เอเอฟพี – จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 6 ล้านคนเมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) โดยบราซิลยังคงทำสถิติเคสใหม่รายวันพุ่งขึ้นสูงสุด และทรัมป์ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางที่ประกาศยกเลิกการอัดฉีดองค์การอนามัยโลกเป็นการถาวร
ที่บราซิล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดในละตินอเมริกาด้วยตัวเลขผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเกือบ 500,000 คน สูงสุดอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา เหล่าผู้นำยังคงขัดแย้งกันเรื่องมาตรการล็อกดาวน์เพื่อชะลอการระบาด ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตใกล้ถึง 30,000 คน
ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ที่กลัวว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการกักตัวอยู่บ้านจะเลวร้ายกว่าผลประทบจากไวรัสโคโรนา ตำหนิบรรดาผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีว่า บังคับใช้ระบบกักตัวเบ็ดเสร็จแบบเผด็จการ
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 368,000 คน และผู้ติดเชื้อกว่า 6 ล้านคน การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยุติการให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก (ฮู) เป็นการถาวร ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
สหภาพยุโรป (อียู) แถลงว่า ขณะนี้เป็นเวลาสำหรับการยกระดับความร่วมมือและแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องหลีกเลี่ยงการกระทำที่บ่อนทำลายการดำเนินการของนานาชาติ
แรกทีเดียวนั้นทรัมป์ระงับการให้เงินสนับสนุนฮูเมื่อเดือนที่แล้วโดยกล่าวหาว่า องค์กรแห่งนี้ไม่พยายามมากพอในการป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาแต่เนิ่นๆ แถมยังเอาใจจีนมากเกินไป
ต่อมาเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) ทรัมป์ตัดสินใจยุติการอัดฉีดฮูเป็นการถาวร จากเดิมที่อเมริกาเป็นประเทศที่จ่ายเงินสมทบมากที่สุด ปีที่ผ่านมาสนับสนุนเงินให้ฮู 400 ล้านดอลลาร์
เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี กล่าวว่า “น่าผิดหวัง” ขณะที่นายกเทศมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ปฏิเสธคำเชิญของทรัมป์ในการประชุมสุดยอดที่อเมริกา ส่วนทางด้าน ริชาร์ด ฮอร์ตัน บรรณาธิการวารสารการแพทย์ แลนเซ็ต วิพากษ์ว่า ทั้งบ้าและน่ากลัวพร้อมๆ กัน
ในสถานการณ์ที่ไวรัสระบาดในระดับความเร็วต่างๆ กันทั่วโลก หลายประเทศถูกกดดันให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ แม้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดรอบสอง
ตัวอย่างเช่นที่อังกฤษ เจเรมี ฟาร์ราร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาล เตือนว่า เร็วเกินไปสำหรับการเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในวันจันทร์ (1 มิ.ย.)
อินเดียเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ค.) ว่า จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ครอบคลุมประชากรจำนวนมากที่สุดในโลก ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ก็ตาม
เช่นเดียวกับอิหร่านที่ประกาศอนุญาตการละหมาดรวมในมัสยิด แม้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
มัสยิดอัล-อักซอในเยรูซาเลม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของศาสนาอิสลาม รองจากเมกกะและเมดินาในซาอุดีอาระเบีย เปิดให้เข้าทำละหมาดอีกครั้งตั้งแต่วันอาทิตย์
หลายประเทศในยุโรปที่เคยมีการระบาดรุนแรง เดินหน้ารีสตาร์ทเศรษฐกิจต่อเนื่องขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง หอเอนเมืองปิซาของอิตาลีเปิดอีกครั้งในวันเสาร์ เช่นเดียวกับสวนสาธารณะและห้างแกเลอรีส์ ลาฟาแยตต์ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ส่วนโรงแรมและโรงภาพยนตร์ในออสเตรียได้รับอนุญาตให้เปิดบริการอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่า ลูกค้าต้องสวมหน้ากาก
ที่วอชิงตัน เมืองหลวงของอเมริกา ร้านอาหารเปิดต้อนรับลูกค้า ขณะที่ลอสแองเจลิสอนุญาตให้เปิดร้านอาหารและร้านทำผมได้อีกครั้ง ส่วนนิวยอร์กซิตี้ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 21,500 คน จะเริ่มเปิดเมืองในวันที่ 8 มิถุนายน ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตในอเมริกาล่าสุดเกิน 103,000 คน และผู้ติดเชื้อกว่า 1.7 ล้านคน
วงการกีฬาทั่วโลกเริ่มขยับเช่นเดียวกัน โดยออสเตรียประกาศว่า การแข่งขันรถฟอร์มูลาวันฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม ส่วนการแข่งขันบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอนของอเมริกาเล็งว่า จะกลับมาในวันที่ 31 เดือนเดียวกัน ส่วนอังกฤษอนุมัติให้จัดการแข่งขันกีฬาได้ตั้งแต่วันจันทร์ แต่ยังห้ามเปิดให้คนเข้าชมในสนาม
กระนั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์นานหลายสัปดาห์ยังคงเพิ่มพูนขึ้น โดยชิลีและเปรูต้องขอเงินกู้หลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
เศรษฐกิจอินเดียไตรมาสแรกขยายตัวต่ำสุดในรอบ 2 ทศวรรษ ด้านแคนาดา บราซิล ฝรั่งเศส และอิตาลีเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว และเศรษฐกิจโลกถูกคาดหมายว่า จะเข้าสู่ภาวะถดถอย