ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวม แนะนักลงทุนกองทุนประหยัดภาษี "LTF-RMF" ทยอยลงทุนเมื่อเห็นดัชนีฯลงใกล้แนวรับที่ 1,000-980 จุด มั่นใจระยะยาวดัชนีฯยังไต่ระดับต่อได้แม้จะผันผวนระหว่างทางบ้าง พร้อมแนะ"กองทุนหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล" น่าลงทุน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้เรามองว่าดัชนีฯเริ่มมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุน LTF และ RMF โดยมีแนวรับที่ 1,000-980 จุด แนะนำทยอยสะสมกองทุน LTF และ RMF บางส่วนสำหรับรอบปีนี้เมื่อดัชนีฯร่วงลงใกล้แนวรับ กองทุนแนะนำคือ กองทุนหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล ( AYFLTFDIV) ของ บลจ.อยุธยา อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนตลอดทั้งปี 2554 ทำให้การลงทุนใน LTF ยังคงต้องระมัดระวังต่อไป สำหรับนักลงทุนที่มีการสับเปลี่ยนกองทุนไปยัง LTF ความผันผวนต่ำแล้ว เราแนะนำให้ Wait and See จนกว่าจะเห็นทิศทางการปรับตัวของดัชนีฯกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งแล้วจึงค่อยพิจารณาสับเปลี่ยนเข้ากองทุน LTF แบบปกติ
อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลงตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเริ่มเข้าใกล้แนวรับที่เรามองไว้ที่ 90 US$/bbl แม้ว่าเรายังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในตอนนี้ แต่คาดว่าราคาน้ำมันอาจมีการปรับตัวขึ้นทางเทคนิค เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น เก็งกำไร ในกองทุนน้ำมันอย่างระมัดระวัง มองแนวต้านที่ 96 US$/bbl. และถัดไปที่ 105 US$/bbl. และ Cut loss หากหลุดแนวรับที่ 90 US$/bbl.
ทั้งนี้ แม้ระยะสั้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มเเข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท แต่ภาพรวมยังเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังมีแนวโน้มอ่อนค่า จึงยังคงแนะนำกองทุนน้ำมันที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ. Asset Plus สำหรับราคาทองคำระยะสั้นแกว่งตัวในกรอบแคบๆและยังคงยืนเหนือ 1,500 US$/oz. ได้เเข็งเเกร่งจากแรงหนุนของปัญหาหนี้ในยุโรป และแม้ว่าราคาทองคำจะถูกค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นกดดัน เเต่เรายังคงแนะนำสะสมกองทุนทองคำเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลง”มองแนวรับแรกที่ประมาณ 1,490-1,500 US$/oz. และถัดไปที่ 1,425 US$/oz. กองทุนแนะนำยังคงเดิมคือ กองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ..Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล)
ขณะที่ความกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซเริ่มผ่อนคลายหลังได้รับความช่วยเหลือ แต่มองว่าปัญหาไม่จบลงง่ายๆ จึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ เเม้สัปดาห์ล่าสุดมีตัวเลขเชิงบวกออกมาบ้าง เเต่ภาพใหญ่ยังคงไร้ทิศทางชัดเจน ด้วยเหตุนี้ เราคาดว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังคงผันผวนตามปัจจัยระยะสั้นใหม่ที่เข้ามากระทบ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าปัญหาที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อและการปรับสมดุลเศรษฐกิจดูจะแก้ไขได้ง่ายกว่า ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่เติบโตได้มั่นคงกว่า อย่างเช่นภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทำให้เรายังคงเน้นการลงทุนระยะยาวไปยังภูมิภาคดังกล่าว ระยะสั้นอาจมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก แนะนำสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวกองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC ของบลจ. อเบอร์ดีน ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน
