กระแสการเรียกร้องความเท่าเทียม ไม่เหยียดสีผิวยังคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ตอนนี้มีการเรียกร้องให้ทำลายรูปปั้นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่าอาณานิคมทั่วประเทศเกือบ 80 แห่ง รวมถึงร้องขอให้เปลี่ยนชื่อของถนนหนทางบางแห่งที่แสดงเครื่องหมายของการค้าทาส
ท่ามกลางความคิดต่างที่ยากจะคลี่คลาย บรรดาคนดังที่ออกมาเลือกจุดยืนเห็นด้วยและคัดค้านแคมเปญ #BlackLivesMatter ต่างก็เจอหางเลขกันไปต่างๆ กัน หนักบ้างเบาบ้าง
นักแข่งรถฟอร์มูลาวันทีมแมคลาเรน อย่าง แลนโด นอร์ริส ที่ออกมาโพสต์สนับสนุนแคมเปญไม่เหยียดสีผิว #BlackLivesMatter บอกว่า เขาได้สูญเสียผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียไปจำนวนหนึ่ง หลังจากที่ได้โพสต์ข้อความสนับสนุนการไม่เหยียดสีผิว หลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ถูกตำรวจมินนีอาโปลิสสังหารอย่างเกินกว่าเหตุ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นักแข่งรถสูตรหนึ่งวัย 20 ที่มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 4 แสนราย ทั้งในแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ และทวิตช์ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุน #BlackLivesMatter รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้ติดตามของเขาเข้าไปร่วมกันลงชื่อในแคมเปญร้องเรียนความยุติธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์
“เป็นวันเดียวกับที่คนจำนวนมากได้เลิกติดตามโซเชียลมีเดียของผม” แลนโด บอกกับอีฟนิ่งสแตนดาร์ด
“เมื่อคุณพยายามทำอะไรดีๆ และเลือกทำสิ่งที่เห็นว่าถูกต้อง แต่กลับมีคนที่ไม่เชื่อในสิ่งเดียวกัน หากพวกเขาไม่เห็นด้วยเรื่องต้านการเหยียดผิว ผมก็ดีใจที่เขาเลิกติดตามผมไปซะได้นะครับ
ผมต้องบอกว่า ผมภูมิใจที่ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และบอกให้ทุกๆ คนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผมเชื่อ อีกทั้งได้มีโอกาสชักชวนให้คนที่เห็นด้วยกับผมแสดงพลังเพื่อที่จะได้เกิดการเปลี่ยนแปลง และผมจะยังพยายามทำอย่างนั้นต่อไป” แลนโดกล่าว
ก่อนหน้านี้ ลิวอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกฟอร์มูลาวันผิวสี เป็นคนปลุกกระแสสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter ในหมู่นักแข่งรถสูตรหนึ่ง และชักชวนให้เพื่อนร่วมอาชีพของเขาออกมาแสดงจุดยืนครั้งนี้
กองกลางของทีมฟุตบอลแอลเอ แกแลคซี อย่าง อเล็กซานดาร์ คาไท อาจจะต้องดับด้านอาชีพก็เพราะเมีย!
ล่าสุด เขาถูกไล่ออกจากทีมฟุตบอลดังในลอสแองเจลิส กลายเป็นนักฟุตบอลไร้สังกัด เนื่องเพราะโพสต์แนวเหยียดผิวของ ทีอา คาไท ภรรยาของเขาเอง
โดยส่วนตัว กองกลางชาวเซอร์เบียไม่เคยเอ่ยถึงเรื่อง #BlackLivesMatter เลย ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือต่อต้าน แต่ศรีภรรยาสุดสวยเซ็กซี่นี่สิ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นให้สหรัฐ บนหน้าสตอรี่อินสตาแกรมของเธอ
ในสตอรี่หนึ่ง ทีอา ได้โพสต์ภาพแคปหน้าจอเป็นรูปตำรวจกำลังขับรถเข้าใส่ผู้ชุมนุมประท้วง พร้อมบรรยายภาพเป็นภาษาเซอร์เบียว่า “ฆ่ามันๆๆ”
ขณะที่อีกโพสต์เป็นภาพหญิงผิวดำกำลังถือกล่องรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง โดยเธอบรรยายภาพนี้ว่า Black Nikes Matter และยังมีอีกโพสต์ที่เธอแคปภาพข่าวผู้ประท้วงมาบรรยายภาพว่า “พวกน่าขยะแขยง”
