เอเจนซี-ธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลางแดนมังกร ปรับเพิ่มอัตราเงินสดสำรองของธนาคารปล่อยกู้ อีก 0.5 เปอร์เซนต์ เมื่อวันศุกร์(18 มี.ค.) เพื่อยับยั้งการปล่อยสินเชื่อ และลดกระแสเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มอัตราเงินสดสำรองของผู้ปล่อยกู้ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามของปีนี้ โดยในปีที่แล้ว (2553) ธนาคารกลางจีนได้สั่งเพิ่มอัตราเงินสำรองดังกล่าวไปถึงหกครั้ง
สืบเนื่องจากขณะนี้ผู้นำจีนต้องต่อสู้อย่างหนักในการออกมาตรการต่างๆซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเพิ่มเพดานระดับเงินสดสำรองของผู้ปล่อยกู้ที่จะต้องนำไปเก็บสำรองไว้ที่ธนาคารกลาง เพื่อชะลอการปล่อยสินเชื่อที่เคยช่วยให้ประเทศจีนฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากวิกฤตการเงินโลก แต่ว่าการปล่อยกู้จำนวนมหาศาลกลับยิ่งกดดันภาวะราคา และเงินเฟ้อ ซึ่งกำลังสร้างความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้นำจีน เนื่องจากกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากสุดจากภาวะราคาก็คือ กลุ่มคนยากจนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยคนเหล่านี้ต้องใช้เงินรายได้มากถึงครึ่งหนึ่งไปในการซื้ออาหารที่ราคาพุ่งสูงอย่างน่ากลัว ขณะที่พวกเขาเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ดำเนินมา 30 ปี น้อยที่สุด
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือซีพีไอ ซึ่งเป็นปรอทวัดเงินเฟ้อตัวหลักนั้น เพิ่มสูง 4.9 เปอร์เซนต์ในเดือนก.พ. โดยมีปัจจัยขับดันจากราคาอาหารที่ถีบตัวสูง 11 เปอร์เซนต์ แม้รัฐบาลได้ระดมมาตรการต่างๆที่จะฉุดมันลงมา อาทิ การเพิ่มซับพลาย และรั้งการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ที่ดันราคาหุ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูง
อย่างไรก็ตาม การระดมมาตรการดังกล่าวก็ใช่จะไร้ผล มันเริ่มแสดงผลออกมาบ้าง โดยในต้นเดือนนี้ ธนาคารกลางแถลงว่าการปล่อยกู้ของธนาคารในเดือนก.พ. ลดลงไปถนัด โดยลดลง 26 เปอร์เซนต์ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว เท่ากับ 535,600 ล้านหยวน หรือ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
จีนได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วสามครั้งตั้งแต่เดือนต.ค. แต่กลุ่มเศรษฐกรชี้ว่าธนาคารกลางจีนจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีก ทั้งนี้อัตราเงินออมของจีนนั้นสูงมาก จนแม้มีการขึ้นอัตราเงินสดสำรอง กลุ่มผู้ปล่อยกู้ก็ยังมีปริมาณเงินมากมายให้ปล่อยกู้กัน
ในเดือนม.ค. กลุ่มธนาคารจีนปล่อยกู้เพียง 1 ล้านล้านหยวน (หรือ 153 ล้านเหรียญสหรัฐ) หลังจากที่ปีที่แล้ว(2553) กลุ่มธนาคารปล่อยสินเชื่อไปแล้วเกือบ 8 ล้านล้านหยวน (หรือ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ) เกินเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน
กลุ่มนักวิเคราะห์กล่าวอีกว่ากลุ่มผู้ให้กู้ยืมของจีนดำเนินการเพื่อช่วยชะลอเงินเฟ้อเชื่องช้ามาก โดยขณะนี้รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าเงินเฟ้อสำหรับปีนี้ ไว้ที่ 4 เปอร์เซนต์ แต่กลุ่มนักวิเคราะห์ในภาคเอกชนบอกว่าราคาผู้บริโภค อาจสูงถึง 6 เปอร์เซนต์.