บริษัทไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออย คอร์ปอเรชั่น หรือ ซีนุก (CNOOC) หนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของจีน ที่เคยเป็นข่าวฮือฮากับการที่ต้องผิดหวังจากการซื้อบริษัทยูโนแคล ของสหรัฐฯ กำลังถูกจับตามองว่าได้พัฒนาตนขึ้นมาจากธุรกิจน้ำมันเข้าสู่ธุรกิจการเงิน จนกำลังจะกลายเป็นธุรกิจพลังงานสากลแล้ว โดยหุ้นที่จดทะเบียไว้ที่ตลาดหลักทรัพย์กระดานเอช ในฮ่องกงได้พุ่งขึ้นจากเดิม 7 เหรียญฮ่องกง มาเป็นที่ 11 เหรียญฮ่องกงในปัจจุบัน
“ซีนุก” เป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของจีน จัดตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1982 มีหน้าที่ในการบุกเบิกทรัพยากรด้านน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในเขตทะเลจีนและส่วนอื่นๆ เป็นผู้ประกอบการน้ำมันนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในแดนมังกร โดยในช่วงเริ่มต้นมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 94,900 ล้านหยวน และในปัจจุบันมีคนงานทั้งหมด 51,000 คน
หลังจากเปิดตัวบริษัท นอกจากจะมุ่งทำการบุกเบิกอุตสาหกรรมต้นน้ำแล้ว ซีนุกยังได้พัฒนาเข้าสู่กระบวนการผลิตครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการบุกเบิกแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การให้บริการทางเทคนิค อุตสาหกรรรมการกลั่น การให้บริการก๊าซธรรมชาติและกระแสไฟฟ้า การให้บริการธุรกรรมการเงิน และอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงโครงสร้าง รวมไปถึงการซื้อกรรมสิทธิ์หุ้นและการควบรวมกิจการในต่างประเทศด้วยแล้ว ได้ส่งผลให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปี 2007 เพียงแค่รายได้สุทธิจากกิจการควบรวมทั้งสิ้นก็มากถึง 56,500 ล้านหยวน โดยมีสินทรัพย์จากการควบรวมในมือมากกว่า 300,000 ล้านหยวน
บทบาทสำคัญของซีนุกในปี 2008 นี้ น่าจะเป็นการมุ่งไปที่การบุกเบิกแหล่งพลังงานในทะเลลึก โดยนายเซียวจงเหว่ย ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทได้เปิดเผยว่า ในแผนการลงทุนปี 2008 ของบริษัทนั้น เราเตรียมจะทุ่มงบจำนวน 1,042 ล้านในการค้นหาแหล่งพลังงาน และอีก 4,149 ล้านหยวนในการบุกเบิก หรือเพิ่มขึ้นจากงบที่ใช้ในปี 2007 ถึง 40%
ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินเอาไว้ว่า พลังงานในทะเลลึกนั้นจะมีมากกว่าที่อยู่บนแผ่นดินถึง 100 เท่า อีกทั้งแหล่งน้ำมันในทะเลส่วนใหญ่ยังเป็นที่ที่บริษัทพลังงานของจีนยังก้าวเข้าไปไม่ถึง ซึ่งในกรณีนี้ นายหลิวจวิ้นซัน ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทซีนุกได้ชี้ว่า “ในครึ่งปีแรก เราจะทุ่มไปที่การค้นหาแหล่งพลังงานทั้งในและนอกเขตที่คุ้นเคย โดยตั้งเป้าจะเสาะหาแหล่งน้ำมันทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง อีกทั้งเร่งทำการวิจัยเพื่อเพิ่มมาตรฐานและประสิทธิภาพในการค้นหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ”
ในด้านตลาดทุนและตลาดการเงิน ซีนุกมีบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ทั้งในและต่างประเทศ 4 บริษัทได้แก่บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น,บริษัท ไชน่า ออยฟิลด์ เซอร์วิส , บริษัทซีนุก เอ็นจิเนียริ่ง และ บริษัท ไชน่า บลูเคมิคอลจำกัด ซึ่งบริษัทแม่นั้นเคยได้รับรางวัลบริษัทที่มีการบริหารจัดการยอดเยี่ยมต่อกัน 3 ปีซ้อนจากนิตยสารไฟแนนซ์ เอเชีย และรางวัลบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าสูงสุดจากซีซีทีวี 3 ปีซ้อน โดยล่าสุดมูลค่าตลาดของบริษัททั้ง 4 นั้นเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 1 เท่าตัว จากที่เมื่อปลายปี2006 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 379,200 ล้านหยวน
ผลประกอบการด้านการเงินที่สูงถึงเกือบ 3,400 ล้านหยวนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลขรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสร้างความประหลาดใจได้ไม่น้อย โดยในปีที่ผ่านมา ซีนุกมีกำไรจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินถึง 3,398 ล้านหยวน คิดเป็น 1.3% และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.37% จนค่อยๆพัฒนาเข้ามาเป็นตัวสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัท
โดยเฉพาะในด้านนี้ เมื่อกลางปี 2007 ทางบริษัทถึงกับทำการปฏิรูประบบการเงินการลงทุนของบริษัท ด้วยการตั้งคณะกรรมการนโยบายด้านธุรกิจการเงินของบริษัทขึ้น เพื่อจัดสรรให้มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายบริหารจัดการทางการเงินและนโยบายการลงทุนของบริษัท จนกลายเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการและบริหารการเงินอย่างเป็นรูปธรรมของวิสาหกิจขึ้น
อย่างไรก็ตาม ต่อประเด็นการกลับคืนมาจดทะเบียนในตลาดกระดานเอของแผ่นดินมาตุภูมินั้น เซียวจงเหว่ยได้เปิดเผยว่า “เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลจีนยังไม่มีนโยบายเกี่ยวกับหุ้นเรดชิปที่แน่นอนออกมา ดังนั้นทางเราจึงยังไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรมสำหรับการจดทะเบียนในตลาดกระดานเอ อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นเรดชิปจะกลับไปจดทะเบียนในตลาดจีนนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น โดยเฉพาะซีนุก ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันหลักของจีน เรามีหน้าที่ที่จะต้องร่วมเติบโตไปกับเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อให้นักลงทุนในประเทศนั้นได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาของบริษัทร่วมกัน”
ทั้งนี้ เมื่อเดือนก.ย. 2007 ที่ผ่านมา นายหวังเทาผู้อำนวยการคณะกรรมการแห่งชาติจีนในการประชุมสมัชชาน้ำมันปิโตรเลียมโลกกล่าวว่า ตามรายงานประเมินทรัพยากรฉบับล่าสุด จีนอาจจะค้นพบทรัพยากรน้ำมันดิบได้กว่า 6 5,000 ล้านตัน ส่วนทรัพยากรน้ำมันที่ได้รับการสำรวจแล้วในปัจจุบันมีเพียง 39% ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติในขณะนี้ได้ค้นพบมาแล้วเพียง 24 % เท่านั้น
เรียบเรียงจากซินหัวเน็ต และโปรไฟล์ บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออย คอร์ปอเรชั่น