แม้จะมีรายงานข่าวว่า ระหว่างการโพสต์ทั้งหลายนั้น นักฟุตบอลชาวเซอร์เบียอยู่ในแอลเอ ส่วนภรรยาจอมโพสต์อยู่ในชิคาโก้ แต่พอแฟนๆ ของแอลเอ แกแลคซี เห็นโพสต์ดังกล่าวก็ออกมากดดันให้ทีมไล่อเล็กซานดาร์ออกไปทันที
อเล็กซานดาร์ คาไท เพิ่งจะย้ายมาอยู่แอลเอ แกแลคซี เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วจากชิคาโก ไฟเออร์ และเพิ่งเล่นให้ทีมไปเพียงไม่กี่แมตช์เท่านั้น ก่อนจะมีการล็อกดาวน์เนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัส
อเล็กซานดาร์ ออกมาโพสต์ยอมรับว่าเป็นความผิดของภรรยาเขาเอง พร้อมกล่าวขอโทษแฟนๆ แอลเอ แกแลคซีทุกคน รวมทั้งบอกว่าเขาเองก็ต่อต้านการเหยียดสีผิว
จากเหตุการณ์นี้ มีบรรดาสื่อขวาจัดของสหรัฐได้มาแสดงความไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารทีมแอลเอ แกแลคซี อย่างผู้ประกาศข่าวช่องฟอกซ์ นิวส์ ทัคเกอร์ คาร์ลสัน ออกมาวิจารณ์ว่า จริงๆ แล้วมีชาวอเมริกันหลายคนที่รู้สึกแบบเดียวกับทีอา คาไท
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อเล็กซานดาร์ คาไท ตกอยู่ในท่ามกลางประเด็นความขัดแย้งของสังคม เมื่อครั้งที่เขาค้าแข้งอยู่ที่ชิคาโก ไฟเออร์ เขาก็เคยปฏิเสธที่จะสวมเสื้อแข่งที่แสดงสัญลักษณ์การไม่เหยียดเพศที่ 3 โดยแสดงความไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศ
สำหรับมหาเศรษฐี ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้ง ออคต้า บริษัทดูแลความปลอดภัยด้านไอที ท็อดด์ แม็คคินนอน บอกศาลากับสมาชิก ครอสฟิต คอร์สฟิตเนสที่เขารักยิ่ง และได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับ 14 ของโลกในเรตอายุ 45-49 ปี หลังจากเห็นมุมมองความคิดแบบเหยียดผิวของซีอีโอครอสฟิต เกร็ก กลาสแมน ในทวิตเตอร์
เกร็ก โพสต์ในทวิตเตอร์ของเขา โดยเรียกจอร์จ ฟลอยด์ ว่า “ฟลอยด์-19” เป็นนัยๆ ว่า ไม่ต่างจาก COVID-19 ที่คือเชื้อโรคร้าย “การกักตัวอยู่กับบ้านเพื่อหยุดเชื้อ COVID-19 ยังไม่ได้ผล แล้วตอนนี้จะทำอะไรได้กับการเหยียดผิว?”
เกร็ก กลาสแมน ยังอีเมลด่าทอเจ้าของยิมรายหนึ่ง หลังจากที่เธอเขียนมากดดันให้ครอสฟิตแสดงการสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเป็นนางฟ้าเหรอ แหวะ ผมไม่เอาด้วยหรอก” ซึ่งอีเมลดังกล่าวได้ถูกแชร์ว่อนไปทั่วโซเชียลมีเดีย
ท็อดด์ บอกว่า เขาเป็นสมาชิกของครอสฟิตมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ถ้อยคำทวีตของซีอีโอครอสฟิตนั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้จริงๆ “ครอสฟิตนับว่าเป็นสังคมๆ หนึ่งก็ว่าได้ พวกเขาควรจะมีจุดยืนในแง่บวก ไม่ใช่ทำให้รู้สึกว่าเกิดการแตกแยกในสังคม”
นอกจาก ท็อดด์ ที่ออกมาประกาศตัดสัมพันธ์ ขอออกจากวงโคจรของครอสฟิตแล้ว บรรดาสปอนเซอร์ต่างก็ออกมาโบกมือลาด้วยเช่นกัน ทั้งรีบ็อค รวมทั้งนักกีฬาดังๆ หลายรายต่างออกมาประกาศคว่ำบาตรกิจการทุกอย่างของครอสฟิต เช่นเดียวกับยิมอีก 14,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่ถอดโปรแกรมออกกำลังกายที่พวกเขาต้องจ่ายค่าไลเซนส์มูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีออกไป
หลังกระแสต่อต้านที่ทำให้ครอสฟิตจะต้องสูญเสียรายได้มูลค่ามหาศาลไป เกร็ก ออกมายอมรับ “ความผิดพลาด” ของเขา โดยบอกว่าเขาเป็นพวกมีแนวคิดเสรี ไม่ได้เป็นพวกเหยียดผิวแต่อย่างใด เรื่องที่เขาโพสต์ไปนั้นเป็นเพียง “ความผิดพลาด” และในที่สุดเขาก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของครอสฟิตเรียบร้อยแล้ว
