ฮ่องกงตื่น “ข้าวไทย” แพงแห่กักตุน จีนงัดมาตรการจำกัดส่งออกรับมือ

ซีน่าเน็ต – ราคาข้าวของโลกที่เพิ่มขึ้น ได้ทำให้หลายประเทศเกรงว่าจะขาดแคลนข้าว โดยเฉพาะราคาข้าวไทยที่พุ่งขึ้น 30% ในช่วงข้ามวันได้ก่อให้เกิดกระแสการแห่ซื้อข้าวเพื่อกักตุนในฮ่องกงขึ้น ด้านจีนแผ่นดินใหญ่ก็งัดมาตรการจำกัดการส่งออกเพื่อป้องกันการขาดแคลน อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ชี้ว่า ราคาข้าวในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ยังเป็นพ่อค้าคนกลางเหมือนเดิม

สื่อของฮ่องกงได้รายงานว่า ในขณะนี้ ฮ่องกงซึ่งส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาข้าวจากประเทศไทยนั้น ได้เกิดการขึ้นราคาขายส่งสูงถึง 30% จากภายในเวลาเพียง 1 วัน จนทำให้เกิดกระแสการกว้านซื้อข้าวในฮ่องกงขึ้น โดยประชาชนบางคนซื้อกันถึงครั้งละ 7 ถุง ในขณะที่เอเยนต์รายใหญ่ผู้นำเข้าข้าวของฮ่องกงได้เปิดเผยว่า เนื่องจากทางประเทศไทยได้ขึ้นราคาข้าวหอมมะลิ โดยขึ้นราคามาอยู่ที่ตันละเกือบ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ

ทว่าที่ผ่านมา เนื่องจากผู้จำหน่ายข้าวในฮ่องกง เคยชินกับการนำข้าวมาสต๊อกไว้ในปริมาณที่จำหน่ายได้ราว 3-4 เดือน คาดว่าราคาขายปลีกของข้าวจะยังไม่พุ่งขึ้นแบบพรวดพราด แต่จะเป็นการขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยในอีก 2 เดือนน่าจะมีการปรับขึ้นราว 10-20% กล่าวคือจากที่แต่เดิมข้าวเปล่าชามละ 5 -10 เหรียญฮ่องกง อาจจะมีราคาสูงขึ้นอีก 1 เหรียญใน 2 เดือนข้างหน้า

นอกจากนั้น ในเว็บไซต์ของทางการฮ่องกงวานนี้ยังได้ลงคำพูดของนายหม่า สือเฮิง ผู้อำนวยสำนักงานการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงที่ได้ออกมาเน้นย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าราคาข้าวจะพุ่งขึ้นสูง อันเนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนและความเสียหายของเกษตรกรในบางพื้นที่ แต่เชื่อว่าในขณะนี้ฮ่องกงยังมีข้าวเพียงพอต่อความต้องการ และเอเยนต์ผู้นำเข้าก็ยังมีปริมาณข้าวสำรองที่มากพอ ขอให้ประชาชนอย่าได้แตกตื่น

มังกรเริ่มปรับตัวกันขาดแคลน

ไม่เพียงแต่ราคาข้าวหอมมะลิเท่านั้น ราคาข้าวสารจากไทยก็ได้ได้เพิ่มขึ้นจากตันละ 580 เหรียญสหรัฐฯมาเป็น 760 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี บวกกับราคาข้าวทั่วโลกต่างมีราคาสูงขึ้น ดังนั้นนอกจากในฮ่องกงแล้ว ทางกระทรวงพาณิชย์ของมังกรเองก็เริ่มปรับตัว จากรายการสินค้าที่มีการควบคุมการส่งออกตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไปนั้น ก็มี “ข้าว” เข้าไปเป็นลิสต์สำคัญในนั้นด้วย โดยได้เน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเงินเฟ้อ และในหลายประเทศที่เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ก็เริ่มมีการจำกัดการส่งออกแล้ว สถานการณ์เช่นนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนอุปทานข้าว และทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

เหมย ซินอี้ว์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้านานาชาติสังกัดกระทรวงพาณิชย์จีนได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้หลายๆประเทศเริ่มมีการออกมาตรการต่างๆมา เพื่อจำกัดการส่งออกธัญพืช ซึ่งบางประเทศถึงกับมีคำสั่งงดการส่งออก ขณะที่จีนเองได้เริ่มต้นยกเลิกการคืนภาษีส่งออกสินค้าอาหาร 84 ประเภทอาทิข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลืองเป็นต้น

เหมยยังได้วิเคราะห์อีกว่า การที่ราคาธัญพืชทั่วโลกสูงขึ้นมีหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทาน โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นมีเพียงเล็กน้อย ในขณะที่อุปสงค์จำนวนมากที่เพิ่มขึ้นกลับไม่ไปได้เป็นไปเพื่อการรับประทาน แต่เป็นไปเพราะอุปสงค์ในการผลิตพลังงาน นอกจากนั้น ต้นทุนการเพาะปลูกที่สูงขึ้นมาก ทำให้ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ราคาธัญพืชประเภทต่างๆจึงสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม เหมยได้ระบุว่าการที่ข้าวหรือธัญพืชต่างๆมีราคาสูงขึ้น ผู้ที่ได้ประโยชน์จริงยังคงเป็นพ่อค้าคนกลาง โดยที่เกษตรกรได้ประโยชน์ในอัตราส่วนที่ต่ำมาก ดังนั้นในระยะเวลา 2 ปีจากนี้ไป เชื่อว่าราคาสินค้าเกษตรจะยังไม่ลดลง

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจีนและเวียดนามได้ประกาศลดการส่งออกข้าวเป็นจำนวนมาก โดยเวียดนามได้ประกาศเมื่อวันที่ 28 ที่ผ่านมาว่าจะลดการส่งออกข้าวลง 22% ส่วนทางอินเดียก็ประกาศปรับขึ้นราคาข้าวส่งออกจากตันละ 650 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 1,000 เหรียญสหรัฐฯเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ ส่วนประเทศกัมพูชาและอียิปต์ก็ประกาศงดการส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 27 เป็นต้นมา

ทางด้านประเทศไทยเอง นอกจากปริมาณข้าวที่ลดลงแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ส่งผลให้ราคาข้าวจากไทยแพงขึ้น โดยนายปราโมช วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโรงสีข้าวไทย ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลไม่ควรจะแทรกแซงราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากราคาที่พุ่งขึ้นนี้เป็นไปตามกลไกของตลาด