เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า กล่าวกลางที่ประชุมเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ว่า ปีนี้จีนจะเติบโตได้ 8% มั่นใจจีนเติบโตได้อีก 30 ปี พร้อมเรียกร้อง ประเทศร่ำรวย รับผิดชอบ ฐานจุดชนวนวิกฤตการเงินจนหายนะไปทั้งโลก
นายกรัฐมนตรีจีน ตอกย้ำความมั่นใจว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตอย่างน้อย 8% ในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในสังคม
“แม้ว่าความจริงแล้ว จะเป็นการตั้งเป้าหมายที่สูงว่าจะเติบโตถึง 8%ในปี 2009 แต่ผมมั่นใจว่าเราจะทำงานหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้” นายกฯจีน กล่าวด้วยความเชื่อมั่น ทั้งๆที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ประมาณการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้อยู่ที่ 6.7%
เมื่อปลายปีที่แล้ว รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ มูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 590,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนายกฯจีนกล่าวว่า เขามั่นใจเต็มที่ว่า เศรษฐกิจจีนจะกลับมาเติบโตได้เหมือนเช่นที่เคยเป็นมา
“ความมั่นใจของเรามาจากที่ไหน? ความมั่นใจของเรามาจากข้อเท็จจริงที่ว่า พื้นฐานของเศรษฐกิจจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เศรษฐกิจจีนยังคงมั่นคงและมีพัฒนาการที่รวดเร็ว” เวิน เจียเป่า กล่าว
ทั้งนี้ นอกจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่แล้ว รัฐบาลจีนยังมีแผนกระตุ้นรายภาคเศรษฐกิจออกตามมาอีก เช่น การลดภาษี, กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์, แผนพัฒนาภาคชนบท, โครงการขยายทางรถไฟและสาธารณูปโภค, โครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และโครงการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อปีที่แล้ว
นายกฯเวิน เจียเป่า ย้ำว่า เงื่อนไขทางเศรษฐกิจจีนขณะนี้เอื้อให้จีนเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 30 ปี เนื่องจากแรงงานที่มีค่าจ้างที่ถูกแต่มีทักษะที่ดี รวมทั้งการได้ดุลการค้าจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถอัดฉีดเงินสดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ถึงแม้ว่าระบบเศรษฐกิจและการเมืองของจีนจะถูกวิจารณ์จากกลุ่มรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลต่างชาติหลายชาติ แต่ผู้นำจีน บอกว่า ระบบนี้เองที่ทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นให้กับภาคส่วนต่างๆได้ และทำให้เกิดความสมานฉันท์และเสถียรภาพในสังคม โดยผู้นำธุรกิจจำนวนมากก็มั่นใจกับเป้าหมายการเติบโตที่ทางการจีนตั้งไว้
“ผมมั่นใจกับเศรษฐกิจจีนปี 2009 ว่าจะเติบโตได้ 8.0-9.0 %เพราะว่าเรายังมีช่องทางสำหรับการพัฒนาภายในประเทศอีกมาก” หวัง เจี้ยนหลิน รองประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน กล่าว
หวัง เจี้ยนหลิน ยังเป็นประธานกรรมการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ “ต้าเหลียน วั่นต๋า กรุ๊ป” ยังให้ข้อมูลว่า โดยปกติแล้วยอดขายบ้านจะชะลอตัวลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมอยู่เเล้ว เพราะชาวจีนต้องการเก็บเงินไว้ใช้ช่วงตรุษจีน แต่บริษัทของเขาก็ทำยอดขายในเดือนธันวาคมได้มากกว่าช่วงกลางปี เสียอีก
“ราคาอสังหาริมทรัพย์ เริ่มขยับขึ้นมาเเล้ว ผมคาดว่า ในเดือนหน้า รัฐบาลจะออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก ซึ่งอาจเป็นการลดดอกเบี้ยและภาษี ดังนั้นในไตรมาสที่สามและสี่ เราจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน” หวัง เจี้ยนหลิน กล่าว
หลี่ ซูฝู ประธานกรรมการของบริษัทรถยนต์ Geely บอกเช่นกันว่า ยอดขายในเดือนธันวาคมและมกราคมเพิ่มขึ้นมาก และคาดว่ามาตรการล่าสุดของรัฐบาลที่ลดภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์ขนาดเล็ก จะช่วยกระตุ้นยอดขายในเดือนมีนาคมได้”
นักธุรกิจทั้งสองราย ยังบอกว่า ถึงแม้จีนอาจไม่สามารถช่วยกอบกู้เศรษฐกิจโลกที่วิกฤตอยู่ได้ แต่การเติบโตของเศรษฐกิจจีน ก็มีส่วนสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ ที่ดึงให้เศรษฐกิจทั้งโลกในปีที่แล้ว เติบโตมากถึง 22%
เรียกร้องประเทศพัฒนาแล้วรับผิดชอบ
นายกรัฐมนตรีจีน เวิน เจียเป่า ยังใช้เวทีการประชุมเศรษฐกิจโลก เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวย แสดงความรับผิดชอบ ในฐานะที่เป็นต้นตอของวิกฤตการเงิน จนส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก
“สังคมนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาเเล้ว ควรแสดงความรับผิดชอบที่จะลดความเสียหาย จากวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งช่วยประเทศกำลังพัฒนารักษาเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” นายกฯ เวินเจียเป่า กล่าวในที่ประชุมเศรษฐกิจโลก
ผู้นำจีน เรียกร้องให้ปฏิรูประบบการเงินโลก โดยประเทศพัฒนาควรเป็นหัวหอกในการปฏิรูป เนื่องจากประเทศเหล่านี้เป็นเจ้าของเงินตราสกุลหลัก ที่ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
“วิกฤตการเงินครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของระบบการเงินโลก เราต้องขยายการกำกับดูแลระบบการเงินโลกให้เข้มงวด โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเจ้าของเงินตราสกุลหลัก ” นายกฯเวิน เจียเป่า กล่าว
นายกฯเวิน เจียเป่า เสนอว่าแต่ละประเทศร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อช่วยกันตรวจตราความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน โดยย้ำว่า ประเทศต่างๆไม่ควรใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นข้ออ้าง นำไปสู่ลัทธิปกป้องทางการค้า
“ประสบการณ์ในอดีต พิสูจน์แล้วว่า เวลาเกิดวิกฤตนโยบายที่เปิดกว้าง และความร่วมมือกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด” เวิน เจียเป่า กล่าว