ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นเศรษฐีระดับพันล้านได้ในอเมริกา และจะยิ่งยากเข้าไปอีกเมื่อคุณเป็นคนผิวสี!!
ประเทศเสรีนิยมนี่แหละที่โอกาสไม่ได้เปิดกว้างอย่างคำร่ำลือ ความเหลื่อมล้ำในสังคมที่มอบอภิสิทธิ์ให้แก่คนผิวขาว ยังคงเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และช่องว่างทางสังคมยังคงทิ้งห่างกันอย่างไม่เห็นฝุ่น
จากลิสต์การจัดอันดับมหาเศรษฐีระดับท็อปของโลกล่าสุด มีมหาเศรษฐีผิวสีอยู่ 13 ราย ซึ่งถ้านับเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เพิ่งเกิดกรณีตำรวจผิวขาวสังหารคนผิวสีบนถนนอย่างเกินกว่าเหตุ มีเศรษฐีระดับพันล้านจำนวน 607 คน แต่มีเพียง 5 คน! ที่เป็นคนผิวดำ มาดูว่ามีใครกันบ้าง...
อันดับ 5 เจย์-ซีซ์
ระดับความรวย : $1,000 ล้าน
ชอว์น คาร์เตอร์ หรือที่รู้จักกันในวงการว่า เจย์-ซีซ์ น่าจะเป็นนักร้องฮิปฮอปรายแรกที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้รวยขึ้นมาได้ถึงระดับพันล้าน ทว่า ทรัพย์สินเงินทองดังกล่าวหาใช่มาจากรายได้ในการทำเพลงของเขาเพียงอย่างเดียว หากเป็นการเลือกลงทุนที่ชาญฉลาดของเขาในหลายธุรกิจ
คาดว่า เจย์-ซีซ์ ทำเงินจากธุรกิจเพลง 14 อัลบั้ม เป็นเงินราวๆ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ธุรกิจเสื้อผ้าที่เขาขายลิขสิทธิ์ให้กับไอคอนนิกซ์ ก็ทำเงินได้ถึง 204 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เขายังมีหุ้นในแบรนด์คอนญัคดุสเซ แล้วยังซื้อบริษัทให้บริการเพลงแบบสตรีมมิ่ง ทีดัล มา 56 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะขายหุ้นให้สปรินต์ไป 33% และได้เงินมาถึง 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้เพิ่มมูลค่าให้กับทีดัลเป็น 600 ล้านดอลลาร์
เจย์-ซีซ์ ยังเป็นเจ้าของชิ้นงานศิลปะมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ มีหุ้นในบริษัท อูเบอร์ มูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ บวกกับบ้านและที่ดินอีก 50 ล้านดอลลาร์
ไมเคิล จอร์แดน อาศัยชื่อเสียงความสำเร็จในการเป็นนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอของเขา สร้างแบรนด์รองเท้าที่ขายดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก จนกลายเป็น (อดีต) นักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ลำพังเงินเดือนของเขาเมื่อครั้งยังเล่นให้กับทีมชิคาโกบูลส์ก็ถือว่าสูงกว่านักกีฬาด้วยกันอยู่แล้ว ทว่า สิ่งที่เขาได้จากบรรดาสปอนเซอร์ที่มาจ่อคิวขอให้เป็นพรีเซ็นเตอร์นั้นต่อยอดได้มากมายมหาศาล
ไมเคิล คว้ารายได้จากการแสดงภาพยนตร์ระดับบอกซ์ออฟฟิศเรื่อง Space Jam ไป 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ เดอะ ชาร์ลอตต์ ออร์เน็ตส์ ที่เขาซื้อไว้ก็กลายเป็นรายได้หลักที่ราว 1,005 ล้านดอลลาร์ ยังไม่ได้นับรวมรายได้จากรองเท้าแอร์ จอร์แดน ที่ร่วมผลิตกันไนกี้อีกนะ
อันดับ 3 โอปราห์ วินฟรีย์
ระดับความรวย : $2,700 ล้าน
โอปราห์ วินฟรีย์ เกิดจากครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวในมิสซิสซิปปี เธอเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัวจากอาชีพคนอ่านข่าว ก่อนจะมีรายการทอล์กโชว์พะยี่ห้อชื่อตัวเอง ดิ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ยาวนานมากว่า 25 ปี และรายได้หลักของเธอก็มาจากรายการทอล์กโชว์นี่เอง โดยรวมๆ แล้วมีมูลค่าถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ จากรายงานของเดอะ ลอสแองเจลิส ไทม์ส โอปราห์เริ่มเป็นเศรษฐีระดับพันล้านมาตั้งแต่ปี 2003
จากความสำเร็จในแวดวงสื่อ โอปราห์ วินฟรีย์ ไม่อยู่นิ่ง แต่ให้เงินทำงานด้วยการซื้อหุ้นในเครือข่ายโทรทัศน์ โอว์น 25.5% และดับเบิลยูดับเบิลยู อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมผลิตคอนเทนต์ให้แอปเปิล ทีวี พลัส อีก 8%
รายได้ของโอปราห์ ยังมีเบี้ยใบ้รายทาง อย่างการไปพากย์เสียงในหนัง ทั้ง Charlotte's Web, The Bee Movie และ The Princess and the Frog รวมทั้งแสดงหนังและซิตคอมบ้างประปราย นอกจากนี้ นิตยสาร ดิ โอปราห์ ก็ยังมีรายได้เข้ามาอีกทาง
อันดับ 2 เดวิด สจวร์ด
ระดับความรวย : $3,500 ล้าน
หนึ่งในเจ้าพ่ออาณาจักรไอทีของสหรัฐฯ เดวิด สจวร์ด สร้างรายได้จากการก่อตั้งบริษัท เวิลด์ไวด์ เทคโนโลยี ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต อย่างเวอริซัน ที่มียอดขายสินค้าและบริการถึง 1,100 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจุบันเขานั่งเป็นประธานบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐมิสซูรี และยังคงถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอยู่
อันดับ 1 รอเบิร์ต เอฟ. สมิท
ระดับความรวย : $5,000 ล้าน
รอเบิร์ต เฟรเดอริก สมิท อดีตผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มการเงินการธนาคาร โกลด์แมน แซคส์ เขาคือนักลงทุนผิวสีที่รวยระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นอันดับ 1 ของอเมริกา ด้วยการออกมาก่อตั้งบริษัทเงินทุนของตัวเอง อย่างวิสต้า เอควิตี พาร์ตเนอร์ส โดยเน้นให้กู้บริษัทสตาร์ทอัพด้านซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยคาดว่าได้ปล่อยกู้ไปในมูลค่ากว่า 4,600 ล้าน และมีกำไรกลับมาอย่างน้อยๆ 22%
รอเบิร์ต เอฟ. สมิท ยังเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมสมาคม เดอะ กีฟวิ่ง เพลดจ์ ในปี 2017 อันเป็นสมาคมที่รวมมหาเศรษฐีพันล้านที่ได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะเข้าร่วมได้ ซึ่งสมาชิกจะต้องปฏิญาณว่าจะมอบรายได้ส่วนใหญ่ของพวกเขาให้แก่การกุศล
รอเบิร์ต ประกาศว่า ได้บริจาคเงิน 34 ล้านดอลลาร์ให้แก่มอร์เฮาส์ คอลเลจ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้เด็กผิวสีทั้งหมดที่เข้าเรียนในปี 2019 นอกจากนี้ เขายังบริจาคเพิ่มเพื่อช่วยล้างหนี้ให้กับผู้ปกครองชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ที่กู้เงินมาให้ลูกเรียนอีกด้วย