ไชน่าเดลี่ – ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนคาดแนวโน้มเงินเฟ้อแดนมังกรน่าจะผ่อนคลายลงในอีกไม่กี่เดือน และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีนกล่าวในการประชุมนอกรอบระหว่างการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ในเมืองบาเซิล, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอาทิตย์ (29 มิ.ย)
เขาระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อในจีนอาจผ่อนคลายลงในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากจีนเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรได้ดี และนโยบายด้านอุปทานเริ่มปรากฎผล ทว่าราคาน้ำมันโลก ซึ่งพุ่งทะยานแตะระดับ 143 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อไม่กี่วัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในขณะนี้อาจเพิ่มแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อของจีนได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์บังคับ ธนาคารกลางจีนก็จะดำเนินมาตรการต่าง ๆเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้า เช่น การใช้นโยบายการเงิน,การเข้าไปดำเนินการในตลาด, การออกตั๋วเงิน และกำหนดมาตรการสำรองเงิน
ด้านนักวิเคราะห์มองถ้อยแถลงดังกล่าวว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อของจีนได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ7.7 ในเดือนพฤษภาคม จากร้อยละ 8.5 ในเดือนก่อนหน้าแล้ว แต่เงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ8.1ในช่วง5 เดือนแรก
ด้านนายหลิว ต้งเหลียง นักวิเคราะห์การเงินของไชน่า เมอร์แชนต์ แบงก์ กล่าวว่า แรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อมีสูง โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลจีนปรับขึ้นราคาน้ำมันเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
นอกจากนั้น ยังอาจได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกจากการเพิ่มการเก็บภาษีไฟฟ้าสำหรับสำนักงานธุรกิจ โดยชาติเศรษฐกิจระบบตลาดเสรีเกิดใหม่บางชาติได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของตนแล้ว ขณะที่คาดว่าสหภาพยุโรปจะทำตามด้วย
นายหลิวชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนจะช่วยลดแรงกดดัน ซึ่งเกิดจากส่วนต่างของดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลงได้บ้าง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิตกว่า หากส่วนต่างขยายกว้างอาจทำให้เงินทุนเก็งกำไรทะลักเข้ามาในแดนมังกรได้
อย่างไรก็ตาม นายจาง จวิน หัวหน้าศูนย์จีนเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น แนะว่า จีนควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกผ่านพ้นไปแล้ว น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากการคุมเข้มนโยบายการเงินกำลังดำเนินไปได้ดี
นายซุน หมิงชูน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเลห์แมน บราเทอร์ เอเชีย เห็นด้วย เนื่องจากตามข้อมูลรายวันและรายสัปดาห์ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าราคาอาหารในจีนยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือลดลงเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน
“เราคาดว่าเงินเฟ้อปีต่อปีในเดือนมิถุนายนจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.5 โดยมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ระหว่างร้อยละ7.2-7.8 หากเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าจะลดความเร่งด่วนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันสั้นไปได้” ซุนระบุ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดอัตรากลางในการแลกเปลี่ยนเงินหยวนต่อเงินดอลลาร์ล่าสุดอยู่ที่ 6.8591 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นครั้งใหม่
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนยังระบุด้วยว่าจีนจะสนับสนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเคลื่อนไหวโดยเสรีอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายงานของสื่อมวลชนระบุว่าถ้อยแถลงนี้น่าจะช่วยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น
นายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีนกล่าวในการประชุมนอกรอบระหว่างการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ในเมืองบาเซิล, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอาทิตย์ (29 มิ.ย)
เขาระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อในจีนอาจผ่อนคลายลงในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากจีนเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรได้ดี และนโยบายด้านอุปทานเริ่มปรากฎผล ทว่าราคาน้ำมันโลก ซึ่งพุ่งทะยานแตะระดับ 143 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อไม่กี่วัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในขณะนี้อาจเพิ่มแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อของจีนได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์บังคับ ธนาคารกลางจีนก็จะดำเนินมาตรการต่าง ๆเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้า เช่น การใช้นโยบายการเงิน,การเข้าไปดำเนินการในตลาด, การออกตั๋วเงิน และกำหนดมาตรการสำรองเงิน
ด้านนักวิเคราะห์มองถ้อยแถลงดังกล่าวว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อของจีนได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ7.7 ในเดือนพฤษภาคม จากร้อยละ 8.5 ในเดือนก่อนหน้าแล้ว แต่เงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ8.1ในช่วง5 เดือนแรก
ด้านนายหลิว ต้งเหลียง นักวิเคราะห์การเงินของไชน่า เมอร์แชนต์ แบงก์ กล่าวว่า แรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อมีสูง โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลจีนปรับขึ้นราคาน้ำมันเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
นอกจากนั้น ยังอาจได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกจากการเพิ่มการเก็บภาษีไฟฟ้าสำหรับสำนักงานธุรกิจ โดยชาติเศรษฐกิจระบบตลาดเสรีเกิดใหม่บางชาติได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของตนแล้ว ขณะที่คาดว่าสหภาพยุโรปจะทำตามด้วย
นายหลิวชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนจะช่วยลดแรงกดดัน ซึ่งเกิดจากส่วนต่างของดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลงได้บ้าง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิตกว่า หากส่วนต่างขยายกว้างอาจทำให้เงินทุนเก็งกำไรทะลักเข้ามาในแดนมังกรได้
อย่างไรก็ตาม นายจาง จวิน หัวหน้าศูนย์จีนเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น แนะว่า จีนควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกผ่านพ้นไปแล้ว น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากการคุมเข้มนโยบายการเงินกำลังดำเนินไปได้ดี
นายซุน หมิงชูน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเลห์แมน บราเทอร์ เอเชีย เห็นด้วย เนื่องจากตามข้อมูลรายวันและรายสัปดาห์ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าราคาอาหารในจีนยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือลดลงเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน
“เราคาดว่าเงินเฟ้อปีต่อปีในเดือนมิถุนายนจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.5 โดยมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ระหว่างร้อยละ7.2-7.8 หากเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าจะลดความเร่งด่วนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันสั้นไปได้” ซุนระบุ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดอัตรากลางในการแลกเปลี่ยนเงินหยวนต่อเงินดอลลาร์ล่าสุดอยู่ที่ 6.8591 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นครั้งใหม่
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนยังระบุด้วยว่าจีนจะสนับสนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเคลื่อนไหวโดยเสรีอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายงานของสื่อมวลชนระบุว่าถ้อยแถลงนี้น่าจะช่วยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น