รอยเตอร์—ธนาคารประชาชน หรือธนาคารกลางจีน ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สี่ นับจากเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานทั้งภาคเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี ขึ้นอีก 25 จุด เท่ากับ 3.25 เปอร์เซนต์ และ 6.31 เปอร์เซนต์ ตามลำดับ โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้(6 เม.ย.)
ความเคลื่อนไหวฯดังกล่าวทำให้กลุ่มวิเคราะห์สงสัยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเดือนมี.ค.ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า จะทะยานสูงกว่าที่คาดคิด
ผู้นำจีนกำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักหน่วง โดยได้ระดมเครื่องมือทางการเงินออกมารับมือ ได้แก่ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 4 ครั้ง และปรับเพิ่มอัตราเงินสดสำรองของธนาคารแล้ว 6 ครั้งนับจากเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำจีนได้กำหนดให้การปราบภาวะเงินเฟ้อเป็นภารกิจหมายเลขหนึ่งของปีนี้
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนยังเกิดขึ้นในจังหวะก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสฯ(7 เม.ย.)ตามที่คาดหมายกัน ซึ่งจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของอีซีบีหลังวิกฤตการเงินโลก อันแสดงว่าขณะนี้เงินเฟ้อกำลังเป็นวาระหมายเลขหนึ่งของโลก
“ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมี.ค. จะต้องสูงมากแน่ๆ
“ธนาคารกลางจึงรุกแรงกว่าที่ตลาดคาดคิดกัน แม้การขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้ เพียง 25 จุด ก็อาจทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน และภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงอย่างสำคัญ ที่สำคัญก็คือ การคุมเข้มนโยบายการเงินของจีน ยังไม่จบสิ้น ” สีว์ เปียว นักเศรษฐศาสตร์ประจำ Merchants Bank ในเซินเจิ้นกล่าว
ทั้งนี้จีนจะแถลงรายงานดัชนีผู้บริโภค หรือซีพีไอของเดือนมี.ค.ในวันที่ 15 เม.ย. โดยกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดว่าตัวเลขซีพีไอซึ่งเป็นปรอทวัดเงินเฟ้อตัวหลักนี้ จะทะยานสูง 5.1 เปอร์เซนต์
ข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและโลหะชะลอตัสลง เนื่องจากกระสกลัวว่านโยบายคุมเข้มของจีนจะลดความต้องการสินค้าวัตถุดิบทั้งหลาย.