ท่ามกลางความคิดต่างที่ยากจะคลี่คลาย บรรดาคนดังที่ออกมาเลือกจุดยืนเห็นด้วยและคัดค้านแคมเปญ #BlackLivesMatter ต่างก็เจอหางเลขกันไปต่างๆ กัน หนักบ้างเบาบ้าง
นักแข่งรถฟอร์มูลาวันทีมแมคลาเรน อย่าง แลนโด นอร์ริส ที่ออกมาโพสต์สนับสนุนแคมเปญไม่เหยียดสีผิว #BlackLivesMatter บอกว่า เขาได้สูญเสียผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียไปจำนวนหนึ่ง หลังจากที่ได้โพสต์ข้อความสนับสนุนการไม่เหยียดสีผิว หลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ถูกตำรวจมินนีอาโปลิสสังหารอย่างเกินกว่าเหตุ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นักแข่งรถสูตรหนึ่งวัย 20 ที่มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 4 แสนราย ทั้งในแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ และทวิตช์ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุน #BlackLivesMatter รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้ติดตามของเขาเข้าไปร่วมกันลงชื่อในแคมเปญร้องเรียนความยุติธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์
“เป็นวันเดียวกับที่คนจำนวนมากได้เลิกติดตามโซเชียลมีเดียของผม” แลนโด บอกกับอีฟนิ่งสแตนดาร์ด
“เมื่อคุณพยายามทำอะไรดีๆ และเลือกทำสิ่งที่เห็นว่าถูกต้อง แต่กลับมีคนที่ไม่เชื่อในสิ่งเดียวกัน หากพวกเขาไม่เห็นด้วยเรื่องต้านการเหยียดผิว ผมก็ดีใจที่เขาเลิกติดตามผมไปซะได้นะครับ
ผมต้องบอกว่า ผมภูมิใจที่ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และบอกให้ทุกๆ คนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผมเชื่อ อีกทั้งได้มีโอกาสชักชวนให้คนที่เห็นด้วยกับผมแสดงพลังเพื่อที่จะได้เกิดการเปลี่ยนแปลง และผมจะยังพยายามทำอย่างนั้นต่อไป” แลนโดกล่าว
ก่อนหน้านี้ ลิวอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกฟอร์มูลาวันผิวสี เป็นคนปลุกกระแสสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter ในหมู่นักแข่งรถสูตรหนึ่ง และชักชวนให้เพื่อนร่วมอาชีพของเขาออกมาแสดงจุดยืนครั้งนี้
กองกลางของทีมฟุตบอลแอลเอ แกแลคซี อย่าง อเล็กซานดาร์ คาไท อาจจะต้องดับด้านอาชีพก็เพราะเมีย!
ล่าสุด เขาถูกไล่ออกจากทีมฟุตบอลดังในลอสแองเจลิส กลายเป็นนักฟุตบอลไร้สังกัด เนื่องเพราะโพสต์แนวเหยียดผิวของ ทีอา คาไท ภรรยาของเขาเอง
โดยส่วนตัว กองกลางชาวเซอร์เบียไม่เคยเอ่ยถึงเรื่อง #BlackLivesMatter เลย ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือต่อต้าน แต่ศรีภรรยาสุดสวยเซ็กซี่นี่สิ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นให้สหรัฐ บนหน้าสตอรี่อินสตาแกรมของเธอ
ในสตอรี่หนึ่ง ทีอา ได้โพสต์ภาพแคปหน้าจอเป็นรูปตำรวจกำลังขับรถเข้าใส่ผู้ชุมนุมประท้วง พร้อมบรรยายภาพเป็นภาษาเซอร์เบียว่า “ฆ่ามันๆๆ”
ขณะที่อีกโพสต์เป็นภาพหญิงผิวดำกำลังถือกล่องรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง โดยเธอบรรยายภาพนี้ว่า Black Nikes Matter และยังมีอีกโพสต์ที่เธอแคปภาพข่าวผู้ประท้วงมาบรรยายภาพว่า “พวกน่าขยะแขยง”
