รอยเตอร์ - รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่าการเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าของเกาะศูนย์กลางการเงินแห่งนี้จะกลายเป็น “ดาบสองคม” ทิ่มแทงอเมริกาเอง พร้อมเรียกร้องให้หยุดก้าวก่ายกิจการภายในของจีน
ถ้อยแถลงจากฮ่องกงมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมแถลงมาตรการตอบโต้กรณีรัฐสภาจีนลงมติรับรองแผนการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งเหล่านักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและโลกตะวันตกเกรงว่าจะเป็นการบ่อนทำลายเสรีภาพของพลเมืองในมหานครแห่งนี้
อดีตเกาะอาณานิคมอังกฤษแห่งนี้ได้รับการการันตีอำนาจปกครองตนเองขั้นสูงภายใต้สูตร “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่กลับคืนสู่อ้อมอกจีนในปี 1997
“มาตรการคว่ำบาตรใดๆ ก็ตามจะกลายเป็นดาบสองคมที่ไม่เพียงทำลายผลประโยชน์ของฮ่องกงเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เองด้วย” รัฐบาลฮ่องกงแถลงเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.)
ทางการฮ่องกงยังเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงปี 2009-2018 ที่สหรัฐฯ ได้ดุลการค้าฮ่องกงสูงถึง 297,000 ล้านดอลลาร์ มากยิ่งกว่าประเทศคู่ค้ารายอื่นใด อีกทั้งยังมีบริษัทอเมริกันเข้าไปเปิดกิจการในฮ่องกงมากถึง 1,300 ราย
กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่มุ่งลงโทษผู้ที่พยายามแบ่งแยกดินแดน ล้มล้างอำนาจรัฐ ก่อการร้าย และกระทำการใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ตลอดจนอนุญาตให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของจีนเข้าไปปฏิบัติการในฮ่องกงได้อย่างเปิดเผย
แผนการของจีนได้ปลุกชาวฮ่องกงให้ลุกขึ้นมาแสดงพลังใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายเดือน ผู้ประท้วงนับพันซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวออกมาเดินขบวนที่ใจกลางย่านธุรกิจในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้ตำรวจฮ่องกงต้องยิงกระสุนพริกไทยเข้าสลายการชุมนุม
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในรายงานวานนี้ (28) ว่าวอชิงตัน “ไม่สามารถรับรองได้อีกต่อไปว่าฮ่องกงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง” จากรัฐบาลจีน
แลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทรัมป์ เตือนว่า ฮ่องกงซึ่งเคยได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหรัฐฯ ภายใต้เงื่อนไขของการมีอำนาจปกครองตนเองขั้นสูง “อาจจะต้องถูกปฏิบัติไม่ต่างจากจีน ทั้งในแง่การค้าและการเงิน” นับจากนี้ไป
นาง แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ได้ออกถ้อยแถลงซึ่งตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับวันนี้ (29) โดยเรียกร้อง “ให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนจับมือกันเดินตามความฝัน และขอให้ละวางความเห็นต่างทั้งหลายลงก่อน”
เธอย้ำอีกครั้งว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติคือสิ่งจำเป็น เนื่องจากฮ่องกงกำลังเผชิญภัยคุกคามก่อการร้าย และองค์กรต่างๆ ที่เรียกร้อง “การมีเอกราชและการกำหนดอนาคตของตนเอง” เริ่มท้าทายอำนาจของจีนและรัฐบาลท้องถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังดึงต่างชาติให้เข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของจีนด้วย
นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยฮ่องกงได้ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ประการในปีที่แล้ว หลักๆ คือขอให้มีการเลือกตั้งอย่างเสรีและตั้งคณะสืบสวนอิสระเพื่อตรวจสอบกรณีตำรวจฮ่องกงใช้ยุทธวิธีป่าเถื่อนกับผู้ชุมนุม แต่ไม่มีข้อไหนที่พูดถึงการแยกตัวเป็นรัฐเอกราช แม้ในความเป็นจริงจะมีผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ ที่โบกธง ‘Hong Kong Independence’ ก็ตาม