รอยเตอร์ - สตาร์บัคส์ บริษัทกาแฟชั้นนำของสหรัฐฯ วางกลยุทธ์ขยายตลาดบนแผ่นดินใหญ่ โดยอาศัยความผูกพันในครอบครัวของลูกจ้างเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
เจ้าของสาขาร้านกาแฟซึ่งมีมากที่สุดในโลกรายนี้ กำลังรุกตลาดแดนมังกรด้วยการเปิดร้านกาแฟในอัตราความถี่ทุกๆ 4 วันต่อ 1 ร้าน โดยตั้งเป้าขยายร้านสาขาจากประมาณ 570 ร้านในปัจจุบัน เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,500 ร้านภายในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น สตาร์บัคส์ต้องจ้างพนักงานจำนวนหลายพันคน ซึ่งหลายคนเป็นลูกที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับพ่อแม่อย่างมากอันเป็นผลจากนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาลจีน และจุดนี้เองทำให้สตาร์บัคส์เกิดความคิดที่จะขยายฐานการตลาดบนแผ่นดินใหญ่ โดยอาศัยพ่อแม่ของลูกจ้างเหล่านี้ช่วยผลักดันความสำเร็จของลูกตนเองอีกแรงหนึ่ง เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าพ่อแม่ชาวจีนพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกประสบความสำเร็จทั้งในด้านการงาน หรือความรัก
ในช่วงสัปดาห์นี้สตาร์บัคส์จึงริเริ่มจัดงานพบปะทำความรู้จักกันขึ้นในกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ มีลูกจ้างระดับผู้จัดการร้านมาร่วมงาน โดยนำพ่อแม่มาด้วย รวมผู้มาร่วมงานทั้งหมดราว 1,100 คน
นายฮาเวิร์ด ชูลต์ซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ ระบุว่า สตาร์บัคส์ยึดมั่นการร่วมแบ่งปันความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกันกับลูกจ้างและครอบครัวของพวกเขา การจัดงานเพื่อทำความรู้จักกันนี้ถือเป็นกิจกรรมที่สตาร์บัคส์จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
"เป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อครอบครัวของชาวจีน และแสดงให้เห็นว่า ทำไมเราจึงเป็นบริษัทที่มีความแตกต่างจากบริษัทอื่น" ชูลต์ซกล่าว
ชูลต์ซเป็นนักบริหารชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง และมักปรากฏตัวตามมหาวิทยาลัยในเมืองจีนบ่อยครั้ง เพื่อตระเวนรับสมัครลูกจ้างเข้าทำงานกับบริษัทสตาร์บัคส์
การค้นหาผู้จัดการและทีมงานที่เหมาะสมกับงานในจีนเป็นเรื่องที่ "ยากลำบากอย่างมาก" นายพอล เฟรนช์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านจีนของบริษัทวิจัยการตลาดมินเทลระบุ
ปัจจุบัน สตาร์บัคส์มีลูกจ้างในจีนราว 10,000 คน และกำลังแข่งขันกับบริษัทด้านธุรกิจกาแฟหลายรายในการเฟ้นหาลูกจ้างที่มีฝีมือมาทำงานด้วย โดยสตาร์บัคส์มีคู่แข่งบนแดนมังกรอย่างบริษัทคอสต้าคอฟฟี่ของอังกฤษ หรือสาขาร้านเบเกอรี ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าของได้แก่ปารีสบาแกตต์ (Paris Baguette) และตูเลชูร์ (Tous Les Jours) รวมทั้งร้านแปซิฟิกคอฟฟี่ ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยไชน่ารีสอร์ซส์ เอนเตอร์ไพรส์ (China Resources Enterprise) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ด้านบริษัทแมคโดนัลด์ก็กำลังขยายตลาดในจีนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดังกิ้นโดนัท ธุรกิจสาขาร้านกาแฟของสหรัฐฯ และคอฟฟี่ บีน แอนด์ ที ลีฟ (Coffee Bean & Tea Leaf) ก็มีแผนขยายตลาดบนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า สตาร์บัคส์ดูเหมือนได้เปรียบกว่าคู่แข่งอื่น ๆ เพราะสตาร์บัคส์ยังลงทุนในด้านการฝึกอบรม ทำให้ลูกจ้างทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ร่าเริงแจ่มใส และมักพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง
นอกจากนั้น เจมส์ รอย นักวิเคราะห์อาวุโสของไชน่ามาร์เกตรีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า สตาร์บัคส์ยังได้เปรียบในแง่เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และพ่อแม่ชาวจีนให้ความสำคัญกับแบรนด์ดังไม่น้อย พ่อแม่เหล่านี้ถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสตาร์บัคส์ในแง่การทำให้ลูกจ้างของสตาร์บัคส์มีความสุข