ซินจิงเป้า/ASTVผู้จัดการ – ผลการสำรวจความเห็นเศรษฐีจีนในประเทศทำ รบ.อึ้ง กว่าครึ่งอยากหนีไปอยู่เมืองนอก เหตุกลัวความผันแปรทาง ศก.-การเมือง 1 ใน 3 ลงทุนในต่างประเทศ เหตุต้องการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ-ต้องการไปอยู่เมื่อเกษียณ อีก 14% อพยพไปอยู่ต่างประเทศแล้วหรือกำลังทำเรื่องขออพยพอยู่
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. หูรุ่น รีพอร์ต (胡润) ร่วมกับฝ่ายบริหารการเงินส่วนบุคคล ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) เผยแพร่ “สมุดปกขาวการบริหารการลงทุนส่วนบุคคลของชาวจีน ประจำปี 2011” โดยผลการสำรวจปรากฏว่า ร้อยละ 14 ของเศรษฐีชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้อพยพไปอยู่ต่างประเทศแล้วหรือกำลังยื่นขออนุญาตเพื่ออพยพไปอยู่ต่างประเทศ ขณะที่ราวครึ่งหนึ่งของเศรษฐีเหล่านี้กำลังพิจารณาว่าจะอพยพไปอยู่ต่างประเทศหรือไม่
ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2554 ที่ผ่านมา หูรุ่นและธนาคารแห่งประเทศจีนดำเนินการสำรวจ ความเห็นของเศรษฐีชาวจีนที่มีสินทรัพย์มากกว่า 10 ล้านหยวน (ราว 50 ล้านบาท) โดยเป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับเศรษฐีที่อาศัยอยู่ใน 18 เมืองใหญ่ทั่วประเทศจีน ซึ่งสุดท้ายแล้วสามารถดำเนินการสอบถามเศรษฐีจีนได้ทั้งสิ้น 980 คน โดยเศรษฐีจีนเหล่านี้เฉลี่ยแล้วมีสินทรัพย์ราว 60 ล้านหยวนต่อคน หรือ ราว 300 ล้านบาทต่อคน และมีอายุเฉลี่ย 42 ปี
1 ใน 3 มีสินทรัพย์ ตปท.
รายงานจากสมุดปกข่าวระบุด้วยว่า สำหรับเศรษฐีจีนที่มีสินทรัพย์มากกว่า 10 ล้านหยวน (ราว 50 ล้านบาท) ราว 1 ใน 3 นั้นได้ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเฉลี่ยแล้วเงินลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 19 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ผลการสำรวจยังพบด้วยว่า เศรษฐีที่ปัจจุบันยังไม่ได้ลงทุนในต่างประเทศเกือบร้อยละ 30 ก็วางแผนว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะลงทุนในต่างประเทศเช่นเดียวกัน
ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐีเหล่านี้นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศก็เพื่อประโยชน์ในการศึกษาของบุตร โดยกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐีลงทุนต่างประเทศก็เพราะต้องการส่งบุตรไปศึกษายังต่างประเทศ ขณะที่อีกราว 1 ใน 3 ลงทุนในต่างประเทศก็เพื่อประโยชน์ในการอพยพไปอยู่ต่างประเทศ ขณะที่ราวร้อยละ 14 ของเศรษฐีที่ถูกสำรวจระบุว่าได้อพยพไปอยู่ต่างประเทศแล้วหรือกำลังดำเนินการขออนุญาตเพื่ออพยพไปอยู่ต่างประเทศ
ขณะที่เศรษฐีอีกส่วนให้เหตุผลถึงการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศว่า เพราะกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของสินทรัพย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจของจีน และคาดหวังถึงคุณภาพชีวิตที่ดีเมื่อเกษียณอายุ
แม้ผลการสำรวจดังกล่าวจะไม่ได้ระบุถึง จุดหมายซึ่งบรรดาเจ้าสัวชาวจีนอยากอพยพไปอยู่ แต่สื่อจีนบางส่วนก็คาดหมายกันว่า หนึ่งในจุดหมายหลักของเศรษฐีจากแผ่นดินใหญ่น่าจะเป็นเกาะฮ่องกง ซึ่งในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ฮ่องกงได้อานิสงส์เงินลงทุนจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่แล้วกว่า 50,000 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือกว่า 2 แสนล้านบาท โดยเงินลงทุนจำนวนมากถูกนำไปใช้เพื่อกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง จนทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงพุ่งขึ้นสูงมาก
ขณะที่รายงานของสำนักข่าวซินหวาเมื่อเร็วๆ นี้ก็ระบุว่า ประเทศอื่นๆ ที่เศรษฐีจีนเล็งอยู่ว่าอยากอพยพไปอยู่ก็คือประเทศแคนาดาและ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี และมีสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าจีน
ผลการสำรวจดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับประเทศและผู้นำจีนที่นำพาประเทศเข้าสู่กระแสของระบบทุนนิยมมาได้สามทศวรรษแล้ว และระบบทุนนิยมดังกล่าวนี้เองได้ก่อให้เกิดเศรษฐีและมหาเศรษฐีขึ้นจำนวนมากในจีน แต่อีกด้านระบบดังกล่าวก็บ่มเพาะให้เกิดผลในทางลบ อย่างเช่นปัญหาการคอร์รัปชั่น การก่อมลพิษ ปัญหาความปลอดภัยของอาหารและปัญหาเกี่ยวกับระบบสาธารณสุข เป็นต้น
“การมีพาสปอร์ตของต่างประเทศเป็นสมบัติส่วนตัวก็เหมือนการซื้อประกันเอาไว้นั่นแหละ” เศรษฐีคนหนึ่งจากมณฑลเจ้อเจียงกล่าวกับหนังสือพิมพ์ฮ่องกง เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ไว้อย่างน่าคิด