xs
xsm
sm
md
lg

ความตึงเครียดและชัยชนะ ซ่อนเบื้องหลังปีทอง 2550

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเชียไทมส์ – ปี 2550 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีทองของจีน ทว่าเป็นชัยชนะที่คละเคล้าด้วยความตึงเครียด ซึ่งปราชญ์ขงจื้อเตือนว่า ในความสงบ ยอดคนไม่ควรนิ่งนอนใจ

ในปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป ดัชนีชี้วัดส่วนใหญ่ บ่งชี้ความสำเร็จของจีน ไม่ว่าเศรษฐกิจที่ยังร้อนแรง, ประธานาธิบดีหูจิ่นเทารั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ต่ออีก 5 ปี, การส่งยานสำรวจดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ประกาศศักดาโครงการสำรวจอวกาศ และล่าสุดจีนกำลังแต่งตัว เพื่อเตรียมเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในปีหน้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ เตือนใจว่า หลังพ้นศตวรรษที่ 20 แห่งการนองเลือดและความโกลาหล จีนได้ผงาดบนเวทีโลกแล้วในฐานะประเทศ ที่ชาติพัฒนาต้องคารวะ ส่วนชาติกำลังพัฒนาอิจฉาตาร้อน และพยายามเอาอย่าง

แล้วทุกคนจะวิตกอะไรนักหนา ?

ปราชญ์ขงจื้อสอนว่า “ ยามพักผ่อนในที่ปลอดภัย ยอดคนกลับไม่ลืมว่าอันตรายอาจกรายกล้ำ ในสภาวะมั่นคง กลับไม่ลืมว่า บางทีอาจวิบัติฉิบหาย เมื่อสรรพสิ่งอยู่ในระเบียบ กลับไม่ลืมว่าไร้ระเบียบอาจมาเยือน ฉะนั้น ตัวของเขาจึงไม่ตกอยู่ในอันตราย รัฐและชนร่วมแซ่เดียวกัน ล้วนได้รับการปกปักษ์”

จีนวันนี้ แม้ทุกสิ่งไม่อยู่ในระเบียบอย่างแท้จริง แต่หลายสิ่งก็ดีกว่าที่เคยเป็นมานับตั้งแต่จักรพรรดิจีนดูแคลนชาติอื่น ๆ ในโลก เหตุจลาจลและการเข่นฆ่าล้างผลาญในศตวรรษที่แล้วถูกลบล้าง ไปสู่ภาพลักษณ์ของชาติ ที่ไม่เพียงแต่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหาร แต่ยังเป็นสมาชิก ที่มีความรับผิดชอบในประชาคมโลกอีกด้วย ทว่าท่ามกลางหลักฐานมากมายสนับสนุนภาพลักษณ์สูงส่ง แต่ก็ยังมีเหตุให้ต้องวิตกกังวลอย่างที่ขงจื้อเตือน

ชัยชนะที่ไม่เต็มร้อยของหู

มีชาติแถวหน้าของโลกกี่ชาติ ที่มีพรรคการเมืองเดียว และหวาดกลัวประชาชนของตัวเอง ? การได้รับแต่งตั้งอีกครั้งในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 17 เมื่อเดือนตุลาคม อาจถือเป็นชัยชนะของประธานาธิบดีหู และพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ก็ตอกย้ำให้นานาชาติ ตระหนักว่าจีนในคราบนักลงทุนรายใหม่เลิศหรู ถึงอย่างไร ก็ยังเป็นชาติเผด็จการเบ็ดเสร็จอยู่ดี

“ประชาธิปไตยภายในพรรค” เป็นหัวข้อหนึ่งในการประชุมสมัชชาใหญ่ ซึ่งฟังดูดีไม่เบา แต่พอเผยโฉม อุดมคติประชาธิปไตย กลับถูกบรรดาผู้นำจีนบิดเบือน เพื่อนำมาอ้างความชอบธรรมของการปกครองเผด็จการต่อไป นายหลี่หยวนเจ้า ที่เพิ่งได้รับเลือกนั่งในคณะกรรมการกรมการเมือง ประกาศชัดเจนในบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ กระบอกเสียงตัวใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนที่แล้วว่า “ขณะขยายประชาธิปไตยภายในพรรค เรายังจำเป็นต้องยึดถือความเป็นเอกภาพของพรรคต่อไป ยึดมั่นวินัยทางการเมืองของพรรคอย่างซื่อสัตย์ มีความเห็นสอดคล้องกับคณะกรรมการกลางโดยไม่มีเงื่อนไข และพิทักษ์อำนาจของคณะกรรมาธิการกลาง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า มติและการตัดสินใจได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประชาธิปไตยฉบับพิเศษของจีนมีค่าเท่ากับการปกครองแบบพรรคเดียว แม้โปะเครื่องประดับครบเครื่อง ไม่ว่าการอภิปราย,การเลือกตั้ง, ผู้ชนะ และผู้พ่ายแพ้ แต่ปราศจากเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นประชาธิปไตยลายลักษณ์อักษร ที่บัญญัติผลไว้ก่อนแล้ว ผลเหล่านั้น ดีสำหรับหู แม้จะไม่ดีอย่างที่อาจวาดหวังไว้ก็ตาม

