เอเยนซี - จีนประกาศเพิ่มสัดส่วนสำรองเงินสดของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio: RRR) เป็นครั้งที่ 5 ในปีนี้ เพื่อยับยั้งการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเย็นวันพฤหัส (12 พ.ค.) โดยจีนหวังว่ามาตรการที่เข้มงวดจะส่งผลให้เศรษฐกิจของมหาอำนาจจีนเติบโตได้ช้าลงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ธนาคารกลางจีนแถลงในหน้าเว็บ กำหนดสัดส่วนเงินสดสำรองฯ จะเพิ่มขึ้น 0.5 จุด ในวันที่ 18 พ.ค. ซึ่งนั่นจะส่งผลให้มีการเพิ่มระดับสัดส่วนสำรองเงินสดฯ ของจีนซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้รายใหญ่สุดของโลกทุบสถิติถึง 21 เปอร์เซ็นต์
ธนาคารกลางจีนตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนเงินสดสำรองฯ หลังจากได้รับรายงาน (11 พ.ค.) ตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราการกู้ยืมที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ประจำเดือนเม.ย. ซึ่งค่าซีพีไอปรอทชี้วัดเงินเฟ้อยังคงสูงเกิน 5 เปอร์เซ็นต์เป็นเดือนที่ 2 ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจีนเวิน จยาเป่า วางเป้าหมายชะลอเงินเฟ้อ และพยุงการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ช้าลง ซึ่งปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนขยายตัวสูงถึง 11.9 เปอร์เซ็นต์
หวัง ชิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีน แห่งมอร์แกน สแตนลีย์ ชี้ว่า “การควบคุมเงินเฟ้อจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าลง และทางการจีนก็เข้าใจจุดนี้ ทั้งนี้การขยายตัวช้าไม่ได้หมายความว่าจะมีความเสี่ยงมากมายนัก ดังนั้นนโยบายของจีนที่ออกมาในขณะนี้จึงทุ่มไปกับการชะลอเงินเฟ้ออย่างเต็มที่”
นอกจากจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มสัดส่วนสำรองเงินสดธนาคาร จีนยังสั่งให้ธนาคารจำกัดการใช้สินเชื่อและปล่อยค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที 6.5 ต่อดอลลาร์ (29 เม.ย.) เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2536 เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นแม้ว่าจะเพิ่มต้นทุนการส่งออก แต่ก็ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าได้
เมื่อวันพุธ (11 พ.ค.) มีรายงานจากสำนักสถิติปักกิ่งว่า อัตราการขยายตัวการผลิตสินค้าในโรงงานช้าลง หลังจากที่ดัชนีการผลิตลดลงในเดือนเม.ย. ชี้ให้เห็นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอลงแล้ว หลังจากที่ไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ 9.7 เปอร์เซ็นต์
บาร์เคลย์ แคพิตอล ชี้ว่า จีนกักเงินสดสำรองฯ ไว้ประมาณ 370,000 ล้านหยวน (57,000 ล้านดอลลาร์)