เอเอฟพี - การเจรจาระดับสูงระหว่างจีน- สหรัฐฯ ในประเด็นการค้าและสิทธิมนุษยชน (9-10 พ.ค.) ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี นั้น ประธานาธิบดีบารักโอบามา พร้อมรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นางฮิลลารี คลินตัน กับรองนายกรัฐมนตรีจีน หวัง ฉีซาน และมุขมนตรีไต้ ปิ่งกั๋ว ได้มีการพบปะพูดคุยกัน โดยสองฝ่ายมีท่าทีที่เป็นมิตรต่อกัน ผู้นำระดับสูงสองยักษ์เศรษฐกิจโลกก็ยืนยันว่า พวกเขายินดีที่จะร่วมมือกัน
จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกมาตรการกีดกันการนำเข้าสินค้าจากจีน และเลิกนำการเมืองมาเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐฯ ก็บอกให้จีนแข็งค่าเงินหยวนเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้า และให้จีนยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน
จีนบอกมะกัน “ใจกว้าง ๆ เลิกคุมสินค้าจีน”
เมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) จีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคุมสินค้าส่งออกและการลงทุนของจีน โดยชี้ว่าการทำเช่นนั้นจะนำมาสู่การพิพาททางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจฯได้
แต่ในระหว่างการเจรจาฯ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังคงกดดันจีนเรื่องการตรึงค่าเงินหยวน ที่เป็นเหตุให้มะกันขาดดุลการค้ากับจีนสุทธิถึง 273,000 ล้านดอลลาร์
เฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีพาณิชย์จีนชี้ว่า หนทางที่จะแก้ความไม่สมดุลนี้ได้ก็คือ สหรัฐฯต้องลดการควบคุมการส่งออกของจีน และหันไปกระตุ้นให้เกิดการส่งออกสินค้ามายังจีน มากกว่าจะมาจำกัดการส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐฯ
เมื่อมองย้อนไปสามปีก่อน อัตราได้เปรียบดุลการค้าของจีนก็ลดลงถนัดตา มาอยู่ที่ 180,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งถ้าวัดตามมาตรฐานสากลแล้วก็ถือว่าอยู่ในระดับที่กำลังดี
“จีนไม่ได้เปรียบดุลการค้าประเทศอื่นใด ยกเว้น สหรัฐฯ” เฉินกล่าว
ในการกล่าวเปิดงานฯ ไกธ์เนอร์ ขุนคลังมะกันได้เรียกร้องให้จีนนำ “โมเดลทางเศรษฐกิจใหม่” มาใช้ นั่นคือใช้อุปสงค์มหาศาลในประเทศเป็นตัวขับดันเศรษฐกิจ และใช้ขนาดประเทศที่ใหญ่โตเป็นฐานทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งปรับระบบการเงินให้คล่องตัวตามมาตรฐานสากลด้วย
นอกจากนั้น ไกธ์เนอร์ยังชี้ว่า จีนควรจะให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์ทางปัญญาด้วย และต้อนรับนักลงทุนต่างชาติอย่างเต็มใจและเป็นมิตร
ขณะที่หวัง ฉีซาน รองนายกฯ จีน ชี้ว่า สหรัฐฯ เองก็ควรจะทำหน้าที่สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจโลก
หวัง ฉีซานบอกมะกัน อย่าเอาการเมืองมาป่วนเศรษฐกิจ
หวัง ฉีซานกังวลว่า สัมพันธ์ทางเศรษฐกิจจีน-มะกันจะต้องพิกลพิการเพราะเหตุทางการเมือง “สิ่งที่ผมกังวลสุดตอนนี้ก็คือสัมพันธ์เศรษฐกิจของสองชาติ ที่กำลังถูกปั่นด้วยการเมือง”
“นี่คือสิ่งที่ผมกังวลที่สุด มันไม่เกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจเลย หลายครั้งที่เรามีโอกาสทางเศรษฐกิจแต่ก็ต้องล้มเหลวไปเพราะการเมือง” หวัง กล่าว
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราต้องทำคือ อย่าให้การเมืองมายุ่งกับเศรษฐกิจ สัมพันธ์เศรษฐกิจสองชาติก็จะไปได้สวยงาม
มะกันเตือนจีนเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นผลประโยชน์ของจีนเอง
นอกจากนั้น สหรัฐฯ ยังเตือนจีนว่า จีนกำลังเชือดเนื้อเถือหนังตัวเอง ที่ปราบปรามบรรดานักเคลื่อนไหวอย่างหนัก
โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีมะกัน เผยความกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีน ในกรณีที่จีนหวาดกลัวกระแสปฏิวัติจากตะวันออกกลาง ส่งผลให้จีนจับนักกฎหมาย นักวิจารณ์ นักเคลื่อนไหวไปหลายสิบคนช่วงเดือนที่ผ่านมา
“เราไม่เห็นด้วยกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจีน” ไบเดนกล่าว “ไม่มีความสัมพันธ์ใดจะสถาปนาขึ้นมาได้บนหลักการที่ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สหรัฐฯไม่เห็นด้วย เราจึงต้องย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า”
“การปกป้องสิทธิเสรีภาพขึ้นพื้นฐาน เช่น การนับถือศาสนา ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของจีน เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้เกิดเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในสังคมระยะยาว” ไบเดนย้ำ
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่มะกันเผยว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามาและนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ชูประเด็นสิทธิมนุษยชนด้วย ในการพบปะส่วนตัวกับผู้แทนจีน
นางคลินตันชี้ว่า ความกังวลเรื่องสิทธิในจีนกระทบเสถียรภาพในเอเชียและการเมืองภายในสหรัฐฯด้วย เพราะเรื่องนี้ทำให้สภาคองเกรสมะกันต้องถกเถียงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีนอย่างไม่หยุดหย่อน
คลินตันเสริมว่า “เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์อันยาวนานว่า หากสังคมใดเคารพสิทธิมนุษยชน ก็จะมุ่งสู่ความรุ่งเรือง เสถียรภาพ และประสบความสำเร็จ”
อย่างไรก็ตาม ไต้ ปิ่งกั๋ว มุขมนตรีจีน เจ้าหน้าที่อาวุโส 1 ใน 2 ของจีน ผู้นำการเจรจาฝ่ายจีนก็ชี้ว่า ประเทศจีนกำลังเดินหน้าเรื่องสิทธิมนุษยชน
ไต้เชื้อเชิญให้อเมริกันชนเดินทางมาเยือนมหาอำนาจแห่งเอเชีย เพื่อให้รับรู้ว่า สัมพันธภาพของชาวจีนนั้นแน่นแฟ้นเพียงใด “พวกคุณอาจจะได้เรียนรู้การเดินหน้าของจีนนั้นกระทำอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เฉพาะเศรษฐกิจแต่รวมทั้งด้านสิทธิมนุษยชนด้วย”
แม้ว่าสหรัฐฯ จะกดดันจีนอย่างหนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังลังเลว่า การเจรจาฯ ในครั้งนี้จะนำไปสู่การปล่อยตัวนักเคลื่อนไหว อาทิ ไอ้ เว่ยเว่ย ศิลปินนักวิจารณ์ปากกล้า และหลิว เสี่ยวปัว ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีที่ผ่านมา หรือไม่
สหรัฐฯและจีนจัดการเจรจาฯ เมื่อเดือนก่อนหน้านี้ ณ กรุงปักกิ่ง ในประเด็นสิทธิมนุษยชนซึ่งก็ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อการปราบปรามนักเคลื่อนไหวของจีน