ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวมแนะนักลงทุนจับตาปัญหาหนี้เสียในยุโรปหลังประเทศกรีซยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด ขณะที่ทั่วโลกเริ่มกังวลกับปัญหาที่อิตาลีกำลังเผชิญ พร้อมมองสินทรัพย์เสี่ยงยังผันผวนในกรอบแคบๆ
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงนี้คงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดของกรีซและได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน เราคาดว่าปัญหาหนี้กรีซจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดในสัปดาห์นี้ ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวผันผวนต่อไป แต่อยู่ในกรอบที่จำกัดเพื่อรอความชัดเจน แนะนำให้ชะลอการลงทุนและจับตาปัญหาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงมากในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ด้วยปัญหาหนี้ยุโรปที่ไม่จบลงได้ง่ายๆ เราคาดว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นในระยะกลาง-ยาว ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำทยอยสะสมกองทุนทองคำ ตามแนวรับที่ 1,490-1,500 US$/oz และ 1,430-1,440 US$/oz กองทุนทองคำแนะนำยังเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล) สำหรับราคาน้ำมัน ด้วยภาพเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน มีแนวโน้มชะลอตัวทำให้เรายังคงมองราคาน้ำมันระยะสั้นเป็นขาลงและผันผวนสูง แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนกองทุนน้ำมัน
สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ เราแนะนำให้ชะลอการลงทุน โดยจับตาปัญหาหนี้กรีซที่ใกล้จะได้ข้อสรุปอย่างใกล้ชิด แต่ระยะยาวเรายังเชื่อมั่นการลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แนะนำรอจังหวะกลับเข้าลงทุนกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่หลังปัญหาหนี้กรีซและเศรษฐกิจสหรัฐมีความชัดเจน กองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน
ส่วนกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ของ บลจ.อเบอร์ดีน นอกจากนี้ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ยังคงแนะนำสะสมกองทุน Thanachart Global bond ของ บลจ.ธนชาต หรือ TMB Global Bond Fund ของ บลจ.ทหารไทย ซึ่งมีกองทุนหลัก (MasterFund) เป็นกองเดียวกัน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งแนวโน้ม SETI ยังคงผันผวนในกรอบแคบทิศทางมีแนวโน้มปรับลดลงได้ต่อ เราแนะนำ ทยอยสะสม LTF และ RMF บางส่วนสำหรับรอบปีนี้ เมื่อSETI ใกล้แนวรับ 980 จุด กองทุนแนะนำคือ AYFLTFDIV ของ บลจ.กรุงศรี นอกจากนี้ เรายังคงคำแนะนำให้ Wait and Seeต่อไปสำหรับนักลงทุนที่เคยมีการสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปยังกองทุน LTF ความผันผวนต่ำ จนกว่าจะเห็นทิศทางการปรับตัวของ SETI กลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งเเล้วจึงค่อยสับเปลี่ยนกลับเข้ากองทุน LTF เเบบปกติ
นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยไวในช่วง 0-0.25% ตามคาด ขณะที่เบนเบอร์นันเก้ ประธาน FED ยังไม่ส่งสัญญาณการใช้ QE3 แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจชะลอลงโดย FED ได้ปรับประมาณการ GDP Growth ปี 2554 ลงมาอยู่ที่ 2.7-2.9% ลดลงจากประมาณการในเดือนเมย.54 ที่ 3.1-3.3% ทั้งยังปรับลดคาดการณ์ของปี 2555 ลงมาที่3.3-3.7% เช่นกัน ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงไม่น่าประทับใจโดยอยู่ที่ 429,000 รายหรือเพิ่มขึ้น 9,000 รายในสัปดาห์ล่าสุด ตรงข้ามกับตลาดที่คาดว่าจะลดลง 5,000 ราย ส่วนตลาดบ้านก็ยังอ่อนแอทั้งยอดขายบ้านใหม่เดือนพค.ที่ร่วงลง 2.1% และยอดขายบ้านมือสองที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ S&P ได้ออกมาเตือนถึงการปรับลด credit rating ของสหรัฐเนื่องจากปัญหาขาดดุลการคลังและระดับเพดานหนี้
