บอร์ด บล.เอเซีย พลัส อนุมัติออกหุ้นกู้วงเงิน 1 พันล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 0.12 บาท หลังปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท รวมทั้งปี50 จ่ายปันผล 0.20 บาท ไฟเขียวตั้งบริษัทย่อย " ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส " ส่วนผลประกอบการปี50 กำไรเพิ่มขึ้น 79 ล้านบาท หรือ 21.60% เหตุจากบริษัทมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
นายประทีป ยงวณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ (Debentures) และ/หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured Notes) และ/หรือหุ้นกู้ในรูปแบบใด ๆ ภายในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 1,000 ล้านบาท หรือมูลค่าเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่จะมีขึ้นในอนาคต โดยให้คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจพิจารณาเงื่อนไขและรายละเอียดการออกหุ้นกู้
พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท เป็นเงิน 243,233,298 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนหุ้น ณ วันที่ 11 มีนาคม 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เมษายน 2551 ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.08 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 162,027,620 บาท เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 รวมบริษัทจ่ายเงินปันผลประจำปี50 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวม 405,260,918 บาท
ทั้งนี้ บอร์ดมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด (Asia Plus Advisory Co.,Ltd.) พร้อมกับกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 14 ในวันที่ 1 เมษายน 2551
และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 14 และสิทธิในเงินปันผล ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2551 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจะแล้วเสร็จ
สำหรับ ผลประกอบการปี50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 444.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.05 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 365.90 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.18 บาท เป็น 0.22 บาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.60% เนื่องจากบริษัทมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 62.14 ล้านบาทในงวดปี49 เป็น 260.03 ล้านบาทในงวดปี50 ซึ่งเป็นกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อค้าและกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงจาก 1,009.27 ล้านบาท เป็น 967.84 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในปี50 บริษัทมีรายได้จากค่านายหน้าลดลงจาก 1,212.18 ล้านบาท เป็น 1,131.24 ล้านบาท หรือลดลง 6.68% และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการลดลงจาก 220.02 ล้านบาท เป็น 181.52 ล้านบาท หรือลดลง 17.50%
นายประทีป ยงวณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ (Debentures) และ/หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured Notes) และ/หรือหุ้นกู้ในรูปแบบใด ๆ ภายในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 1,000 ล้านบาท หรือมูลค่าเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่จะมีขึ้นในอนาคต โดยให้คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจพิจารณาเงื่อนไขและรายละเอียดการออกหุ้นกู้
พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท เป็นเงิน 243,233,298 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนหุ้น ณ วันที่ 11 มีนาคม 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เมษายน 2551 ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.08 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 162,027,620 บาท เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 รวมบริษัทจ่ายเงินปันผลประจำปี50 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวม 405,260,918 บาท
ทั้งนี้ บอร์ดมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด (Asia Plus Advisory Co.,Ltd.) พร้อมกับกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 14 ในวันที่ 1 เมษายน 2551
และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 14 และสิทธิในเงินปันผล ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2551 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจะแล้วเสร็จ
สำหรับ ผลประกอบการปี50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 444.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.05 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 365.90 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.18 บาท เป็น 0.22 บาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.60% เนื่องจากบริษัทมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 62.14 ล้านบาทในงวดปี49 เป็น 260.03 ล้านบาทในงวดปี50 ซึ่งเป็นกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อค้าและกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงจาก 1,009.27 ล้านบาท เป็น 967.84 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในปี50 บริษัทมีรายได้จากค่านายหน้าลดลงจาก 1,212.18 ล้านบาท เป็น 1,131.24 ล้านบาท หรือลดลง 6.68% และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการลดลงจาก 220.02 ล้านบาท เป็น 181.52 ล้านบาท หรือลดลง 17.50%
