แกนนำม็อบ นปช.มาศาลนัดพร้อมคดีชุมนุมไล่รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ปี 2552 หลังเลื่อนนัดเดิมช่วงโควิด-19 แต่ปรากฏจำเลยบางคนไม่มาศาล จึงนัดพร้อมอีกครั้ง 16 มิ.ย.นี้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีหมายเลขดำ อ.968/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 71 ปี อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 54 ปี ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 44 ปี เลขาธิการ นปช. กับพวกรวม 13 คน เป็นจำเลยที่ 1-13 กรณีกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งแรกเมื่อปี 2552 ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ
โดยวันนี้ แกนนำ นปช.จำเลยทยอยเดินทางมาศาลช่วงเช้า นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. จำเลยที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงคดีนี้ว่า คดีนี้เดิมสำนวนอยู่ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเวลายาวนาน หลังจากที่คดีของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. (คดีล้มประชุมอาเซียน) พิพากษาชั้นอุทธรณ์ ทำให้ กปปส.ไปยื่นเรื่อง เจ้าหน้าที่จึงหยิบยกคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ เดินเข้าสู่กระบวนการตุลาการ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร เรายินดีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง พอดีติดช่วงโควิด เดิมท่านนัดในเดือน เม.ย. จึงขยับมาเป็นวันนี้ เพื่อกำหนดวันนัดสืบพยาน
ขณะที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช.กล่าวว่า คดีนี้มาจากกรณีชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ส่วนคดีที่พัทยาหลังมีการตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน แต่ต่อมาเกิดทั้งคดีที่พัทยาและคดีที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ชุมนุมช่วงปี 2552 โดยแกนนำ นปช.ขอมีการนำคดีที่พัทยามารวมกับคดีที่กรุงเทพฯ ยังไม่รู้จะได้หรือไม่
เมื่อถึงเวลานัดทนายความจำเลย แถลงขอให้ศาลพิจารณาลับหลัง เนื่องจากจำเลยบางคนติดภารกิจไม่เดินทางมาศาลได้ทุกนัด สอบถามโจทก์แล้วไม่คัดค้าน
ด้านนายจตุพร จำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลขอให้พิจารณาเลื่อนนัดการสืบพยานในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ออกไปก่อนเป็นเพราะกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลายแล้ว ไม่มีเหตุให้เลื่อนนัด แต่เนื่องจากวันนี้ไม่ได้เบิกตัวจำเลยที่ 9,10 อีกทั้ง ทนายจำเลยที่ 4 ไม่มาศาลเพราะถอนตัวการเป็นทนายความ และจำเลยที่ 4 ได้ตั้งทนายคนใหม่เรียบร้อยแล้ว ศาลพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้เลื่อนนัดพร้อมเป็นวันที่ 16 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. และให้อัยการโจทก์ตรวจสอบการเสียชีวิตของจำเลยที่ 12 ด้วย
สำหรับจำเลยคดีนี้ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จำเลยที่ 1, นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จำเลยที่ 3, นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4, นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง จำเลยที่ 5, นายณรงศักดิ์ มณี จำเลยที่ 6, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลยที่ 7, นายพิพัฒน์ชัย หรือสมชาย ไพบูลย์ จำเลยที่ 8, นายพายัพ ปั้นเกตุ จำเลยที่ 9, นายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 10, นายอดิศร เพียงเกษ จำเลยที่ 11, นายพีระ พริ้งกลาง จำเลยที่ 12 และนายเมธี อมรวุฒิกุล จำเลยที่ 13