แม้ว่าจะไม่อยู่ในแวดวงกีฬา หรือความสนใจด้านกีฬามีน้อยขนาดไหน ชื่อของ ไมเคิล จอร์แดน ในฐานะสุดยอดของสุดยอดในตำนานนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอ หลายๆ คนต้องเคยได้ยินมาบ้าง และตอนนี้ตำนานเบอร์ 23 แห่งชิคาโกบูลส์ เปลี่ยนสถานะมาติดทำเนียบ (อดีต) นักกีฬาที่ร่ำรวยเข้าขั้นมหาเศรษฐีระดับพันล้านอีกตำแหน่ง
นับจากปี 2015 มีรายงานว่า เฉพาะค่าลิขสิทธิ์ที่เขาเซ็นสัญญาร่วมกับไนกี้เพียงเจ้าเดียวก็มีมูลค่าปาเข้าไปตั้ง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว เรียกว่าตอนนี้เขามีรายได้มากกว่าสมัยที่ยังเล่นให้ทีมชิคาโกบูลส์รวมกันตลอดหลายซีซันเสียอีก
คาดว่า ปัจจุบัน ไมเคิล จอร์แดน มีรายได้ระดับ 2,100 ล้านดอลลาร์ต่อปี รายได้นี้ไม่ใช่เพียงค่าลิขสิทธิ์และยอดขายสินค้า “แอร์ จอร์แดน” ร่วมกับไนกี้เท่านั้น แต่รวมทั้งการเข้าไปมีหุ้นในทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ อย่าง เดอะ ชาร์ลอตต์ ออร์เน็ตส์ ด้วย
ไมเคิล เข้าไปซื้อ เดอะ ชาร์ลอตต์ ออร์เน็ตส์ ในปี 2010 ในมูลค่า 175 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้น 4 ปี เขาก็ได้ทุนคืนทั้งหมด เนื่องเพราะมูลค่าของแบรนด์เอ็นบีเออยู่ในขาขึ้นทั้งระบบ โดยทีมของเขามีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นถึง 97% (ราว 1,500 ล้านดอลลาร์)
จากรายงานของตลาดหุ้นเห็นว่า ไมเคิลได้ขายหุ้นบางส่วนไปในปี 2019 แต่เขายังถือหุ้นใหญ่ และไม่ทิ้งสิทธิในการบริหารทีมไปให้ทุนรายอื่น เขากำลังรอให้ เดอะ ชาร์ลอตต์ ออร์เน็ตส์ ได้แชมป์ ซึ่งจะได้เติมเต็มความภาคภูมิใจในฐานะเจ้าของทีม
ลองเปรียบเทียบรายได้ของนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอดู สมัยที่ ไมเคิล จอร์แดน ยังเล่นให้ชิคาโกบูลส์ เขามีรายได้ราว 145 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เลอบรอน เจมส์ มีรายได้ราว 90 ล้านดอลลาร์ (รวมเงินเดือน และโบนัสพิเศษถ้าชนะ และการเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ) ยังไม่ต้องเปรียบเทียบมูลค่าของยุคสมัยก็เทียบกันไม่ติดฝุ่น
ผู้ก่อตั้งไนกี้ ฟิล ไนต์ เรียกการเซ็นสัญญากับไมเคิล จอร์แดน ว่าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาในการดำเนินธุรกิจ โดยไนกี้ได้เซ็นสัญญากับตำนานบาสเกตบอลเอ็นบีเอตั้งแต่ยังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ (รุกกี้) ในปี 1984 ด้วยมูลค่า 250,000 ต่อปี
ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของไนกี้ที่พะยี่ห้อจอร์แดน มียอดขายรวมกันราว 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยความนิยมของแอร์ จอร์แดน มาจากบรรดาเซเลบหลายวงการที่พากันสวมใส่ให้แฟนๆ คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบรองเท้าสตรีทแวร์แนวสปอร์ตเรโทร ต่างพากันใส่ตาม ขณะที่คนรุ่นเดียวกับไมเคิล จอร์แดน เองก็สนับสนุนฮีโร่ของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงการเชื่อมต่อผ่านเซเลบริตี้เท่านั้น แอร์ จอร์แดน ยังเข้าไปไทอินกับวิดีโอเกมชื่อดัง ทำให้กลายเป็นสินค้าสุดเทรนดี้ในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย
ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว ในปี 1984 ไมเคิล จอร์แดน ต้องการจะเซ็นสัญญากับอาดิดาส มากกว่า ทว่า อาดิดาสปฏิเสธรุกกี้มากฝีมือคนนี้ ด้วยเพราะพวกเขาต้องการนักบาสเกตบอลที่มีความสูง 7 ฟุตขึ้นไปมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้