หูสร้างความแข็งแกร่งอำนาจการปกครองสำเร็จ โดยยัดพรรคพวกจากสันนิบาตยุวชนพรรคคอมมิวนิสต์ ฐานอำนาจตัวเอง เข้าไปในนั่งในคณะกรรมการกลาง ซึ่งมีจำนวน 204 คน ได้เห็นทฤษฎี “การพัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์” ของตน บรรจุในธรรมนูญพรรค เป็นการถีบตัวขึ้นสู่ระดับเดียวกับปูชนียบุคคลอย่างประธานเหมาเจ๋อตง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน, ท่านผู้นำเติ้งเสี่ยวผิงที่ยิ่งใหญ่ และผู้นำจีนคนก่อนคือเจียงเจ๋อหมิน

ชัดเจนว่า ยุคของบุรุษแกร่งเจียงเจ๋อหมินจบสิ้นไปแล้วในการเมืองจีน แต่ประธานาธิบดีหูก็ไม่ได้ทุกสิ่งอย่างต้องการ เช่น แนวคิดเรื่อง”การสร้างสังคมสอดคล้องกลมกลืน” ที่หูป่าวประกาศ ไม่ถูกบรรจุในธรรมนูญ แต่ผู้แทนสมัชชาใหญ่กว่า 2,200 คน นำภูมิปัญญาชิ้นนั้นทิ้งลงถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ การสร้างสังคมที่กลมกลืนมีนัยถึงการอาศัยในสังคมที่ไม่กลมกลืน สมัชชาใหญ่ไม่ต้องการเน้นประเด็นนั้น ในเวลาที่จีนเตรียมขันสลักเกลียวเศรษฐกิจให้มั่นคง ซึ่งจะยิ่งถ่างกว้างช่องว่างคนรวยคนจน ที่ถ่างกว้างจนน่าตกใจอยู่แล้ว

นอกจากนั้น หูยังปฏิเสธเลือกทายาททางการเมือง ระหว่างหลี่เค่อเฉียง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเหลียวหนิง เด็กในคาถาของหู กับ “ท่านอ๋อง” สีจิ้นผิง

คู่แข่งทั้งสองได้รับเลือกจากสมัชชาให้นั่งในคณะกรรมการกรมการเมืองประจำ 9 คน ซึ่งเป็นคณะผู้กุมอำนาจสูงสุดของจีน หูนั้นหนุนหลังหลี่ ซึ่งเขาอุปถัมภ์ค้ำชูให้ขึ้นครองอำนาจ หลังวาระผู้นำสมัยที่ 2 หมดลงในปี 2555 แต่แหล่งข่าววงในคาดว่า สีจะเป็นผู้นำแดนมังกรคนต่อไป เพราะถือไพ่เหนือกว่าด้วยบารมีภายในพรรคของสีจ้งซวิน ผู้บิดา ผู้อาวุโสสีถือเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งในการปฏิวัติ และเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพรรค แต่ต่อมาถูกประธานเหมากำจัด กระทั่งกลับมามีวาสนาบารมีอีกครั้งในยุคผู้นำเติ้ง โดยผงาดขึ้นเป็นสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง และบุตรชายเจริญรุ่งเรืองยิ่งไปกว่าบิดา

และในวันนี้ที่จีนเข้าใจความสำคัญของสื่อมวลชนดีขึ้น ความเป็นนักร้องโซปราโน่ ผู้กุมหัวใจแฟนเพลงรุ่นดึก และรุ่นกลางคนของเผิงลี่หยวนภรรยาคนสวยของสี ยิ่งขับเน้นให้เรื่องราวของสีโดดเด่น ในกาลข้างหน้า หากได้เป็นประธานาธิบดีขึ้นมา ความเป็นประธานาธิบดีของสีย่อมแตกต่างจากของผู้นำจีนคนอื่น ตรงที่เขามีภรรยาชื่อดังร่วมตกเป็นเป้าสายตา คนทั้งสองมีลูกสาวน่ารักชื่อหมิงเจ๋อและทั้งสามจะกลายเป็นครอบครัวหมายเลขหนึ่งครอบครัวแรกของจีน ที่ให้ทั้งความสวยงามและน่าหลงใหลเป็นส่วนประกอบให้กับสูทสีดำ และสโลแกนทางการเมืองของท่านผู้นำ

