เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล – แบงก์ออฟไชน่ามีกำไรสุทธิช่วงไตรมาสแรกพุ่งสูงถึงร้อยละ85 ขณะที่รายได้จากดอกเบี้ยปรับขึ้น แต่รายจ่ายของธนาคารจากการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือซับไพร์มในสหรัฐฯ ก็พุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
ผลกำไรสุทธิของแบงก์ออฟไชน่าเพิ่มขึ้นถึง 21,700 ล้านหยวน (3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จาก 11,720 ล้านหยวนในปีก่อนหน้า
ธนาคารปล่อยกู้รายนี้ระบุรายจ่ายเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมจำนวน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับซับไพร์ม โดยปรับขึ้นร้อยละ15 จากสิ้นปีที่แล้ว โดยแบงก์ออฟไชน่ามีการลงทุนดังกล่าวเป็นมูลค่า4,430 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ 31มีนาคม โดยลดลงร้อยละ 11 จากสิ้นปีที่แล้ว
ทั้งนี้ แบงก์ออฟไชน่า เป็น 1ใน 4 ธนาคารใหญ่ของจีน ซึ่งรัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการ และจัดอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินในเอเชีย ที่มีความเสี่ยงจากการลงทุนที่เกี่ยวกับซับไพร์มมากที่สุด
บีโอซี ฮ่องกง โฮลดิ้งส์ (BOC Hong Kong Holdings Ltd.) ซึ่งแบงก์ออฟไชน่าถือหุ้นอยู่ร้อยละ 66 กล่าวว่า ความเสี่ยงของบีโอซี ฮ่องกงจากการลงทุนประเภทนี้ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง โดยอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (256.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ) ในสิ้นไตรมาสแรก หลังจากธนาคารได้ลงบัญชีกันเงินสำรองไว้สำหรับหนี้สูญจำนวน 555 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ความเสี่ยงที่เกิดจากหลักทรัพย์ ซึ่งค้ำประกันโดยสินทรัพย์ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 4,100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม
บีโอซี ฮ่องกงรายงานว่า รายได้จากผลประกอบการสุทธิ ก่อนจะมีการกันสำรองเงินสำหรับหนี้สูญ เพิ่มขึ้นร้อยละ26 จากปีก่อนหน้า อยู่ที่7,220 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
การเพิ่มขึ้นของผลกำไรสุทธิของแบงก์ออฟไชน่า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้น ของรายได้สุทธิจากดอกเบี้ย ร้อยละ19 หรือ40,820 ล้านหยวน ขณะที่รายได้สุทธิจากค่าธรรมเนียมและค่านายหน้าพุ่งขึ้นร้อยละ 83เป็น 9,450 ล้านหยวน
นอกจากนั้น แบงก์ออฟไชน่ายังระบุด้วยว่า การลดอัตราการจัดเก็บภาษีรายได้บริษัทของจีนจากร้อยละ 33 เป็นร้อยละ 25 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเอื้อให้ธนาคารมีผลกำไรสุทธิสูงดังกล่าว
สำหรับเงินกู้ค้างชำระของธนาคารมีจำนวนทั้งสิ้น 3.08 ล้านล้านหยวนเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม โดยสูงขึ้นร้อยละ8.1 จากสิ้นปีที่แล้ว
ส่วนยอดเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4.66 ล้านล้านหยวน
สำหรับอัตราส่วนหนี้สูญของธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 2.84ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม โดยลดลงจากร้อยละ3.12 เมื่อสิ้นปีที่แล้ว
แบงก์ออฟไชน่ากล่าวว่า สำหรับปีนี้ ทางธนาคารตั้งเป้าการขยายตัวของการปล่อยเงินกู้อยู่ที่ร้อยละ13 ซึ่งลดลงจากเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีการปรับขึ้นร้อยละ17