นอกจากนี้ แม้ว่าการปรับสมดุลเศรษฐกิจจีนยังคงดำเนินต่อไป กดดันตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรง แต่เรามองเป็นจังหวะสะสมหุ้นจีนเพื่อการลงทุนในระยะยาวที่เราคาดหวังการเติบโตที่มั่นคงในระยะถัดไป สำหรับกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ของบลจ.อเบอร์ดีน เช่นกัน นอกจากนี้ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ยังคงแนะนำสะสมกองทุน TMB Global Bond Fund ของ บลจ.ทหารไทย ซึ่งกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้เรามองว่าดัชนีฯเริ่มมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุน LTF และ RMF โดยมีแนวรับที่ 1,000-980 จุด แนะนำทยอยสะสมกองทุน LTF และ RMF บางส่วนสำหรับรอบปีนี้เมื่อดัชนีฯร่วงลงใกล้แนวรับ กองทุนแนะนำคือ กองทุนหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล ( AYFLTFDIV) ของ บลจ.อยุธยา อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนตลอดทั้งปี 2554 ทำให้การลงทุนใน LTF ยังคงต้องระมัดระวังต่อไป สำหรับนักลงทุนที่มีการสับเปลี่ยนกองทุนไปยัง LTF ความผันผวนต่ำแล้ว เราแนะนำให้ Wait and See จนกว่าจะเห็นทิศทางการปรับตัวของดัชนีฯกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งแล้วจึงค่อยพิจารณาสับเปลี่ยนเข้ากองทุน LTF แบบปกติ
อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลงตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเริ่มเข้าใกล้แนวรับที่เรามองไว้ที่ 90 US$/bbl แม้ว่าเรายังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในตอนนี้ แต่คาดว่าราคาน้ำมันอาจมีการปรับตัวขึ้นทางเทคนิค เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น เก็งกำไร ในกองทุนน้ำมันอย่างระมัดระวัง มองแนวต้านที่ 96 US$/bbl. และถัดไปที่ 105 US$/bbl. และ Cut loss หากหลุดแนวรับที่ 90 US$/bbl.
ทั้งนี้ แม้ระยะสั้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มเเข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท แต่ภาพรวมยังเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังมีแนวโน้มอ่อนค่า จึงยังคงแนะนำกองทุนน้ำมันที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ. Asset Plus สำหรับราคาทองคำระยะสั้นแกว่งตัวในกรอบแคบๆและยังคงยืนเหนือ 1,500 US$/oz. ได้เเข็งเเกร่งจากแรงหนุนของปัญหาหนี้ในยุโรป และแม้ว่าราคาทองคำจะถูกค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นกดดัน เเต่เรายังคงแนะนำสะสมกองทุนทองคำเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลง”มองแนวรับแรกที่ประมาณ 1,490-1,500 US$/oz. และถัดไปที่ 1,425 US$/oz. กองทุนแนะนำยังคงเดิมคือ กองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ..Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล)
ขณะที่ความกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซเริ่มผ่อนคลายหลังได้รับความช่วยเหลือ แต่มองว่าปัญหาไม่จบลงง่ายๆ จึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ เเม้สัปดาห์ล่าสุดมีตัวเลขเชิงบวกออกมาบ้าง เเต่ภาพใหญ่ยังคงไร้ทิศทางชัดเจน ด้วยเหตุนี้ เราคาดว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังคงผันผวนตามปัจจัยระยะสั้นใหม่ที่เข้ามากระทบ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าปัญหาที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อและการปรับสมดุลเศรษฐกิจดูจะแก้ไขได้ง่ายกว่า ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่เติบโตได้มั่นคงกว่า อย่างเช่นภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทำให้เรายังคงเน้นการลงทุนระยะยาวไปยังภูมิภาคดังกล่าว ระยะสั้นอาจมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก แนะนำสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวกองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC ของบลจ. อเบอร์ดีน ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน
นอกจากนี้ แม้ว่าการปรับสมดุลเศรษฐกิจจีนยังคงดำเนินต่อไป กดดันตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงแรง แต่เรามองเป็นจังหวะสะสมหุ้นจีนเพื่อการลงทุนในระยะยาวที่เราคาดหวังการเติบโตที่มั่นคงในระยะถัดไป สำหรับกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ของบลจ.อเบอร์ดีน เช่นกัน นอกจากนี้ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ยังคงแนะนำสะสมกองทุน TMB Global Bond Fund ของ บลจ.ทหารไทย ซึ่งกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง