ก่อนที่โลกจะถูกบังคับให้หยุดกลไกหลายๆ อย่างเนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัส นางแบบสาวขาพิการ ลอเรน วาสเซอร์ กำลังเตรียมตัวสำหรับร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการนิวยอร์ก ซิตี มาราธอน ด้วยการซ้อมวิ่งมิได้ขาด วันละ 6, 8 และ 10 ไมล์ รอบๆ อ่างเก็บน้ำใกล้ๆ บ้าน หรือไม่ก็บนเครื่องวิ่งในยิม และทุกวันนี้เธอก็ยังคงฟิตซ้อมอยู่ ไม่ว่าการแข่งขันจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม
การกักตัวอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับลอเรน เธอเคยผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้มาแล้วในปี 2012 ขณะที่เธอเกิดอาการช็อกหลังติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงจากผ้าอนามัย!! เธอได้รับการส่งเข้าห้องผ่าตัดอย่างด่วนจี๋ แต่ก็ต้องถูกตัดขาขวาทิ้งไป และเท้าซ้ายก็ติดเชื้อมากกว่า 50%
การฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า “ชีวิตวัย 20 ต้นๆ ของฉันเต็มไปด้วยความหดหู่ กว่าจะผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างยาวนานเหลือเกิน ฉันยอมรับเลยว่าการต้องพยายามมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องยากลำบากมากจริงๆ”
ลอเรน บอกว่า เมื่อต้องกักตัวอยู่กับบ้านอีกครั้งในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 นี้ ก็รู้สึกเหมือนช่วงเวลาแบบตอนนั้นหวนกลับมาอีกครั้ง “แต่ครั้งนี้มันต่างกันออกไป ตรงที่ฉันมีวิธีจัดการกับความคิดไม่ให้หดหู่ มีเป้าหมายในชีวิตให้พุ่งไปข้างหน้า ฉันเรียนรู้จากความเจ็บปวดในอดีตว่าการมัวแต่คร่ำครวญถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ช่วยอะไร เราต้องมองโลกในแง่บวก และมองไปข้างหน้าว่าเราต้องผ่านมันไปได้”
ผลจากความเจ็บป่วยในครั้งนู้น ทำให้ลอเรนต้องสละทุนการศึกษาที่เธอได้มาจากความสามารถทางกีฬาบาสเกตบอล หันมายึดอาชีพนางแบบตามรอยพ่อกับแม่ของเธอเพื่อหาทุนกาศึกษาแทน ทว่า ความเป็นนักกีฬายังคงอยู่ในสายเลือดของเธอเสมอมา
นางแบบสาวต้องถูกตัดขาซ้ายไปอีกครั้งในปี 2018 และต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้น กว่าจะกลับมาออกกำลังกายได้อีกครั้งก็นานพอดู แต่ทางด้านจิตใจแล้ว ฟื้นฟูได้เร็วกว่าการถูกตัดขาครั้งแรกอย่างมาก แม้จะอาศัยเวลาฟื้นฟูร่างกายเป็นปีๆ “ครั้งที่ 2 นี้ฉันตัดสินใจอย่างรวดเร็วมาก ตัดๆ ทิ้งไปเถอะจะได้จบๆ ฉันจะได้เป็นอิสระจากเชื้อโรคนั่นเสียที
“ฉันรู้สึกว่าได้สูญเสียชีวิตวัย 20 ไปแล้ว และไม่ต้องการสูญเสียวัย 30 ไปอีก”
ช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส ลอเรนล็อกดาวน์อยู่ที่บ้านในแอลเอร่วมกับสุนัข 3 ตัว ลูนา เลอรอย และเมดิสัน ซึ่งตอนนี้บ้านผนังสีขาวเรียบง่ายของเธอได้กลายเป็นฉากหลังในการถ่ายแบบแฟชั่นระหว่างการกักตัว “โลกของแฟชั่นก็ต้องปรับตัวค่ะ ตอนนี้นางแบบหลายคนก็รับงานอยู่ที่บ้าน”
เธอพูดถึงอาชีพนางแบบอีกว่า คนอาจจะจัดให้เธออยู่ในนางแบบทุพพลภาพ แต่สำหรับลอเรนแล้ว นางแบบก็คือนางแบบ “ฉันไม่เคยตีกรอบตัวเอง หรือมองว่าตัวเองแตกต่างจากนางแบบคนอื่นๆ ฉันเชื่อว่าสามารถที่จะเป็นตัวแทนแสดงแบบเสื้อผ้า หรือผลิตภัณฑ์ความงามได้ดีไม่ต่างจากนางแบบที่อวัยวะครบ 32”
คนแรกที่เป็นผู้หยิบยื่นโอกาสของนางแบบระดับแถวหน้าให้กับลอเรน คือ ริอันนา ที่เลือกเธอให้เป็นนางแบบสำหรับคอลเลกชันสปริง/ซัมเมอร์ 2020 ของเครื่องสำอาง ซาเวจ x เฟนตี้ ร่วมกับนางแบบชื่อดังๆ อย่าง จีจี้-เบลลา ฮาดิด พาโลมา เอลเซสเซอร์ และสลิค วู้ดส์
“มันเจ๋งไปเลยที่บริษัทใหญ่ๆ มองเห็นคุณ นั่นคือสิ่งที่ฉันพยายามทำงานหนักมาตลอด”
แน่นอนว่า ลอเรน วาสเซอร์ ถ่ายแบบให้แมกกาซีนแฟชั่นด้วย โดยที่ผ่านมาเธอมีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ฟรีพีเพิล เอช แอนด์ เอ็ม ปราดา ฯลฯ โดยก้าวต่อไปของเธอหวังว่าจะได้ร่วมงานกับไฮแบรนด์ อย่างแซงต์โลรองต์ หรือกุชชี
นางแบบสาวบอกว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่คนที่มีความบกพร่องทางร่างกายอย่างเธอก็สามารถเป็นนางแบบได้
“คนหลายคนต้องไปทำศัลยกรรมใบหน้า หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วยซ้ำ เพื่อที่จะยึดอาชีพนางแบบ ส่วนฉันมีหน้าตาที่ขายได้อยู่แล้ว ทำไมฉันถึงจะเป็นนางแบบไม่ได้ล่ะ”
ลอเรนบอกว่า เธอตั้งใจจะเป็นตัวแทนที่จะบอกผู้หญิงทุกคนว่า ความงามนั้นไม่จำกัดอยู่ในรูปร่างแบบใดโดยเฉพาะหรอก “ผู้หญิงบางคนตกกระ หรือมีแผลเป็น แต่เธอก็ยังสวยได้ในแบบของเธอ เพียงเราต้องไม่ทำให้ข้อบกพร่องของเรามาเป็นข้อจำกัด แต่ต้องเปลี่ยนให้เป็นจุดเด่น”
วิธีคิดนี้อาจมีส่วนในการตัดสินใจเลือกทำขาเทียมสีทองของลอเรน “ฉันรักร็อกกี้วงเอแซป และชอบฟันทองของเขาด้วย ฉันก็เลยคิดว่า คงจะเจ๋งดีที่จะมีขาเป็นสีทองเฟี้ยวๆ บ้าง เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งซึ่งจะช่วยให้คุณเจิดจรัสอยู่ตลอดเวลา
“หลังจากไปทำมา ฉันก็รู้สึกรักมันจริงๆ ขาทองเหมือนเป็นถ้วยรางวัลชนะเลิศสำหรับฉัน ฉันชอบดูดีมีเอกลักษณ์ แล้วฉันก็ชอบโชว์ขาทองของฉันมากด้วยค่ะ” ลอเรนทิ้งท้าย