ขณะที่ทางฝั่งยุโรป แม้กรีซสามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการรัดเข็มขัดได้ แต่ตลาดมีความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับอิตาลี หลัง Moody’s ขู่ปรับลด credit rating ประเทศลง บวกกับวามกังวลเกี่ยวกับสถานะเงินทุนของธนาคารในอิตาลี ส่วนตลาดหุ้นในเอเชียเห็นการดีดกลับของหุ้นจีนและฮ่องกง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการรีบาวน์ทางเทคนิครวมทั้งแรงซื้อในกลุ่มก่อนสร้างและอสังหาริมทรัพย์รับข่าวดีเกี่ยวกับโครงการสวัสดิการที่พักอาศัยของรัฐบาลจีน ขณะที่ดัชนี PMI ของจีนแสดงถึงการชะลอลงของภาคการผลิตแต่เป็นการชะลอลงที่ไม่รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงนี้คงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดของกรีซและได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน เราคาดว่าปัญหาหนี้กรีซจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดในสัปดาห์นี้ ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวผันผวนต่อไป แต่อยู่ในกรอบที่จำกัดเพื่อรอความชัดเจน แนะนำให้ชะลอการลงทุนและจับตาปัญหาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงมากในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ด้วยปัญหาหนี้ยุโรปที่ไม่จบลงได้ง่ายๆ เราคาดว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นในระยะกลาง-ยาว ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำทยอยสะสมกองทุนทองคำ ตามแนวรับที่ 1,490-1,500 US$/oz และ 1,430-1,440 US$/oz กองทุนทองคำแนะนำยังเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล) สำหรับราคาน้ำมัน ด้วยภาพเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน มีแนวโน้มชะลอตัวทำให้เรายังคงมองราคาน้ำมันระยะสั้นเป็นขาลงและผันผวนสูง แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนกองทุนน้ำมัน
สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ เราแนะนำให้ชะลอการลงทุน โดยจับตาปัญหาหนี้กรีซที่ใกล้จะได้ข้อสรุปอย่างใกล้ชิด แต่ระยะยาวเรายังเชื่อมั่นการลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แนะนำรอจังหวะกลับเข้าลงทุนกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่หลังปัญหาหนี้กรีซและเศรษฐกิจสหรัฐมีความชัดเจน กองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน
ส่วนกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ของ บลจ.อเบอร์ดีน นอกจากนี้ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ยังคงแนะนำสะสมกองทุน Thanachart Global bond ของ บลจ.ธนชาต หรือ TMB Global Bond Fund ของ บลจ.ทหารไทย ซึ่งมีกองทุนหลัก (MasterFund) เป็นกองเดียวกัน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งแนวโน้ม SETI ยังคงผันผวนในกรอบแคบทิศทางมีแนวโน้มปรับลดลงได้ต่อ เราแนะนำ ทยอยสะสม LTF และ RMF บางส่วนสำหรับรอบปีนี้ เมื่อSETI ใกล้แนวรับ 980 จุด กองทุนแนะนำคือ AYFLTFDIV ของ บลจ.กรุงศรี นอกจากนี้ เรายังคงคำแนะนำให้ Wait and Seeต่อไปสำหรับนักลงทุนที่เคยมีการสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปยังกองทุน LTF ความผันผวนต่ำ จนกว่าจะเห็นทิศทางการปรับตัวของ SETI กลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งเเล้วจึงค่อยสับเปลี่ยนกลับเข้ากองทุน LTF เเบบปกติ
นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยไวในช่วง 0-0.25% ตามคาด ขณะที่เบนเบอร์นันเก้ ประธาน FED ยังไม่ส่งสัญญาณการใช้ QE3 แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจชะลอลงโดย FED ได้ปรับประมาณการ GDP Growth ปี 2554 ลงมาอยู่ที่ 2.7-2.9% ลดลงจากประมาณการในเดือนเมย.54 ที่ 3.1-3.3% ทั้งยังปรับลดคาดการณ์ของปี 2555 ลงมาที่3.3-3.7% เช่นกัน ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงไม่น่าประทับใจโดยอยู่ที่ 429,000 รายหรือเพิ่มขึ้น 9,000 รายในสัปดาห์ล่าสุด ตรงข้ามกับตลาดที่คาดว่าจะลดลง 5,000 ราย ส่วนตลาดบ้านก็ยังอ่อนแอทั้งยอดขายบ้านใหม่เดือนพค.ที่ร่วงลง 2.1% และยอดขายบ้านมือสองที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ S&P ได้ออกมาเตือนถึงการปรับลด credit rating ของสหรัฐเนื่องจากปัญหาขาดดุลการคลังและระดับเพดานหนี้
ขณะที่ทางฝั่งยุโรป แม้กรีซสามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการรัดเข็มขัดได้ แต่ตลาดมีความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับอิตาลี หลัง Moody’s ขู่ปรับลด credit rating ประเทศลง บวกกับวามกังวลเกี่ยวกับสถานะเงินทุนของธนาคารในอิตาลี ส่วนตลาดหุ้นในเอเชียเห็นการดีดกลับของหุ้นจีนและฮ่องกง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการรีบาวน์ทางเทคนิครวมทั้งแรงซื้อในกลุ่มก่อนสร้างและอสังหาริมทรัพย์รับข่าวดีเกี่ยวกับโครงการสวัสดิการที่พักอาศัยของรัฐบาลจีน ขณะที่ดัชนี PMI ของจีนแสดงถึงการชะลอลงของภาคการผลิตแต่เป็นการชะลอลงที่ไม่รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล