เอเอฟพี - นักวิเคราะห์ของจีนเผย (17 พ.ย.) ว่า จีนจะค่อย ๆ ขยับคลายมาตรการคุมเข้มการเงินฯ แบบทีละเล็กละน้อยเพื่อรักษาอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ย้ำจะเปลี่ยนแปลงให้รวดเร็วตามต้องการของต่างประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้
ธนาคารกลางจีนประกาศวานนี้ (16 พ.ย.) ว่า จะผ่อนคลายนโยบายการเงินฯ ใหม่ ซึ่งก็เป็นการตอกย้ำคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา และเป็นการเติมเต็มความหวัง ผ่อนคลายการคุมเข้มการกู้ยืมเงินให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่กำลังประสบปัญหาเงินทุนหมุนเวียน
จีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยธนาคาร 5 ครั้งเมื่อปีที่ผ่านมานับแต่เดือนต.ค. 2553 และสั่งให้ธนาคารเพิ่มเงินสดสำรอง เพื่อควบคุมสกัดราคาอาหารและอสังหาฯ ที่ทำให้เงินเฟ้อที่พุ่งสูง
แต่วิกฤติหนี้ในยุโรป ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าจีนรายใหญ่ และปัญหาภาคการผลิตของจีนที่กำลังอ่อนแรงลง ได้ทำให้ผู้นำต้องมาทบทวนนโยบายทางเศรษฐกิจกันใหม่ แม้ว่าหากออกนโยบายผ่อนคลายฯไปแล้วจะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นก็ตาม
ไบรอัน แจ็กสัน นักยุทธศาสตร์อาวุโสของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาในฮ่องกงให้สัมภาษณ์ว่า “รัฐบาลกำลังพยายามรักษาภาพรวมทางเศรษฐกิจไว้ โดยค่อย ๆ ปรับทีละส่วนแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะรัฐบาลยังต้องตระหนักถึงเงื่อนไขอื่น ๆ ที่สำคัญอีกหลายประการมิอาจผลีผลามได้”
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ผู้กำหนดนโยบายดูเหมือนว่าจะสั่งให้ธนาคารลดการถือครองเงินสดสำรอง ในระดับที่ทุบสถิติก็ว่าได้ ในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ประสบปัญหาปากกัดตีนถีบเข้ามากู้เงินมากขึ้น
แต่รัฐบาลได้ประกาศเปลี่ยนแปลงปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วย ทำให้นโยบายนี้ถูกมองว่าเป็นนโยบายที่เป็นเชิงรุกมากเกินไป
เหริน เสียนฟัง นักเศรษฐศาสตร์ประจำไอเอสเอช โกลบอล อินไซท์ ในกรุงปักกิ่งเผยว่า “ผมคิดว่า ในมุมมองทั่วไปของรัฐบาลจีนมองว่า เงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังทำเศรษฐกิจผิดพลาด”
เงินเฟ้อในเดือนต.ค. ลดลงบ้างแล้วจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 5.5 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี เทียบกับ 6.1 เปอร์เซ็นต์ในเดือนก.ย. แต่ก็ยังคงสูงเกินที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ทั้งปีที่ 4 เปอร์เซ็นต์
ธนาคารกลางจีนเผยเมื่อวันพุธ (16 พย.) ว่า อาจจะต้องดูเวลาที่เหมาะสมในการปรับนโยบายทางการเงิน และจีนจะค่อย ๆ ดูสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกควบคู่ไปด้วย
แถลงการณ์ของธนาคารกลางจีนออกมาหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ เตือนเมื่อวันอังคาร (15 พ.ย.) ว่า ระบบการเงินของจีนนั้นเสี่ยงต่อการมีหนี้เสีย และอาจทำให้เงินกู้นอกระบบเฟื่องฟูขึ้น หรืออาจทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกฮวบ
จีนได้เริ่มต้นการผ่อนคลายการคุมระบบกู้เงินลงบ้างแล้วแบบไม่เป็นทางการ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้สั่งการให้ธนาคารตั้งกองทุนปล่อยกู้เฉพาะให้กับธุรกิจรายย่อย ซึ่งต้องดิ้นรนต่อสู้ปัญหาต้นทุนสูง และความต้องการให้ผลิตสินค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง