ภาคผลิตจีนเดือนก.ค. หดตัวครั้งแรก ชี้ มาตรการชะลอศก.เริ่มได้ผลแล้ว

เอเอฟพี - HSBCระบุ (1 ส.ค.) “ภาคผลิตจีนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบปี ในเดือนก.ค.นี้ เนื่องจากมาตรการชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปักกิ่ง กับมาตรการลดความต้องการสินค้าจากต่างประเทศเริ่มออกฤทธิ์”

“ผลการสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของ HSBC ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดกิจกรรมความเคลื่อนไหวภาคอุตสาหกรรมของจีน ตกลงมาอยู่ที่ระดับ49.3 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเดือนมิ.ย. ก่อนหน้าอยู่ที่ 50.1 จุด” แถลงการณ์ HSBC ระบุ

นักวิเคราะห์อธิบายว่า ค่าดัชนี PMI มีเส้นแบ่งระหว่างภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งและหดตัวที่ระดับ 50 โดยหากเคลื่อนไหวสูงกว่าระดับ 50 แสดงถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ และหากหดตัวดัชนีจะลดไปต่ำกว่าระดับ 50

อย่างไรก็ตามค่า PMI ในเดือนก.ค.นี้สูงเกินข้อมูลคาดการณ์เบื้องต้นของ HSBC ซึ่งเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่าน่าจะอยู่ที่ 48.9 จุด ซึ่งถือว่าต่ำกว่าระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนก.ค. ปี 2553

ฉี่ว์ หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC เผยว่า “ตัวเลขนี้ยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนภาคการผลิตขยายตัวช้าลงแล้ว”

เช้านี้ (1 ส.ค.) ตัวเลขดัชนี PMI อย่างเป็นทางการของจีนก็เปิดเผย พร้อมแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิตจีนขยายตัวช้าลงเป็นไตรมาสที่ 4 โดยในเดือนก.ค.อยู่ที่ 50.7 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 50.9 จุด ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี

ทั้งสองผลสำรวจของจีนและ HSBC แสดงให้เห็นว่า แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในเดือนก.ค.ได้เบาบางลง ขณะที่ปรอทวัดต้นทุนการผลิตฯ ลดลงจาก 56.3 จุดในเดือนก.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 56.7 จุด

HSBCเผยว่า “ภาวะเงินเฟ้อเดือนที่แล้วไม่ค่อยแผลงฤทธิ์”

เจ้าหน้าที่จีนพยายามงัดสารพัดมาตรการมาระงับภาวะร้อนแรงทางเศรษฐกิจและคุมเงินเฟ้อ ซึ่งทำสถิติสูงต่อเนื่องอยู่ที่ 6.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางกระแสหวาดกลัวว่า ปัญหาเศรษฐกิจอาจกระตุ้นปัญหาความไม่สงบในสังคมได้

เพื่อควบคุมภาวะเงินล้นทะลักในระบบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ได้ จีนจึงสั่งให้ธนาคารคงเงินสดสำรองไว้เพิ่มขึ้นหลายครั้ง พร้อมกับให้ธนาคารตัดลดการปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีนี้ลง 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 5 ครั้งนับแต่เดือนต.ค.2553