รอยเตอร์ - ยุโรปอาจเผชิญโควิด-19 ระบาดระลอกสองในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อันมีต้นตอจากการชุมนุมใหญ่ต่อต้านการเหยียดผิวในทวีปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตามความเห็นของเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปและผู้เชี่ยวชาญในวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.)
พวกผู้ประท้วงหลายหมื่นคนรวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองใหญ่ทั้งหลายทั่วยุโรปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อแสดงพลังงานร่วมต่อต้านการเหยียดผิว ตามหลังการเสียชีวิตขณะถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
“ถ้าคุณแนะนำให้ทุกคนเว้นระยะห่างจากกัน 1 เมตรครึ่ง แต่ทุกคนกลับยืนติดกันและจับมือกัน ผมรู้สึกไม่ดีนัก” โจเซฟ เคเซซิโอกลู ประธานสมาคมเวชบําบัดวิกฤตแห่งยุโรปกล่าวระหว่างแถลงข่าว
เมื่อถูกถามว่าอาจเกิดระลอกคลื่นการระบาดในอีก 2 สัปดาห์หรือไม่ เขาตอบว่า “ใช้ แต่หวังว่า ผมจะคิดผิด”
แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า ประชาชนไม่ควรเข้าร่วมการรวมตัวของคนหมู่มากเกินกว่า 6 คน ในนั้นรวมถึงการชุมนุม “ผมเข้าใจว่าประชาชนอยากแสดงออกว่าอะไรที่พวกเขาใส่ใจ แต่มันมีไวรัสชนิดหนึ่งที่ขโมยการติดต่อทางสังคมไปจากเรา โดยไม่เลือกว่าอะไรคือเหตุผลของการชุมนุม”
บรรดาชาติส่วนใหญ่ของยุโรปผ่านจุดพีกสุดของการแพร่ระบาดเรียบร้อยแล้ว และค่อยๆ กลับมาเปิดธุรกิจและชายแดนตามลำดับ หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนการประท้วงเมื่อเร็วๆ นี้ พวกนักวิทยาศาสตร์คาดหมายว่าระลอกสองของการแพร่ระบาดน่าจะเกิดขึ้นหลังผ่านพ้นฤดูร้อนไปแล้ว แต่การชุมนุมของคนหมู่มากทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ปัจจัยต่างๆ ตามฤดูกาลจะส่งผลกระทบต่อโควิด-19 อย่างไร ทั้งนี้ เชื่อกันว่า การที่ผู้คนออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้งมากขึ้น อาจช่วยจำกัดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในทางบวกของกิจกรรมทางแจ้งอาจส่งผลในทางตรงกันข้าม หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
“ไม่ว่าโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจไหนๆ กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มากอาจเป็นเส้นทางหลักของการแพร่เชื้อ” มาร์ติน เซย์เชลล์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของคณะกรรมาธิการอียูบอกกับรอยเตอร์ หลังถูกถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่การชุมนุมจะทำให้การระบาดระลอกสองมาถึงเร็วขึ้น
“ไวรัสยังคงวนเวียนอยู่ แม้ในตอนนี้อัตราแพร่เชื้อต่ำกว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน” เขากล่าว “ความเป็นไปได้และขนาดของคลื่นระลอกสองจะขึ้นอยู่กับผลของมาตรการเว้นรยะห่างทางสังคมและปัจจัยอื่นๆ”
