เอเอฟพี - ทางการจีนประกาศวันนี้ (11 มี.ค.) อัตราเงินเฟ้อจีนเดือนก.พ. อยู่ที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์ ปีต่อปี แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามคุมอัตราเงินเฟ้อกันสุดกำลัง แต่ก็ยังเกินเป้าที่ตั้งไว้
ผู้กำหนดนโยบายของจีนและผู้บริโภคยังคงกังวลถึงการควบคุมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องด้วยราคาสินค้า อสังหาริมทรัพย์ และเครื่องอุปโภคบริโภค ยังคงลอยตัวต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ชุดชนวนความไม่สงบในสังคมแดนมังกรได้
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือค่าซีพีไอ ปรอทชี้วัดอัตราเงินเฟ้อของจีน ทั้งเดือนม.ค.และ ก.พ. สูงเท่ากันอยู่ที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังเกินเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ว่า เงินเฟ้อประจำปี 2554 ควรเฉลี่ยอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์
นักวิเคราะห์จากบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่มะกัน “ดาว โจนส์” วิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อจีนอาจจะลดลงมาอยู่ที่ 4.8 เปอร์เซ็นต์ได้ เนื่องจากราคาพืชผักค่อย ๆ ลดลงมาบ้าง กอปรกับแถบภาคเหนือของจีนที่ประสบภัยแล้งก็มีหิมะตกลงมาปริมาณมาก เมื่อหิมะละลายจะช่วยบรรเทาความแล้งได้บ้าง
เมื่อราคาสินค้าทั่วโลกลอยตัวสูงขึ้น ดัชนีราคาผู้ผลิตภายในประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้วัดราคาสินค้าจากหน้าโรงงานอุตสาหกรรมของจีน ในเดือนก.พ. ก็อยู่ที่ระดับ 7.2 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ขึ้นมาจากระดับ 6.6 เปอร์เซ็นต์ในเดือนก่อนหน้า
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจีน นายเวิน จยาเป่า กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมสภาผู้แทนประจำปี ว่า การควบคุมราคาสินค้า ถือเป็นหน้าที่หลักอย่างแรกของรัฐบาลในปีนี้ พร้อมกับต้องทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
โดยเวินชี้ว่า “ราคาสินค้าขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นด้วย ปัญหาเหล่านี้กระทบสวัสดิภาพของประชาชน และส่งผลต่อความมั่นคงของสังคม พวกเราต้องเห็นเรื่องนี้สำคัญสุดในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค นั่นคือ การคุมเสถียรภาพราคาสินค้า”
ในรอบสองเดือนแรกของปีนี้ ผลผลิตจากโรงงานปริมาณมหาศาลของจีนได้เพิ่มขึ้นถึง 14.1 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่การลงทุนสินทรัพย์ถาวรในเมือง ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้วัดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐบาล ในช่วงเดือน ม.ค. -ก.พ. เพิ่มขึ้น 24.9 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่ดัชนีมูลค่าการค้าปลีก ซึ่งเป็นเครืองมือในการวัดการใช้จ่ายผู้บริโภค 2 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 15.8 เปอร์เซ็นต์