เอเยนซี - ธนาคารโลก เผยรายงานเศรษฐกิจ เมื่อวันพุธที่ 9 มิ.ย. ว่าเศรษฐกิจจีนยังจะโตต่อเนื่อง และรัฐบาลยังสามารถออกมาตรการควบคุมนโยบายการเงินได้อีกมากเช่นกัน
รายงาน Global Economic Prospects (มิถุนายน 2554) ของธนาคารโลกคาดว่า การขยายตัวของผลผลิตมวลรวมในประเทศจีน (จีดีพี) ปี 2554 จะลดลงจากปีที่แล้ว (ร้อยละ 10.3) มาอยู่ที่ร้อยละ 9.3 ก่อนที่จะลดลงเป็นร้อยละ 8.7 และ 8.8 ในสองปีข้างหน้าตามลำดับ
นายอาร์โด ฮันสัน นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ประจำจีน กล่าวว่า "เศรษฐกิจตอนนี้ที่เราเห็นคือค่อยๆ ลดความร้อนแรงมาอยู่ที่ระดับปานกลาง และก็จะกลับมาขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
อาร์โด กล่าวว่า มาตรการชะลอเศรษฐกิจของรัฐบาลค่อยๆ ทำงานเป็นผลมากขึ้นๆ และยังจะมีช่องทางที่สามารถออกมาตรการเพิ่มได้อีก อาทิ อัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 1 ยังต่ำกว่าตอนที่มีวิกฤติการเงินอยู่ และรัฐบาลยังสามารถปรับอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ฯลฯ เพื่อตอบสนองต่อกฎเกณฑ์ใหม่ และควบคุมการเติบโตในระยะยาว
จากข้อมูลล่าสุด ดัชนีการจัดซื้อ ซึ่งเป็นตัวเลขชี้วัดกิจกรรมการผลิต ได้ลดลงต่อเนื่อง โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 52 มานาน 9 เดือนแล้ว ขณะที่ดัชนีผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งชี้สภาวะเงินเฟ้อ ยังคงคาดว่าจะไต่ขึ้นไปที่ระดับ ร้อยละ 5.5 เทียบเป็นรายปี สูงที่สุดในรอบ 34 เดือน
ดั้งนั้น เพื่อที่จะชะลอการไหลเวียนของเงินที่มีสภาพคล่องสูงและชะลอเงินเฟ้อ ธนาคารกลางจีน คงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนตุลาคม นับเป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ และคงจะเพิ่มสัดส่วนทุนสำรองเงินกู้ของบรรดาธนาคารพาณิชย์ด้วย นับเป็นการเพิ่มฯ ครั้งที่ 8 โดยสัดส่วนจะอยู่ที่ ร้อยละ 21 สำหรับธนาคารผู้ให้กู้รายใหญ่
ฮันสัน กล่าวว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องเงินเฟ้อ แต่เป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการเติบโตยังสวนทางกับนโยบายควบคุมเศรษฐกิจ ของรัฐบาล
ฮานส์ ทิมเมอร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานสำรวจพัฒนาฯ ของธนาคารโลก กล่าวว่า ผู้มีอำนาจตัดสินใจควรจะเฝ้าจับตาดูสัญญาณเศรษฐกิจ ที่เกินขีดจำกัดไปแล้ว ซึ่งเห็นได้ไม่เพียงจากอัตราเงินเฟ้อ แต่ยังชัดเจนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย
รายงานข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า รายงานที่อ้างนักวิชาการของธนาคารกลางจีนบางคน ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีการยกเลิกเพดานจำกัดการซื้อบ้านภายในระยะเวลา 2 ปีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลใช้ เพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ด้านหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยของ ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ นายเจอร์ราด ลีออง กล่าวในรายงานฯ ว่า "เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในไตรมาสสอง เป็นผลจากนโยบายควบคุมของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรในช่วงนี้ เพราะการควบคุมของรัฐบาลมุ่งไปที่การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และแรงกดดันต่างๆ อันเกิดจากความร้อนแรงของเศรษฐกิจ"
ขณะที่ หลู่ ซื่อหมิง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ของ Bank of Communications กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อน่าจะลดลงในครึ่งหลังของปีนี้ และตัวเลขจีดีพี ปี 2554 น่าจะลดมาอยู่ที่ร้อยละ 9.5 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ ระดับร้อยละ 10
จัสติน หยี่ฟู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารโลก กล่าวถึงราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น ทั่วโลกจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งปีนี้อยู่ที่ เฉลี่ยร้อยละ 3.2 และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 3.6 ในปีหน้า (พ.ศ. 2555)
ทั้งนี้ ธนาคารโลก ได้คาดการณ์เศรษฐกิจในช่วงปี พ.ศ. 2554 - 2556 ของบรรดาประเทศกำลังพัฒนาว่า จะหดตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6.3 จากที่เคยอยู่ที่ ร้อยละ 7.3 ในปีที่แล้ว เช่นเดียวกับ กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงก็จะหดตัวเช่นกัน โดยในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 2.2 หล่นจาก 2.7 เมื่อปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าจะกลับขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 2.7 เช่นเดิม
