เอเอฟพี - จีนเผยวันนี้ (18 ต.ค.) ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยับตัวช้าลง ขณะที่รัฐบาลกำลังระดมสรรพกำลังคุมสกัดเงินเฟ้อ กอปรกับความวุ่นวายของตลาดยุโรปและอเมริกาส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ เป็นเหตุให้ขยายตัวช้าฯ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของมหาอำนาจเศรษฐกิจลำดับ 2 อย่างจีนเติบโต 9.1 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปีในไตรมาสที่ 3 ปี 2554 สำนักสถิติแห่งชาติจีนเผย (18ต.ค.) เทียบกับไตรมาสที่ 2 ขยายตัวอยู่ที่ 9.5 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี
การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนช้าลงเรื่อย ๆ มา 3 ไตรมาสแล้ว เพราะเหตุว่าปักกิ่งเกรงว่าราคาอาหารจะพุ่งสูงขึ้น จึงได้คุมเข้มการปล่อยกู้และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ความต้องการสินค้าจีนจากฝั่งยุโรปและอเมริกาก็ลดน้อยถอยลง ทำให้จีดีพีขยายตัวไม่มาก
เซิ่ง ไหลอวิ้น โฆษกสำนักสถิติจีนเผยในแถลงการณ์ว่า “ขณะนี้เศรษฐกิจจีนต้องเผชิญกับปัญหาซับซ้อนทั้งภายในและภายนอก”
ผลผลิตอุตสากหกรรมจากโรงงานและห้างร้านหลายล้านแห่งของจีนขยายตัวช้าลงอยู่ที่ 14.2 เปอร์เซ็นต์ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2554 เนื่องจากตลาดการส่งออกรายใหญ่ของจีนกำลังอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้กระทบต่อภาคการผลิตของจีนอย่างกว้างขวาง
สำหรับในเดือนก.ย.เพียงเดือนเดียว การผลิตขยายตัวอยู่ที่ 13.8 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี เทียบกับ 13.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนส.ค.
การลงทุนสินทรัพย์ถาวรในเมือง ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้วัดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐบาล เพิ่มขึ้น 24.9 เปอร์เซ็นต์ใน 9 เดือนแรกของปี เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนการขายปลีก เพิ่มขึ้น 17.7 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปีในเดือนก.ย. และ 17.0 เปอร์เซ็นต์ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2554
เศรษฐกิจจีนมีอิทธิพลสำคัญต่อการขยายตัวในภาพรวมของเศรษฐกิจโลก หากเศรษฐกิจจีนขาลงอย่างต่อเนื่องแล้วไซร้ นั่นเท่ากับต้องมากังวลว่าวิกฤติหนี้ในยุโรปและสหรัฐฯ คงจะได้รับผลกระทบทางตรงมิใช่น้อย
อย่างไรก็ตาม จีนต้องเผชิญทางเลือกสองทางคือ จะเลือกให้เศรษฐกิจโตเร็วหรือจะเลือกจัดการกับเงินเฟ้อก่อน เพราะจีนก็ได้บทเรียนแล้วว่า หากไม่จัดการเงินเฟ้อให้อยู่หมัด ประชาชนจีนที่มีทั้งหมดถึง 1,300 ล้านคน หลายคนคงไม่พอใจและก่อไฟในสังคมจีนอย่างแน่นอน
แม้ว่ารัฐบาลจีนจะพยายามอย่างหนักในการระดมมาตรการต่าง ๆ มาคุมเงินเฟ้อ แต่เงินเฟ้อก็ยังลอยอยู่เกิน 6 เปอร์เซ็นต์มาหลายเดือนแล้ว เซิ่งย้ำว่า “นโยบายการควบคุมเศรษฐกิจมหภาคควรจะมีความต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ”
ขณะนี้เงินเฟ้อจีนซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง ขยายตัวเบาบางลงก็จริง ในเดือนก.ย. ลดลงอยู่ที่ 6.1 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังห่างไกลกับที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่า ทั้งปีจะให้อยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น