ก.ย.) อ้างศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่เผยเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ว่า ขณะนี้รองประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลปักกิ่ง 301 หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เข้าตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะแรก โดยศูนย์ฯ ให้รายละเอียดเพียงว่า รองประธานาธิบดีจะเข้ารับการผ่าตัดในสัปดาห์นี้
รายงานข่าวกล่าวว่า การหายไปจากงานพิธีฯ สำคัญ และไม่ได้ออกมาต้อนรับบรรดาผู้นำชาติต่างๆ ที่มาเยือนจีนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้สร้างกระแสข่าวลือเกี่ยวกับรองประธานาธิบดีนี้ไปต่างๆ นานา ตลอดเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีตั้งแต่ รองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประสบอุบัติเหตุรถชนคว่ำได้รับบาดเจ็บ เพราะถูกลอบสังหาร เหตุความขัดแย้งในแวดวงการเมืองของจีน
สื่อที่ออกมาสร้างกระแสข่าวลือเหล่านี้ มีอาทิ เว็บไซต์ปั๋วซุน อ้างแหล่งข่าวภายในว่า รองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง วัย 59 ปีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างปริศนาเมื่อค่ำวันที่ 4 กันยายน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทหารในกรุงปักกิ่ง โดยรถของเขาถูกรถจี๊ปสองคันแล่นขนาบข้าง และอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา นายเหอ กั๊วะเฉียง เลขาธิการคณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัย ก็ประสบอุบัติเหตุรถบรรทุกแล่นมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนท้ายรถของเขาจนพลิกคว่ำ ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกส่งนำโรงพยาบาลทหาร 301 เช่นกัน ซึ่งอุบัติเหตุทั้งสองนี้ยังเป็นปริศนา
ตามด้วยบทวิเคราะห์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ที่ให้ความเห็นเสริมข่าวว่า ความล้มเหลวในการสื่อสารกับสาธารณะ เกี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปหลายวันของรองประธานาธิบดีจีน ซึ่งอาจเป็นเพียงการเจ็บไข้ได้ป่วยธรรมดา บ่งชี้ว่าโครงสร้างทางการเมืองของจีนเริ่มเสื่อมอำนาจ โดยปีนี้ระบบการเมืองจีนเผชิญความวุ่นวาย โดยเมื่อต้นปี ปั๋ว ซีไหล เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์นครฉงชิ่ง ถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน และภริยาของเขาก็ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมนักธุรกิจชาวอังกฤษ
หลังจากนั้นวันถัดมา (12 ก.ย.) สื่อจีนก็ได้อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับผู้นำจีน ที่เผยว่า รองประธานาธิบดี สี จิ้งผิง ขาดหายจากกำหนดพิธีการต่างๆ ไปเพราะเข้ารักษาอาการบาดเจ็บที่หลัง ซึ่งเกิดจากการว่ายน้ำออกกำลังกายประจำวัน แต่แหล่งข่าวก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ ขณะที่แหล่งข่าวอีกด้าน ซึ่งเป็นบุคคลผู้ใกล้ชิดกับ สี จิ้นผิง ก็เผยว่า “รองประธานาธิบดีนั้นหายไปเพื่อรักษาสุขภาพ แต่อาการก็ไม่น่าวิตกอะไร”
กระทั่งเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) เดลีเทเลกราฟ สื่อตะวันตกได้อ้างการเปิดเผยของ นายหลี่ เว่ยตง อดีตบรรณาธิการนิตยสารไชน่า รีฟอร์ม ซึ่งได้รับความเชื่อถือและยังมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายพัฒนาและปฏิรูปฯ ในหลายๆ เรื่อง โดยนายหลี่ได้ออกมายืนยันว่า แม้หลายคนจะพูดว่า รองประธานาธิบดีเข้ารักษาอาการเจ็บหลัง แต่ความจริงคือเขาป่วยด้วยอาการโรคหัวใจ
นายหลี่ยังได้กล่าวถึง วาระการประชุมพรรค ซึ่งมีเรื่องสำคัญในการกำหนดวางตัวผู้นำจีนรุ่นใหม่ที่จะกุมอำนาจใน 10 ปีข้างหน้าว่า อย่างไรก็ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม ซึ่งแม้จะยังไม่กำหนดวันเวลา แต่เขาทราบมาว่าจะมีขึ้นกลางเดือนตุลาคมและ รองประธานาธิบดี สี จิ้นผิงจะหายทันเข้าร่วมประชุมแน่นอน
ท่ามกลางข่าวลือฝุ่นตลบ นั้น นิตยสาร ไอซัน ในฮ่องกง ก็ได้อ้างญาติของนายสี ได้ส่งข้อความว่า "ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี" ขณะที่นายฝาน จิ่งกัง ผู้จัดการของ ยูโทเปีย ฟอรั่ม "นิยมซ้ายจัด" ซึ่งเผยแพร่แนวคิดของประธานเหมา ก็โทษกระแสข่าวลือว่ามาจากสื่อตะวันตก ที่จ้องจะหาทางสร้างความสับสนวุ่นวายในช่วงวาระที่จีนจะผลัดเปลี่ยนผู้นำฯ
ลินดา จาคอบสัน ผู้เชี่ยวชาญจีน จาก สถาบันโลวีเพื่อนโยบายระหว่างประเทศ (Lowy Institute for International Policy) ในซิดนี่ย์ ให้ข้อสังเกตว่าถ้าหาก นายสี จิ้นผิง ป่วยหนักจริง หรือมีแผนลอบสังหาร เราคงไม่เห็นบรรดาผู้นำจีนเดินทางไปโน่นนี่ ตามกำหนดการปกติ แต่ที่เห็นนั้น ประธานาธิบดีจีน หู จิ่นเทา ก็ยังเดินทางไปวลาดิวอสตอก เพื่อประชุมเอเปก นอกจากนี้ นาย อู๋ ปังกว๋อ ผู้นำอาวุโส ก็ยังไปอิหร่าน และผู้นำอื่นๆ ต่างก็เดินทางไปยังเสฉวนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) ก่วงตงเดลี ได้เผยคำพูดของรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ครั้งแรกในรอบกว่า 10 วัน ผ่านสื่อฯ โดยนายสี จิ้นผิง ได้ร่วมกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ส่งสาส์นแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของสมาชิกอาวุโสท่านหนึ่งของพรรคฯ ที่เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็เป็นเพียงข้อความไม่ปรากฎภาพถ่ายล่าสุดของเขา
ทั้งนี้ ขณะที่กระแสข่าวลือกำลังมุ่งไปยังอาการเจ็บป่วยของผู้นำจีนนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างทราบกันดีว่า ตามวิถีปฎิบัติของบรรดาผู้นำจีนที่ผ่านมานั้น จะไม่ยอมเปิดเผยอาการเจ็บป่วยให้สาธารณะชนทราบ ที่ยังกล่าวขานกันถึงทุกวันนี้คือ เมื่อครั้ง พ.ศ. 2508 ที่เกิดความวุ่นวายในพรรคคอมมิวนิสต์และเป็นรอยต่อของการเปลี่ยนถ่ายผู้นำ ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะสุขภาพของประธานเหมา เจ๋อตงเริ่มถดถอย ด้วยวัย 72 ปี แต่ประธานเหมาก็ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นด้วยการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำแยงซีเพื่อสยบความวุ่นวายทั้งปวง