รัสเซียทูเดย์ - โจชัว หว่อง หนึ่งในนักเคลื่อนไหวฝักใฝ่ประชาธิปไตยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของฮ่องกง โวยวาย เลบรอน เจมส์ ซูเปอร์ตาร์นักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ ว่าเป็นพวกเสแสร้งไม่จริงใจ ต่อกรณีออกมาสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านเหยียดผิว แต่ที่ผ่านมาเคยแสดงความเคลือบแคลงสงสัยในเหตุผลการประท้วงของพวกผู้ชุมนุมฝักใฝ่ประชาธิปไตยฮ่องกง
"เจมส์ พูดเสียงดังในสหรัฐฯ แต่กับจีน เขาไม่ได้แค่เงียบเฉย แต่เขายังกระตือรือร้นปิดปากคนอื่นๆด้วย" หว่องทวีตเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) และเรียกซูเปอร์สตาร์นักบาสเก็ตบอลของทีมแอลเอ เลเกอร์ส ในศึกเอ็นบีเอ ว่าเป็นพวกเสแสร้งไม่จริงใจ เป็นพวกฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ พร้อมนำ เจมส์ ไปเปรียบเทียบกับ เหมา เจ๋อตุง
เสียงโจมตีดังกล่าวมีต้นตอจากบทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทม์ส ซึ่งระบุว่า เจมส์ มีปฏิกิริยาที่โกรธเกรี้ยวต่อการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในมินนิอาโปลิส และแสดงจุดยืนสนับสนุนแคมเปญ "ชีวิตคนดำก็มีค่า(Black Lives Matter)"
หว่อง วัย 23 ปี เป็นนักเคลื่อนไหวนักศึกษา ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในระดับนานาชาติในปี 2014 ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านจีนในฮ่องกง ทั้งนี้เขากลายเป็นบุคคลระดับแกนนำ เมื่อการชุมนุมในเขตปกครองพิเศษโหมกระพือขึ้นมาอีกครั้งในปีที่แล้ว และถึงขั้นเคยได้รับเชิญในนามนักเคลื่อนไหว กล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาครองเกรสสหรัฐฯ ครั้งที่เหล่าสมาชิกรัฐสภากำลังร่างกฎหมายข่มขู่จีนด้วยมาตรการคว่ำบาตร
ส่วน เจมส์ ถูกโยงเข้ากับการประท้วงในฮ่องกงโดยบังเอิญ หลังจากเข้าไปพัวพันกับเหตุพิพาทระหว่างเอ็นบีเอกับจีนเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน โดยต้นตอของเรื่องก็คือ ดาริล มอเรย์ ผู้จัดการทั่วไปของทีมฮุสตัน ร็อกเก็ตส์ แสดงความเห็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้ประท้วงฮ่องกงบนทวิตเตอร์
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อความบนทวิตเตอร์ของมอเรย์ เจมส์แสดงความคิดเห็นว่า มอเรย์ อาจได้ข้อมูลผิดๆหรืออาจไม่ได้ศึกษาสถานการณ์ในฮ่องกงดีพอ ซึ่งต่อมา มอเรย์ ได้ลบทวีตของเขาอย่างรวดเร็วและกล่าวคำขอโทษและกล่าวว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับเพื่อนๆวงการเอ็นบีเอ
ท่ามกลางความขุ่นเคือง เจมส์ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝักใฝ่จีน สวนทางกับข้อกล่าวหาจากบรรดานักเคลื่อนไหวในฮ่องกง โดยเจมส์บอกว่าเขาแค่เชื่อว่า "เรื่องบางเรื่องนั้นไม่ควรเป็นปัญหาของทุกๆคน" และเขาอยากต่อสู้ในประเด็นในบ้านเกิดมากกว่า
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงได้โหมกระพือขึ้นรอบใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อคัคค้านแผนของจีนที่จะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง โดยคาดหมายว่ากฎหมายฉบับนี้จะทำให้พวกผู้ประท้วงเผชิญเรื่องยากลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะกับพวกที่ใช้กลยุทธ์ก่อความรุนแรงปั่นป่วนวิถีชีวิตภายในเมือง
ในส่วนของสหัรฐฯเองก็เพิ่งเผชิญระลอกคลื่นแห่งความขุ่นเคืองของประชาชนและสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพวกผู้ประท้วงหลายหมื่นคนไหลบ่าลงสู่ท้องถนนเพื่อต่อต้านการกระทำป่าเถื่อนของตำรวจและการเหยียดผิวอย่างเป็นระบบในประเทศ อันมีชนวนจากการเสียชีวิตด้วยน้ำมือตำรวจของ จอร์จ ฟลอยด์