ขณะที่เป็นนักบาสเอ็นบีเอ ไมเคิลยังเซ็นสัญญากับเครื่องดื่มเกเตอเรด, อัปเปอร์ เดคการ์ด และเสื้อยืดเฮนส์ ซึ่งเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์มากว่า 30 ปี ไมเคิลบอกว่า เขาค่อนข้างเรื่องมากในการเลือกสปอนเซอร์พอสมควร เขาเคยปฏิเสธเงินมหาศาลจากสินค้า บีนนี วีนีส์ (ถั่วในซอสมะเขือเทศกระป๋อง) เพียงเพราะไม่ชอบชื่อของสินค้า
“ผมไม่สามารถยืนต่อหน้ากล้องแล้วพูดคำว่า บีนนี วีนีส์ ได้อะครับ” ไมเคิลให้สัมภาษณ์เหตุผลที่เขาทิ้งเงิน 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี กับสัญญา 5 ปี ทำให้เขาสูญรายได้ในอาชีพไปถึง 5 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
ไมเคิล ยังเป็นเจ้าของร้านอาหารหลายแห่ง รวมทั้งร้านเตาซันด์นอร์ท ในจูปีเตอร์ ฟลอริดา ร้านสเต๊กไมเคิล จอร์แดน ในคอนเนกติกัต วอชิงตัน และชิคาโก รวมไปถึงภัตตาคารสุดหรู ไมเคิล จอร์แดน ในชิคาโก ที่เสิร์ฟอาหารอเมริกันคลาสสิกแบบมีระดับ
นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของไลเซนส์นำเข้ารถยนต์นิสสันในเดอร์แฮม นอร์ทแคโรไลนา อีกด้วย
ในปี 2019 เศรษฐีพันล้านหลายรายต้องประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้รวยน้อยลง แต่ไมเคิล จอร์แดน กลับรวยเพิ่มขึ้นถึง 300 ล้านดอลลาร์
ความร่ำรวยของตำนานบาสเกตบอลเอ็นบีเอ แสดงออกในไลฟ์สไตล์ของเขา อย่างเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ทาเป็นสีฟ้าคาโรไลนาบลู แถมพกด้วยเลขทะเบียนที่บรรจุตัวเลข 23 จากเสื้อผู้เล่นของเขา รวมทั้งเลข 6 สำหรับแชมป์ที่เคยได้รับ
ในปี 2012 เขาทุ่มเงิน 12.8 ล้านดอลลาร์สร้างบ้านในฝันที่ฟลอริดา ในบ้านบรรจุสนามกอล์ฟส่วนตัวเอาไว้ด้วย เขายังมีบ้านราคา 2.8 ล้านดอลลาร์ใกล้ๆ กับชาร์ลอตต์ ที่มีวิวทะเลสาบแสนสวย
ก่อนหน้านี้ เขาเคยประกาศขายบ้านในชิคาโกมูลค่า 29 ล้านดอลลาร์ ที่รั้วบ้านมีหมายเลข 23 พร้อมสนามบาสเกตบอล สระว่ายน้ำ และมีสวนสวยอยู่ตรงกลาง ตอนนี้ราคาร่วงลงมาอยู่ที่ 14.9 ล้านดอลลาร์ แต่ยังขายไม่ออก ซึ่งเขายังจ้างคนเข้าไปดูแลทำความสะอาด และจ่ายภาษีครบถ้วน
ในปี 2016 ไมเคิลชนะคดีที่เขาฟ้องบริษัทเครื่องกีฬาจีน ที่เอาตราสินค้าของเขาไปใช้โดยเปลี่ยนชื่อยี่ห้อเป็นภาษาจีน นอกจากนี้ เขายังชนะคดีที่ซูเปอร์มาร์เกต 2 แห่ง อย่างโดมินิกส์ และจิวเวล-ออสโก นำสินค้าแอร์ จอร์แดนไปขายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเขานำเงินหลายล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากการชนะคดีทั้งหลายไปบริจาคให้ 23 องค์กรการกุศลที่ทำงานเพื่อเด็กๆ ในชิคาโกทั้งหมด
ในปี 2018 ไมเคิล บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุเฮอริเคนฟลอเรนซ์ 2 ล้านดอลลาร์ และในปี 2019 เขาบริจาค 7 ล้านดอลลาร์ให้โรงพยาบาล 2 แห่งในชาร์ลอตต์
ไมเคิล จอร์แดน มีลูก 3 คนจากการแต่งงานครั้งแรกของเขากับฮวนนิตา วานอย โดยลูกๆ ดำเนินรอยตามพ่อของเขาในการทำงานด้านรองเท้าและกีฬา
เจฟฟรีย์ ลูกชายคนโต ทำงานที่บริษัท ไนกี้ ในโอเรกอน ส่วนจัสมิน ลูกสาวคนสุดท้อง ทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อคุมทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ เดอะ ชาร์ลอตต์ ออร์เน็ตส์ ด้าน มาร์คัส ลูกชายคนกลาง เปิดร้านร้องเท้าผ้าใบสุดไฮโซในดิสนีย์เวิลด์ ชื่อว่า โทรฟี รูม โดยได้แรงบันดาลใจจากห้องเก็บถ้วยรางวัลของพ่อที่บ้าน
ไมเคิลแต่งงานใหม่กับ อีฟเวต ปรีโต ในปี 2013 ทั้งคู่มีลูกสาวฝาแฝดในปี 2014 วิกตอเรีย กับอิซาเบล
ความรวยของเขายังไม่จบ เขายังลงทุนในด้านเทคโนโลยีกับ กิ๊กสเตอร์ สตาร์ทอัพด้านซอฟต์แวร์สำหรับนักออกแบบ นอกจากนี้ เขายังไปซื้อหุ้นของทีมเบสบอล ไมอามี มาร์ลินส์ ในกลุ่มลงทุนเดเรก เจตเทอร์ ยังไม่รวมนิสัยชื่นชอบการพนันของเขาที่มักจะทำให้ได้เงินค่าขนมระดับพันดอลลาร์ขึ้นไปอยู่เสมอๆ คนมันจะรวยช่วยไม่ได้จริงๆ