สีไวโอลินกลางเพลิงผลาญกรุงโรม

ว่ากันว่า คนวงในยังมองสี เป็นประธานาธิบดี และหลี่เป็นนายกรัฐมนตรี

หันกลับมามองดูหูและเวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีกันบ้าง คนทั้งสองกำลังเผชิญกับผลดีและผลเสียของเศรษฐกิจที่บานไม่หุบ มันให้ประโยชน์มหาศาลแก่ชาวบ้านทั่วไป ขณะเดียวกัน ก็ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างชำแรกลึก เพาะเชื้อคอร์รัปชั่นระบาดไปยังมณฑลต่าง ๆ เวิน ซึ่งรับผิดชอบรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ถูกวิจารณ์แหลก แม้แต่ในพรรคเอง ที่งัดมาตรการเยียวยาหลายชุดมาใช้เมื่อปีที่แล้ว แต่ไร้น้ำยา เนื้อหาที่รุมสวดไม่ต่างอะไรกับสำนวนที่ว่า จักรพรรดิเนโรสีไวโอลิน ขณะเพลิงผลาญกรุงโรม

ไม่ใช่เฉพาะเวิน ที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย มาตรการครึ่ง ๆ กลาง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในจีน ก็มีส่วน ยกตัวอย่าง ขณะที่การรณรงค์ปราบปรามคอร์รัปชั่นของรัฐบาลกลาง สามารถจับปลาใหญ่อย่างเฉินเหลียงอี่ว์ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้ ในข้อหายักยอกกองทุนบำนาญของเมืองจำนวน 470 ล้านดอลลาร์ แต่ฝูงปลาซิวปลาสร้อย และปลาใหญ่ ยังว่ายเริงร่าในวัฒนธรรมคอร์รัปชั่น อำนาจระดับล่างไม่แยแสคำประกาศเลิศลอยกำจัดการรับสินบนอันชั่วช้า

หรือกรณีความพยายามรักษาสิ่งแวดล้อมของจีน ซึ่งดำเนินล่าช้า สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ขึ้นบัญชีและประณามบริษัทไม่กี่ราย มีการสั่งปรับ และตักเตือน ขณะที่มลพิษในอากาศและแม่น้ำลำคลองเน่าเหม็นขึ้นทุกวัน

บรรดาผู้นำจีนได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเหล่านี้แล้ว แต่เหตุใดจึงปรากฎผลน้อยเหลือเกิน? พวกเขาดูเหมือนฝากความหวัง และพร่ำภาวนา เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ให้จีนหาทางลงได้นุ่มนวลในปี 2551

ความตึงเครียดด้านการค้า

เศรษฐกิจที่เติบโตมาเกือบ 30 ปี ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ร้อยละ 11.5 ต่อปีของจีน มีใครโต้แย้งเรื่องนี้ได้บ้าง? เศรษฐกิจจีนเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักติดต่อมา 5 ปี ส่งผลให้ชาวจีนหลายล้านคนหลุดบ่วงความยากจน ชนชั้นกลางขยายตัว และสโมสรเศรษฐีขยายตัวเร็วกว่าชาติใด การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้และใหญ่ที่สุดสำหรับหลาย ๆปี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ มีความแตกต่างจากปีก่อน ๆ เพราะมีความตึงเครียดและความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย

โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ เห็นชัดว่า หมดความอดทนกับเศรษฐกิจระบบตลาดเวอร์ชั่นของจีน การบดขยี้จีนกลายเป็นกีฬายอดฮิตในรัฐสภา และการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่สหภาพยุโรปเริ่มเขยิบใกล้จุดยืนแข็งกร้าวแบบชาวอเมรินบ้าง

ในการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจที่กรุงปักกิ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปีเตอร์ แมนเดลสัน กรรมาธิการการค้าอียู เปิดปากพูดปัญหากับจีนตรง ๆ โดยเรียกร้องอีกครั้งให้จีนปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าอย่างเป็นอิสระมากขึ้น แม้เงินหยวนได้แข็งค่าขึ้นมากว่าร้อยละ 11 แล้ว หลังจากจีนตัดสินใจเลิกผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม 2548 แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า เงินหยวนยังอ่อนค่าอยู่มากถึงร้อยละ 40

