MGR Online - ศาลเลื่อนัดตรวจพยานลักฐาน นปช.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปปราศรัยปลุกระดมยุยง เมื่อปี 52 อนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานไปเป็นวันที่ 19 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำที่ อ.968/2561 พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กับพวกรวม 10 คน มายื่นฟ้องเป็นจำเลย
กรณีกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปราศรัยปลุกระดมยุยง ณ เวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ, ยึดและเผารถโดยสารประจำทางในพื้นที่ กทม. และนำรถบรรทุกแก๊สไปจอดไว้กลางถนนเพื่อข่มขู่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และประชาชนเดือดร้อนเสียหาย โดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต, แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี, แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร และแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. - 14 เม.ย. 2552
ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 3 ข้อหา โดยอัยการได้แยกข้อหาฟ้องจำเลยแต่ละคนดังนี้ นายวีระกานต์ อายุ 70 ปี อดีตประธาน นปช.จำเลยที่ 1, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี ประธาน นปช. จำเลยที่ 2 และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 67 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 4, นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง อายุ 59 ปี แกนนำคนเสื้อแดง จ.สกลนคร จำเลยที่ 5, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 67 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 7, นายพิพัฒน์ชัย หรือสมชาย ไพบูลย์ อายุ 49 ปี แนวร่วม นปช. จำเลยที่ 8 และนายพายัพ ปั้นเกตุ อายุ 59 ปี แนวร่วม นปช. จำเลยที่ 9 ถูกยื่นฟ้อง 3 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป นายณรงศักดิ์ มณี อายุ 52 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ จำเลยที่ 6 ถูกยื่นฟ้องข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และนายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อายุ 60 ปี แนวร่วม นปช.จำเลยที่ 10 ถูกยื่นฟ้อง 2 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
โดยวันนี้ นายวีระกานต์ จำเลยที่ 1, นายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 และจำเลยอื่นๆ ซึ่งได้ประกันตัวระหว่างสู้คดีเดินทางมาศาล มีเพียง นพ.เหวง จำเลยที่ 4 ป่วยไม่ได้เดินทางมาศาล ขณะที่นายจตุพร จำเลยที่ 2 ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจากเรือนจำมาร่วมกระบวนพิจารณาเช่นกัน
เมื่อถึงเวลานัด ทนายความจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องพร้อมแถลงต่อศาลว่า นพ.เหวง จำเลยที่ 4 ป่วยเข้ารักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดีจึงไม่สามารถมาศาลได้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าวันนี้เป็นเพียงนัดตรวจพยานหลักฐาน จึงอนุญาตให้ นพ.เหวง จำเลยที่ 4 ไม่ต้องมาศาล
ต่อมาอัยการโจทก์แถลงว่าได้ยื่นพยานเอกสารและพยานบุคคลเพิ่มเติมต่อศาลรวมแล้ว 420 ปาก ขณะเดียวกันพนักงานอัยการเพิ่งยื่นฟ้อง นายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตดาราชื่อดัง เข้ามาเป็นจำเลยในฐานความผิดเดียวกัน และได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอรวมเข้ากับคดีนี้ไว้แล้ว ส่วนทนายความจำเลยทั้งหมดแถลงว่าได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลที่จะนำสืบเพิ่มเติมรวมแล้ว 173 ปาก ซึ่งทนายความจำเลยจะต้องใช้เวลาในตรวจสอบบัญชีพยานเอกสารและพยานบุคคลของอัยการโจทก์ว่าจะมีพยานบุคคลใดสามารถรับกันได้บ้าง จึงขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า อัยการโจทก์มีพยานเอกสารและพยานบุคคลจำนวนมาก ที่ทนายความจำเลยจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพยานทั้งหมดดังกล่าว จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานไปเป็นวันที่ 19 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวถึงการเตรียมพยานต่อสู้คดีว่า เนื่องจากจำเลยมีจำนวนมาก เหตุการณ์ก็ผ่านมานานหลายปี พยานที่กำหนดไว้ก็น่าจะ 200-300 ปากเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ เชื่อว่าฝ่ายโจทก์คงกำหนดพยานไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน รายละเอียดของเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายจุดหลายที่ เวลาผ่านมานานบางสถานการณ์ข้อเท็จจริงก็คลี่คลายไปแล้ว ดังนั้นก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายต่อสู้คดีตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการรับมือสถานการณ์ดูดอดีต ส.ส.หรือนักการเมืองจากฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราไม่ต้องเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ นปช.เราผูกพันกันด้วยหัวใจและยืนหยัดกับอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่อสู้ร่วมกันมา ดังนั้นถ้าเป็นการดูดโดยการให้ นปช.ต้องข้ามเส้นหลักการไปยืนอยู่กับขบวนการสืบทอดอำนาจ ตนมั่นใจว่าใครที่เป็น นปช.โดยจิตวิญญาณ ไม่สามารถที่จะไปยืนร่วมอยู่กับขบวนการดังกล่าวได้ ส่วนที่มีรายชื่อคนไปร่วมบ้างก็แล้วแต่สภาพหัวใจของแต่ละคน ไม่มีเหตุผลที่ตนจะต้องวิพากษ์วิจารณ์กัน ให้ประชาชนเป็นคนพิจารณาตัดสิน
“ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าจะใช้คำว่ายื้อ ยืนยันว่าไม่มีเลย เพราะว่าเราต่อสู้กันมากว่า 10 ปี แล้วให้เขามาดูดไปร่วมกับขบวนการสืบทอดอำนาจได้ ไม่มีประโยชน์ที่พวกผมจะไปออกแรงยื้อ เพราะเราออกแรงต่อสู้กันมามากมายเกินกว่าที่จะต้องมายื้อกันด้วยเรื่องแบบนี้ ก็ถ้าใครตัดสินใจไปก็ขอให้โชคดี ส่วนตัวผม ส่วนพรรคพวกอีกหลายคนก็จะยืนยันอยู่ตรงนี้ว่าไม่มีทางที่จะทอดทิ้งหลักการของประชาธิปไตยไปได้” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่ม นปช.มีแนวคิดการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นปช.ที่ยังเห็นหน้าเห็นตากันอยู่ไม่มีแนวคิดเรื่องการตั้งพรรคในสถานการณ์นี้ เห็นตรงกันว่าใครจะไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มหรือพรรคไหนให้ถือเป็นเสรีภาพ ตราบเท่าที่กลุ่มหรือพรรคการเมืองนั้นยังยืนยันในหลักการประชาธิปไตย เส้นแบ่งหรือข้อกำหนดความเป็น นปช.คือตัวหลักการเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องอารมณ์ความรู้สึก บทบาทการนำของใครหรือคนกลุ่มไหนเป็นการเฉพาะ ถ้าข้ามเส้นหลักการประชาธิปไตยถือว่าไม่ใช่ทั้งนั้น
ต่อข้อถามว่าส่วนตัวและแกนนำ นปช.ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวยืนยันว่า ยังเป็นสมาชิกอยู่ ส่วนจะตัดสินใจบทบาททางการเมืองอนาคตข้างหน้าต่อไปอย่างไรก็คงเป็นเรื่องสถานการณ์ ณ วันนั้น มาว่ากันอีกที วันนี้คนจำนวนมากยังไม่ให้ความชัดเจนอะไรเรื่องการเมืองทั้งสิ้น ตนก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาประกาศอะไร ขนาดเขาเดินดูดกันโครมๆ ยังบอกว่าไม่ดูดเลย ตนยืนอยู่เฉยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศอะไร