สำนักข่าวเดลี่ เมล รายงานว่า "เบอร์นี เอคเคิลสโตน" อดีตบอสใหญ่ฟอร์มูลาวัน วัย 88 ปี เตรียมตัวหน้าซีดเพราะต้องควักเงินราว 1 พันล้านปอนด์ หรือกว่า 4 หมื่นล้าน เป็นค่าภาษีที่ต้องจ่ายหลังจากต่อสู้กับสรรพากรอังกฤษมายาวนานมากกว่า 20 ปี
กรณีของเบอร์นีนั้น ถูกสรรพากรอังกฤษตั้งประเด็นสอบสวนมาตั้งแต่ช่วงปี 1997 หลังจากที่เขาทำการถ่ายโอนและขายหุ้นกิจการ ฟอร์มูลา วัน ให้กับภรรยาและลูกสาวทั้งสองคน ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ที่คนเป็นสามีและพ่อจะโอนหุ้น และทรัพย์สินให้กับภรรยาและลูกสาวของตัวเอง ซึ่งมันคงจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าการโอนหุ้นที่ว่านี้ มันเกิดขึ้นราวกับมีการเตรียมการไว้อย่างดี นั่นก็เพราะ สลาวิคา ภรรยาสาวของเบอร์นี ได้ไปจดทะเบียนตั้งทรัสต์ไว้ในหมู่เกาะปลอดภาษี โดยบริษัททรัสต์ที่ว่านี้ ก็มีชื่อ ของสลิคา, เภตรา และ ทามารา ภรรยาและลูกสาวสองคนเป็นผู้บริหาร และภายหลังจากการโอนหุ้นให้ ภรรยาและลูกสาวแล้ว ทั้งสามคนก็จัดการโอนหุ้นไปยังทรัสต์ที่ว่านั้นทันที ในช่วงปี 1999
มันเลยกลายเป็นเหตุผลแนว “ไก่ กับ ไข่” ที่เบอร์นีใช้มาอ้างกับสรรพากรว่า เมื่อหุ้นเขาถูกไปดำเนินงานภายใต้ทรัสต์ที่จดทะเบียนนอกสหราชอาณาจักรแล้ว ผลกำไรที่เกิดจากสัดส่วนหุ้นเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องถูกเก็บภาษีโดยสรรพากรของอังกฤษ
แต่สรรพากรไม่ได้คิดเช่นนั้น และรู้ว่านี่คือเล่ห์เหลี่ยมของเบอร์นีที่จะหลบเลี่ยงภาษี สรรพากรจึงทำการสอบสวนโดยเรียกทั้ง เบอร์นี, สลาวิคา, เภตรา และทามารา มาให้ปากคำทั้งต่อหน้าพนักงานสอบสวน และให้การในศาล ตลอด 22 ปีที่ผ่านมา โดยคาดกันว่า ตัวเลขภาษีกลมๆ ที่เบอร์นีจะต้องจ่ายก็คือ 1 พันล้านปอนด์ หรือราว 4 หมื่นล้านบาท หากเขาถูกพิสูจน์ว่า ผิดข้อหาหลบเลี่ยงภาษีจริง
