เอเอฟพี - จีนลั่น (30 พ.ย.) ว่า จะปรับลดระดับเงินสดสำรองธนาคารลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบการกู้ยืมภายในประเทศ ผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในที่กำลังอ่อนแอสืบเนื่องจากปัญหาการส่งออกลดลง
มาตรการนี้จะมีผลเชิงปฏิบัติในวันที่ 5 ธ.ค. ถือเป็นสัญญาณที่เข้มแข็ง เพราะรัฐบาลต้องยอมผ่อนคลายมาตรการจำกัดการปล่อยกู้ ที่เคยใช้ควบคุมเงินเฟ้อและราคาสังหาริมทรัพย์ลง
ธนาคารประชาชนจีนเผยในแถลงการณ์คล่าว ๆ ว่า จะปรับลดอัตราเงินสดสำรองธนาคารลง 0.5 จุด เพื่อให้ธนาคารสามารถมีเงินสำรองไว้ปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้เพิ่มขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญทำนายว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการปรับนโยบายการเงินด้วย ท่ามกลางปัญหาความกังวลเศรษฐกิจโลกกำลังอ่อนแอมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวในจีนไม่มากก็น้อย
มาร์ค วิลเลียมส์ นักเศรษฐศาสตร์ของแคปิตัล อีโคโนมิกส์ ชีฟ เอเซีย เผยว่าคำสั่งนี้ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในด้านนโยบายอย่างเด็ดเดี่ยว และอาจมีคำสั่งลักษณะนี้ตามมาอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ
อลิสแตร์ ธอร์ตัน นักวิเคราะห์จากไอเอสเอช โกลบอล อินไซต์ เผยว่า รัฐบาลจีนหวังว่าการสั่งลดเงินสดสำรองฯ จะเป็นการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจให้หมุนเวียนมีชีวิตอีกครั้ง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของจีนเผยว่า ได้ผ่อนคลายมาตรการปล่อยกู้ขึ้นแล้ว โดยสั่งให้ธนาคารขนาดเล็ก 20แห่งทั่วประเทศ เพิ่มช่องทางการปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่กำลังอยู่ในภาวะฝืดเคืองไม่มีเงินทุนหมุนเวียน
ส่วนคำสั่งล่าสุดนี้ฯ จะมีผลบังคับใช้กับทุกธนาคารทั่วประเทศ
สำนักข่าวซินหวาเผยว่า การตัดลดเงินสดสำรองฯ ครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2551 บรรดาธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายจะต้องเก็บเงินสดสำรองคงคลังไว้ที่ 21 เปอร์เซ็นต์ในขณะนี้
ข้อมูลเบื้องต้นของเอชเอสบีซีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า กิจกรรมการผลิตของจีนตกลงต่ำสุดในรอบ 32 เดือนในเดือนพ.ย. ซึ่งส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวว่า การส่งออกของจีนจะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของจีน กำลังมีปัญหาเศรษฐกิจสาหัส
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนก็กำลังเผชิญปัญหาราคาขายตกต่ำทั่วประเทศ ท่ามกลางข้อจำกัดคุมเข้มตลาดอสังหาของรัฐบาลฯ ไม่ว่าจะด้านการซื้อขาย หรือการกู้เงินซื้อบ้านก็ตาม
ข้อมูลจากรัฐบาลจีนเผยว่า จำนวนของเมืองใหญ่ในจีนที่ราคาบ้านตกต่ำลงสองเท่าตัว เพิ่มขึ้นถึง 34 เมือง ในเดือนต.ค. นับจากเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
ส่วนอัตราเงินเฟ้อจีนที่วัดโดยดัชนีราคาผู้บริโภค อยู่ที่ 5.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนต.ค. ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับจากเดือนพ.ค.
การขยายตัวทางเศรษฐกิจช้าลงอยู่ที่ 9.1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในไตรมาสที่3 ซึ่งไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 9.5 เปอร์เซ็นต์
ปัญหาหนึ่งที่ผู้กำหนดนโยบายกังวลก็คือ การเกิดตลาดปล่อยกู้เถื่อนขึ้น เนื่องจากมาตรการจำกัดการปล่อยกู้ของภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้เสีย และการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องหนีหนี้หรือไม่ก็ตัดสินใจอัตวินิบาติกรรม
จีนกำลังเป็นห่วงเกี่ยวกับค่าครองชีพที่แพงขึ้น จึงได้งัดสารพัดมาตรการออกมาควบคุมราคาสินค้าในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งการจำกัดการปล่อยกู้ของธนาคาร การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 5 ครั้งนับแต่เดือนต.ค. 2553.