" ไพบูลย์ " เผยชะลอแผนการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามทั้งงานด้าน M&A และIB หลังตั้งแต่ต้นปี 51 ดัชนีร่วงเกือบ 400 จุด คาดครึ่งปีหลังจะเห็นการทำธุรกรรม ด้านมาร์เกตแชร์ปีนี้ตั้งเป้า 3.5% ขณะที่ไตรมาส 1/51 อยู่ที่ 2.25% เน้นเพิ่มลูกค้ารายย่อยและเพิ่มการเทรดผ่านอินเทอร์เนต พร้อมคาดตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังดีขึ้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะชะลอการลงทุนในเวียดนามออกไปก่อน หลังภาวะตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในช่วงขาลง โดยเมื่อวันที่ 2 มกราคม 51 ดัชนีปิดที่ 929.07 จุด และเมื่อวันที่ 8 เมษายน 51 ดัชนีปิดที่ 548.56 จุด ปรับลดลง 380.51 จุด แต่สำหรับความร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ ซาคอมแบงก์ ซิเคียวริตี้ จำกัด (Sacombank Securities Co., Ltd.) จากเวียดนามยังคงเหมือนเดิม โดยงานต่างๆ ก็ยังคงทำอยู่เพียงแต่รอเวลาให้ตลาดหุ้นเวียดนามฟื้นตัว
" ตอนนี้เรามีดีล M&A ระหว่างบริษัทไทยและเวียดนาม โดยเป็นบริษัทวัสดุก่อสร้าง คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้ และมีงานนำบริษัทไทยที่อยู่ในเวียดนาม 2 บริษัท ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการเกษตร เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งน่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง โดยทั้งหมดต้องดูภาวะตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหลัก" นายไพบูลย์กล่าว
สำหรับ มาร์เกตแชร์ปีนี้ของ TISCO ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5% โดยในไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 บริษัทมีมาร์เกตแชร์ 2.25% ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าสถาบันในประเทศและต่างประเทศรวมกัน 60% และลูกค้ารายย่อย 40% ซึ่งบริษัทจะเน้นเพิ่มจำนวนลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มการให้บริการการซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตให้มาก ขณะเดียวกันบริษัทได้เดินทางไปพบนักลงทุนต่างประเทศเป็นประจำ อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ฮ่องกง สิงค์โปร์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนอยูในกรอบแคบๆ ไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองในประเทศดีขึ้น คดีความต่างๆ มีความชัดเจน โครงการเมกะโปรเจกต์มีการเดินหน้าที่เป็นรูปเป็นร่าง จะทำให้รัฐบาลสามารถเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาได้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติก็พร้อมจะกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จากที่คุยกับนักลงทุนต่างชาติก็ยังมุมมองที่ดีกับตลาดหุ้นไทย โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะชะลอการลงทุนในเวียดนามออกไปก่อน หลังภาวะตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในช่วงขาลง โดยเมื่อวันที่ 2 มกราคม 51 ดัชนีปิดที่ 929.07 จุด และเมื่อวันที่ 8 เมษายน 51 ดัชนีปิดที่ 548.56 จุด ปรับลดลง 380.51 จุด แต่สำหรับความร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ ซาคอมแบงก์ ซิเคียวริตี้ จำกัด (Sacombank Securities Co., Ltd.) จากเวียดนามยังคงเหมือนเดิม โดยงานต่างๆ ก็ยังคงทำอยู่เพียงแต่รอเวลาให้ตลาดหุ้นเวียดนามฟื้นตัว
" ตอนนี้เรามีดีล M&A ระหว่างบริษัทไทยและเวียดนาม โดยเป็นบริษัทวัสดุก่อสร้าง คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้ และมีงานนำบริษัทไทยที่อยู่ในเวียดนาม 2 บริษัท ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการเกษตร เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งน่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง โดยทั้งหมดต้องดูภาวะตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหลัก" นายไพบูลย์กล่าว
สำหรับ มาร์เกตแชร์ปีนี้ของ TISCO ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5% โดยในไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 บริษัทมีมาร์เกตแชร์ 2.25% ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าสถาบันในประเทศและต่างประเทศรวมกัน 60% และลูกค้ารายย่อย 40% ซึ่งบริษัทจะเน้นเพิ่มจำนวนลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มการให้บริการการซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตให้มาก ขณะเดียวกันบริษัทได้เดินทางไปพบนักลงทุนต่างประเทศเป็นประจำ อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ฮ่องกง สิงค์โปร์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนอยูในกรอบแคบๆ ไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองในประเทศดีขึ้น คดีความต่างๆ มีความชัดเจน โครงการเมกะโปรเจกต์มีการเดินหน้าที่เป็นรูปเป็นร่าง จะทำให้รัฐบาลสามารถเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาได้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติก็พร้อมจะกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จากที่คุยกับนักลงทุนต่างชาติก็ยังมุมมองที่ดีกับตลาดหุ้นไทย โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น