แม้จะมีรายงานข่าวว่า ระหว่างการโพสต์ทั้งหลายนั้น นักฟุตบอลชาวเซอร์เบียอยู่ในแอลเอ ส่วนภรรยาจอมโพสต์อยู่ในชิคาโก้ แต่พอแฟนๆ ของแอลเอ แกแลคซี เห็นโพสต์ดังกล่าวก็ออกมากดดันให้ทีมไล่อเล็กซานดาร์ออกไปทันที
อเล็กซานดาร์ คาไท เพิ่งจะย้ายมาอยู่แอลเอ แกแลคซี เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วจากชิคาโก ไฟเออร์ และเพิ่งเล่นให้ทีมไปเพียงไม่กี่แมตช์เท่านั้น ก่อนจะมีการล็อกดาวน์เนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัส
อเล็กซานดาร์ ออกมาโพสต์ยอมรับว่าเป็นความผิดของภรรยาเขาเอง พร้อมกล่าวขอโทษแฟนๆ แอลเอ แกแลคซีทุกคน รวมทั้งบอกว่าเขาเองก็ต่อต้านการเหยียดสีผิว
จากเหตุการณ์นี้ มีบรรดาสื่อขวาจัดของสหรัฐได้มาแสดงความไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารทีมแอลเอ แกแลคซี อย่างผู้ประกาศข่าวช่องฟอกซ์ นิวส์ ทัคเกอร์ คาร์ลสัน ออกมาวิจารณ์ว่า จริงๆ แล้วมีชาวอเมริกันหลายคนที่รู้สึกแบบเดียวกับทีอา คาไท
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อเล็กซานดาร์ คาไท ตกอยู่ในท่ามกลางประเด็นความขัดแย้งของสังคม เมื่อครั้งที่เขาค้าแข้งอยู่ที่ชิคาโก ไฟเออร์ เขาก็เคยปฏิเสธที่จะสวมเสื้อแข่งที่แสดงสัญลักษณ์การไม่เหยียดเพศที่ 3 โดยแสดงความไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศ
สำหรับมหาเศรษฐี ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้ง ออคต้า บริษัทดูแลความปลอดภัยด้านไอที ท็อดด์ แม็คคินนอน บอกศาลากับสมาชิก ครอสฟิต คอร์สฟิตเนสที่เขารักยิ่ง และได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับ 14 ของโลกในเรตอายุ 45-49 ปี หลังจากเห็นมุมมองความคิดแบบเหยียดผิวของซีอีโอครอสฟิต เกร็ก กลาสแมน ในทวิตเตอร์
เกร็ก โพสต์ในทวิตเตอร์ของเขา โดยเรียกจอร์จ ฟลอยด์ ว่า “ฟลอยด์-19” เป็นนัยๆ ว่า ไม่ต่างจาก COVID-19 ที่คือเชื้อโรคร้าย “การกักตัวอยู่กับบ้านเพื่อหยุดเชื้อ COVID-19 ยังไม่ได้ผล แล้วตอนนี้จะทำอะไรได้กับการเหยียดผิว?”
เกร็ก กลาสแมน ยังอีเมลด่าทอเจ้าของยิมรายหนึ่ง หลังจากที่เธอเขียนมากดดันให้ครอสฟิตแสดงการสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเป็นนางฟ้าเหรอ แหวะ ผมไม่เอาด้วยหรอก” ซึ่งอีเมลดังกล่าวได้ถูกแชร์ว่อนไปทั่วโซเชียลมีเดีย
ท็อดด์ บอกว่า เขาเป็นสมาชิกของครอสฟิตมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ถ้อยคำทวีตของซีอีโอครอสฟิตนั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้จริงๆ “ครอสฟิตนับว่าเป็นสังคมๆ หนึ่งก็ว่าได้ พวกเขาควรจะมีจุดยืนในแง่บวก ไม่ใช่ทำให้รู้สึกว่าเกิดการแตกแยกในสังคม”
นอกจาก ท็อดด์ ที่ออกมาประกาศตัดสัมพันธ์ ขอออกจากวงโคจรของครอสฟิตแล้ว บรรดาสปอนเซอร์ต่างก็ออกมาโบกมือลาด้วยเช่นกัน ทั้งรีบ็อค รวมทั้งนักกีฬาดังๆ หลายรายต่างออกมาประกาศคว่ำบาตรกิจการทุกอย่างของครอสฟิต เช่นเดียวกับยิมอีก 14,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่ถอดโปรแกรมออกกำลังกายที่พวกเขาต้องจ่ายค่าไลเซนส์มูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีออกไป
หลังกระแสต่อต้านที่ทำให้ครอสฟิตจะต้องสูญเสียรายได้มูลค่ามหาศาลไป เกร็ก ออกมายอมรับ “ความผิดพลาด” ของเขา โดยบอกว่าเขาเป็นพวกมีแนวคิดเสรี ไม่ได้เป็นพวกเหยียดผิวแต่อย่างใด เรื่องที่เขาโพสต์ไปนั้นเป็นเพียง “ความผิดพลาด” และในที่สุดเขาก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของครอสฟิตเรียบร้อยแล้ว
