กรีนสปอต เปิดตัวหัวเรือใหญ่หวังปั้นไวตามิ้ลค์ผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดนมพร้อมดื่ม 3.2 หมื่นล้านบาท แทนเจ้าตลาดนมโฟร์โมสต์ หลังเห็นเทรนด์อีก 4 ปี ตลาดนมถั่วเหลืองใหญ่กว่านมวัว ระบุราคานมวัวสูง 10-15% ตัวแปรผู้บริโภคแห่ดื่มนมถั่วเหลืองทดแทน อัดฉีดกว่า 100 ล้านบาทลุยตลาด จับมือคาลเท็กซ์ระเบิดแคมเปญ
นายธรรมศักดิ์ จิตติมาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนสปอต จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า หลังจากได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในฐานะผู้จัดการใหญ่ 1 เดือน ได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงมุ่งเน้นกลุ่มนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์เป็นหลัก ซึ่งบริษัทฯวางเป้าหมายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์เป็นผู้นำตลาดนมพร้อมดื่ม จากปัจจุบันตลาดนมพร้อมดื่มโดยรวมมีมูลค่า 32,500 ล้านบาท โฟร์โมสต์เป็นผู้นำตลาด ตลอดจนการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดนมถั่วเหลือง ภายใต้วิชั่นการทำสินค้าให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด กล่าวถึงสภาพตลาดนมถั่วเหลืองว่า หากมองในแง่ปริมาณในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมามีปริมาณมากกว่านมวัว เนื่องจากตลาดมีอัตราการเติบโตสูงถึง 13% จากมูลค่า 7,800 ล้านบาท ขณะที่นมวัวพร้อมดื่มเติบโต 7.3% จากมูลค่า 13,300 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนมวัวพร้อมดื่มปรับราคาเพิ่มขึ้น เพราะนมผงปรับเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าจำหน่ายสูงกว่านมถั่วเหลือง 10-15% ผู้บริโภคจึงหันมาดื่มนมถั่วเหลืองมากขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกับนมเปรี้ยวพร้อมดื่มที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดเติบโต 5% จากมูลค่า 8,600 ล้านบาท ส่วนตลาดเครื่องดื่มธัญพืชโต 18% จากมูลค่า 2,700 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ ตลาดนมถั่วเหลืองจะมีขนาดใหญ่กว่านมวัวพร้อมดื่ม หากนมถั่วเหลืองมีอัตราการเติบโต 20-25% อย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับปีนี้คาดว่าตลาดนมถั่วเหลืองจะมีอัตราการเติบโต 20-25% โดยปีนี้บริษัทฯได้วางงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ล่าสุดใช้งบ 30 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “ไวตามิ้ลค์ 1 ฝาทอง มีค่า 1 บาท เป็นส่วนลดค่าน้ำมัน” จับมือร่วมกับคาลเท็กซ์ สำหรับผู้บริโภคไวตามิ้ลค์ โดยนำฝาขวดไวตามิ้ลค์ รุ่นพิเศษฝาสีทองทุกฝามีมูลค่า 1 บาท สามารถนำมาลดค่าน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์กว่า 430 สถานีบริการทั่วประเทศ ทั้งนี้คาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และกระตุ้นยอดขายไวตามิ้ลค์บรรจุภัณฑ์ขวดฝาทองให้มีอัตราการเติบโต 15-20% ในช่วงเวลา 2 เดือน”
นายชนิต กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทฯจะเปิดตัวสินค้าใหม่ ตลอดจนจับมือร่วมกับพันธมิตรเพื่อเปิดตัวแคมเปญใหม่ ทั้งนี้เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการครองส่วนแบ่ง 52-55% จากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่ง 52% โดยในปีที่ผ่านมาเติบโต 8% แลคตาซอย 34% เติบโต 25% ดีน่า 12% เติบโต 20% และไฮไฟว์ 4% เติบโต 18%