เอเอฟพี - ไชน่า ซิเคียวริตี้ส์ เจอร์นัลรายงานอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ธนาคารระบุ ธนาคารจีนคาดการณ์ตัวเลขสินเชื่อใหม่เดือนมกราคมน่าจะสูงถึง 1.2 ล้านล้านหยวน (175,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) เนื่องจากธนาคารตอบสนองข้อเรียกร้องของรัฐบาลปักกิ่งในการให้ปล่อยกู้เพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นการปล่อยกู้ในโครงการสร้างถนน พลังงาน เส้นทางรถไฟ และโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน
โดยตัวเลขคาดการณ์สินเชื่อใหม่เดือนมกราคมนี้ มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2551 ถึงเกือบ 50% โดยขณะนั้นยอดอยู่ที่ 803,600 ล้านหยวน และยังสูงกว่าสินเชื่อใหม่เดือนธันวาคมซึ่งอยู่ที่ 771,800 ล้านหยวนด้วย
ตามข้อมูลจากไชน่า ซิเคียวริตี้ส์ระบุว่า ธนาคารรัฐขนาดใหญ่ 4 แห่ง ล้วนแล้วแต่ปล่อยกู้ไปถึง 1 ใน 5 ของเป้าสินเชื่อปี 2552 แล้ว อาทิ ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของจีนอย่าง ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์ได้ขยายการปล่อยสินเชื่อใหม่ในเดือนมกราคมเป็นมากกว่า 200,000 ล้านหยวน ขณะที่ธนาคารเพื่อการก่อสร้างก็ให้กู้ไปมากกว่า 250,000 ล้านหยวน ส่วนธนาคารแห่งประเทศจีน และธนาคารเพื่อการเกษตรขยายสินเชื่อเจ้าละ 100,000 ล้านหยวน
โดยเมื่อปลายปีที่แล้ว คณะมุขมนตรีได้ประกาศจะเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนร้อยละ 17 ในปี 2552 เพื่อดำเนินนโยบายอัดฉีดเงินกู้ 100,000 ล้านหยวน (14,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) พร้อมเรียกร้องให้สถาบันการเงินปล่อยกู้มากขึ้น เพื่อขยายการบริโภคภายในรับมือวิกฤตการเงินในปี 2552 หลังจากเมื่อปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนขยายตัวแค่ 9% เท่านั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก เฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี จีดีพีจีนขยายตัวแค่ 6.8% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ขณะเดินทางเยือนอังกฤษเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า จีนจะต้องเข็น “มาตรการพิเศษ” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก หลังจากเคยประกาศอัดฉีดเงินก้อนโต 4 ล้านล้านหยวนไปเมื่อปีที่แล้ว
และเมื่อวันอังคาร (3 ก.พ.) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลกำลังเตรียมนำเงิน 130,000 ล้านหยวนจากงบ 4 ล้านล้านหยวนมาใช้เพื่อพัฒนาชนบทรอบด้านอีกด้วย