xs
xsm
sm
md
lg

จีนเตรียมทุ่มอีก 600,000 ล้านหยวน ใช้วิทย์ฯกระตุ้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า เยี่ยมประชาชนในโอกาสเดินทางตรวจราชการที่มณฑลเจียงซู
เอเจนซี่ – รัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม มูลค่า 600,000 ล้านหยวน โดยพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี นายกฯ “เวิน เจียเป่า” ย้ำความเชื่อมั่น จีนจะเป็นชาติแรกที่ฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก

วิทยุแห่งชาติจีน รายงานเมื่อวันจันทร์(12 ม.ค.) ว่า นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เปิดเผย ในสุดปสัปดาห์ระหว่างเดินทางตรวจราชการที่มณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นศูนย์การผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกใหญ่ชายฝั่งตะวันออก ว่ารัฐบาลกำลังจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก่อนที่จะถึงการประชุมใหญ่ประจำปีสมัชชาประชาชนในเดือนมีนาคมนี้

มาตรการชุดใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแผนระยะยาวที่รัฐบาลประกาศใช้ในปี 2006 ถึง 2020 โดยครอบคลุมถึงโครงการที่เกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสีย, การป้องกันโรคเอดส์, อุตสาหกรรมผลิตไมโครชิป, เทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย และโครงการด้านพลังงาน

ทั้งนี้รายละเอียดของโครงการต่างๆยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน โดยบางสื่อ ก็ระบุว่า โครงการส่งมนุษย์ไปอวกาศ และโครงการผลิตเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ ก็อยู่ในแผนงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนด้วย

“รัฐบาลกำลังจะเร่งรัดการลงทุนมูลค่า 600,000 ล้านหยวน (88,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อใช้ในโครงการใหญ่ 6 โครงการทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจในปัจจุบัน” เวิน เจียเป่า กล่าว

ทั้งนี้มาตรการลงทุนทางเทคโนโลยี ครั้งล่าสุดนี้เป็นมาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือไปจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (590,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ที่รัฐบาลประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว

ข้างฝ่ายกระทรวงสิ่งแวดล้อมจีน เปิดเผยว่า ได้อนุมัติโครงการ 153 โครงการ มูลค่า 470,000 ล้านหยวน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

นายกฯย้ำ จีนจะเป็นชาติแรกที่ก้าวพ้นวิกฤต

นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ยังกล่าวด้วยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (590,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ที่รัฐบาลประกาศเมื่อปลายปีที่แล้วได้ผล และ จีนจะเป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก

“เรามีความมุ่งมั่นว่าจะเป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินโลก มาตรการต่างๆที่รัฐบาลใช้เริ่มเห็นผลแล้ว โดยตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนธันวาคมดีกว่าที่คาดการณ์ไว้” เวิน เจียเป่า กล่าว

ทั้งนี้เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่สาม ของปีที่แล้วเติบโตเเค่ 9% ถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่ปี 2003 และธนาคารโลก คาดการณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจจีน จะเติบโต 7.5% ซึ่งต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1990

เป้าหมายของรัฐบาลจีน คือ เรียกคืนความเชื่อมั่นของประชาชน และฟื้นฟูธุรกิจที่ซบเซา โดยใช้การลงทุนภาครัฐ และการใช้จ่ายของประชาชน เป็นสองกลไกหลัก

“ผมจะเดินทางไปทุกที่ เพื่อแสดงความเชื่อมั่นของผู้นำประเทศ กระตุ้นให้ภาคธุรกิจลงทุน และประชาชนใช้จ่าย ทั้งนี้ไม่ว่ามาตรการของรัฐบาลกลาง, รัฐบาลท้องถิ่น หรือ วิสาหกิจต่างๆ จะต้องทันเวลา มีผลจริง และต่อเนื่อง ต้องไม่ทำแล้วละทิ้งกลางทาง” นายกฯจีน กล่าว

กวางตุ้ง มาเก๊า ฮ่องกงผนึกกำลังรับมือวิกฤต

ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงสร้างความปั่นป่วนให้กับจีนอย่างไม่ลดละ ล่าสุดทางการมณฑลกว่างตง(กวางตุ้ง) ก็ได้ประกาศจับมือร่วมกับทางการเขตปกครองพิเศษอย่างมาเก๊า และฮ่องกง โดยมีเป้าหมายเปลี่ยนจากศูนย์กลางผลิต สู่แหล่งท่องเที่ยว ทดลองสร้างจุดขายใหม่ที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

ในรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า สามหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและการร่วมทุนในครั้งนี้ ได้แก่ ยึดเอาศูนย์รวมการลงทุนระหว่างประเทศไว้ที่ฮ่องกง ดำเนินโครงการสาธารณูปโภคขึ้นพื้นฐานระหว่างสองแผ่นดิน(กวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า) และผ่อนปรนกฎระเบียบให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ข้ามฝั่งไปยังสองเกาะให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทั้งสามแห่งมีทุนไหลเวียน และสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

นายตู้ อิง รองผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฎิรูปมณฑลกวางตุ้ง ระบุในแถลงการณ์ว่า นอกจากความมือที่ทั้งสามรัฐบาลกำลังร่วมมือกันอยู่นั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ ก็กำลังพิจารณาการก่อสร้างสะพานข้ามจูซันเจี่ยวและฮ่องกง ซึ่งหากผ่านการพิจารณามีความเป็นไปได้ว่าจะสร้างขึ้นภายในปีนี้ โดยประเมินงบประมาณการสร้างราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกของมณฑลกวางตุ้งประจำปี 2008 มีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 5.6 ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 16.7 ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศโตที่ร้อยละ 10.1 ลดลงจาดปีก่อนหน้าร้อยละ 4

อดีตกลต. แนะรัฐบาลตั้งกองทุนพยุงหุ้น

โจว เจิ้งฉิง อดีตผู้อำนวยการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน แนะนำว่า ทางการจีนควรจะใช้ภาษีอากรแสตมป์ และ ทุนสำรองระหว่างประเทศมาตั้งเป็น กองทุนพยุงเสถียรภาพตลาดหลักทรัพย์ และกระตุ้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้โจว เจิ้งฉิง ยังแนะนำว่า รัฐบาลยังอาจใช้งบประมาณประจำปีมาจัดตั้งเป็นกองทุน โดยให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ เป็นผู้บริหารจัดการก็ได้เช่นกัน โดยกองทุนพยุงเสถียรภาพตลาดหลักทรัพย์นี้ จะช่วยกู้สถานภาพของดัชนีหลักทรัพย์จีนที่ตกต่ำ ซึ่งดัชนี CSI 300 ได้ลดลง 66% แล้วในปีนี้
นักเรียนหญิงคนหนึ่งมอบผ้าพันคอให้แก่ นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า
นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า เยี่ยมโรงงานผลิตรถยนต์ที่ใช้ในการเกษตร ที่มณฑลเจียงซู
กำลังโหลดความคิดเห็น