แมนเดลสันยังพุ่งเป้าประเด็นอื่น ๆ เช่น ปัญหาความไม่ปลอดภัยของสินค้าจีน และการไหลบ่าของสินค้าส่งออกปลอม “ เจ้าหน้าที่จีนบางท่านชี้ว่าสินค้าส่งออกของจีนไปยุโรปไม่ถึงร้อยละ 1 มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ” เขากล่าวในสุนทรพจน์พิธีเปิดการประชุมว่าด้วยความปลอดภัยด้านอาหารระหว่างประเทศ “ แต่ยุโรปนำเข้าสินค้าจากจีนแต่ละวันเป็นมูลค่าถึงครึ่งพันล้านยูโร (750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ฉะนั้น แม้แต่ร้อยละ 1 ก็ยอมรับไม่ได้”

อาการขวานผ่าซากของแมนเดลสัน ทำให้ “หญิงเหล็ก” ในการเจรจาการค้าอย่างรองนายกรัฐมนตรีอู๋อี๋ แค้นมาก ถึงกับสวนตอบว่า “ดิฉันผิดหวังสุนทรพจน์ของคุณปีเตอร์ แมนเดลสันเหลือเกิน”

และการโต้ตอบเผ็ดร้อนนั้น มีผลต่อบรรยากาศการประชุมไม่น้อย

ในเดือนถัดมา อู๋อี๋เปิดการเจรจาเศรษฐกิจรอบใหม่ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง ที่เมืองตากอากาศเซียงเหอ โดยโจมตีมาตรการปกป้องการค้าของสหรัฐฯ และตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างสองประเทศ การพิจารณาร่างกฎหมายหลายฉบับในลักษณะต่อต้านจีน การนำประเด็นการค้าและเศรษฐกิจมาโยงกับการเมือง ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมสินค้านำเข้า นอกจากนั้น อู๋อี๋ยังตำหนิสื่อมวลชนอเมริกัน ที่รายงานข่าวปัญหาความปลอดภัยด้านอาหารของจีนเกินจริง จนทำให้สินค้าส่งออกของจีนและภาพลักษณ์ประเทศเสื่อมเสียขสาหัสสากรรจ์

แม้เฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลัง และคาร์ลอส กูเตียร์เรซ รัฐมนตรีการค้าของสหรัฐฯ พยายามบรรเทาข้อขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย แต่ความตึงเครียดที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ยังไม่ไปไหนอีกนาน

เซี่ยซี่ว์หริน รัฐมนตรีคลังจีนตำหนิสหรัฐฯ อย่างเปิดเผยเช่นเดียวกับอู๋อี๋ เกี่ยวกับการนำร่างกฎหมายกว่า 50 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้ากับจีน เข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส เซี่ยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหัวว่า เป็นความโน้มเอียงไปสู่ลัทธิปกป้องการค้าอย่างค่อนข้างน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ รัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้ยื่นฟ้องจีนต่อองค์การการค้าโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ และการปลอมแปลงสินค้าสหรัฐฯ และการลักลอบให้เงินอุดหนุนแก่สินค้าส่งออกของจีน

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนก็กำลังร้อนแรง และความร้อนแรงมีโอกาสผ่อนคลายลง การอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้จีนเกิดสภาพคล่องอย่างมาก โดยมีเงินราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทะลักเข้าเศรษฐกิจจีนในแต่ละเดือน จำนวนเงินหมุนเวียนทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศเพิ่มร้อยละ 18.5 ในปีที่แล้ว การปล่อยเงินกู้ของธนาคารเพิ่มร้อยละ 8 และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น การก่อสร้างโรงงานใหม่, เครื่องจักร และอุปกรณ์สำนักงาน เพิ่มถึงร้อยละ 30 ขณะเดียวกันราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น และการค้าในตลาดหุ้นร้อนแรง ส่วนเงินเฟ้อปรับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 6.9 เมื่อเดือนที่แล้ว

บางสิ่งจำต้องให้

หากรัฐบาลจีนมีแผนออกมาตรการทางเศรษฐกิจ ที่ได้ผลชะงัด เช่น ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูง หรือปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเร็วขึ้น ก็จะต้องรอไปจนกว่ามหกรรมกีฬาโอลิมปิกจะปิดฉาก บรรดาผู้นำแดนมังกรต่างหวาดกลัวการเกิดความไม่สงบในสังคม อันอาจเกิดจากการเพิ่มมาตรการเข้มงวด ซึ่งก็มีความเข้มงวดอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาไม่ต้องการให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงปัญหาปากท้อง ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ชาติแถวหน้าของโลกและเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก ที่จีนพยายามนำเสนอต้องมัวหมอง

ฉะนั้น จงลืมไปได้เลยสำหรับปัญหาทุกอย่างในตอนนี้ เชิญมาดื่มแชมเปญฉลอง และประกาศความรักชาติกันก่อนดีกว่า เพราะกีฬาโอลิมปิกกำลังจะมาถึงแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น