เอเอฟพี - ข้อมูลทางการจีนระบุ ยอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาของจีน พุ่งสูงถึง 11,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอัตราส่งออกรายเดือนสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ สหรัฐฯ กดดันจีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจีน เผย(10 พ.ค.)ว่า ยอดการส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 29.9 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี เท่ากับ 155,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าการส่งออกรายเดือนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ ยอดการนำเข้า เพิ่มขึ้น 21.8 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 144,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การคุมเข้มค่าเงินหยวนและยอดเกินดุลการค้าที่พุ่งสูงของจีน เป็นประเด็นร้อนในการพบปะเจรจาระดับสูงด้านเศรษฐกิจและกลยุทธ์ประจำปี ระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการจีน-สหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน(9 พ.ค.)
ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เปิดประเด็นการประชุมฯเมื่อวันจันทร์(9 พ.ค.) โดยชี้ว่า จีนจำเป็นต้องปรับเงินหยวนให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และเปิดตลาดสำหรับการลงทุนให้มากขึ้น
เฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน เผยว่า “ไม่มีการโต้เถียงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในประเด็นทางการค้าระหว่างจีน-มะกัน”
“สหรัฐฯ ต้องผ่อนเกณฑ์ควบคุมการส่งออกสู่จีน และส่งเสริมการส่งออกสู่จีน แทนที่จะมาจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีน จึงจะแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้านี้ได้”
ทั้งนี้ สหรัฐฯ วิจารณ์นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีนอย่างแข็งกร้าว อ้างว่าจีนกดดันค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเกินความเป็นจริง ทำให้ผู้ส่งออกของจีนได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้า
นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปี 2553 ที่จีนให้คำมั่นว่าจะปรับเงินหยวนให้เคลื่อนไหวอิสระมากขึ้น จนถึงตอนนี้ จีนได้ปรับขึ้นค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว 5 เปอร์เซ็นต์ แต่บรรดานักวิจารณ์ยังคงไม่พอใจกับอัตราการปรับขึ้นดังกล่าว โดยอ้างว่า ค่าเงินหยวนต่ำกว่าที่ความเป็นจริงถึง 40 เปอร์เซนต์
ธนาคารกลางจีน กำหนดค่ากลางเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ประจำวันอังคาร(10พ.ค.) เท่ากับ 6.4950 ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนฯ ที่แข็งค่าทำนิวไฮด์สูงสุด นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2553