11th Anniversary Celeb Online Magazine
ในโอกาสครบรอบ 11 ปี พบกับสัมภาษณ์พิเศษเซเลบริตี้คู่แฝดที่ประสบความสำเร็จ 11 คู่ ตลอดเดือนตุลาคมนี้
>>ในฉบับครบรอบ 11 ปีของนิตยสาร Celeb Online มาในคอนเซ็ปต์ฝาแฝดซึ่งจะสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าขาดคู่แฝดคู่สำคัญของประเทศไทยอย่าง “คุณบุญชัย” และ “คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา” คู่แฝดรุ่นเดอะนักธุรกิจหมื่นล้านแห่งเครือสหพัฒน์ ที่ดูแลกิจการธุรกิจอุปโภคบริโภคสารพัดผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “คุณบุญชัย” และ “คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา” เชื่อได้ว่าทุกคนคงรู้จักและรู้เรื่องราวของแต่ละท่านเป็นอย่างดี ด้วยการเป็นผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่ได้ถ่ายทอดเคล็ดลับผ่านทางพ็อกเกตบุ๊กหลายต่อหลายเล่ม
แต่วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับอีกแง่มุมของทั้งคู่ อย่างในเรื่องความผูกพันของฝาแฝดที่สนิทสนมของทั้งคู่ ผ่านบทสนทนาและการเอื้อนเอ่ยแซวอีกฝ่าย สร้างบรรยากาศแห่งความสนุกสนานตลอดการสัมภาษณ์ในครั้งนี้
“พวกผมไม่มีชื่อเล่นนะ เรียกกันว่า บุญชัย บุญเกียรติ ชื่อเต็มไปเลย แต่บางคนที่สนิทหน่อยๆ ก็อาจจะเรียกว่า ชัย กับ เกียรติ ก็มีบ้าง ตอนเด็กๆ เราหน้าคล้ายกันนะ พ่อแม่พี่น้องมีสับสนบ้าง มาตอนนี้แล้วอาจจะดูไม่คล้ายกันเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นบรรดาหลานๆ เอง ตอนเขายังเล็กก็มีความสับสนบ้าง วิ่งมาหาคุณปู่ คุณตา ผิดคนบ้างก็มี เพราะบ้านอยู่ติดกัน เห็นกันอยู่ทุกวันไม่ได้ห่างกันไปไหน” คุณบุญเกียรติเปิดฉากเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังพร้อมเผยต่อว่า
“สมัยเด็กๆ ผมไม่ชอบเลยนะที่เป็นฝาแฝด เพราะทุกคนจะจับเราเป็นคู่ตลอด แล้วก็เรียกว่าแฝดๆ มันเหมือนมีคนมาล้อเรา เลยรู้สึกไม่ดี ออกแนวรำคาญ เพราะรู้สึกว่าผมก็คือผม เขาก็คือเขา คนละคนกัน อยากมีตัวตนของเราเอง ตอนนั้นก็พยายามแยกไปคนละทาง มีเพื่อนคนละกลุ่มเลย มีกิจกรรมกันคนละอย่าง
นั่นคือความคิดแบบเด็กๆ คือไม่ชอบโดยไม่มีเหตุผล ทั้งที่การเรียกว่าแฝดมันก็เป็นปกติธรรมดา แต่เรากลับรู้สึกไปเอง พอโตมาความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆ หายไปเอง มองกลับไปแล้วก็ยังขำเลยว่าทำไมคิดอะไรแบบนั้น”
:: แสบซนแบบแพ็กคู่
ด้านคุณบุญชัยช่วยเสริมว่า “ที่จริงมีเพื่อนต่างกลุ่มกัน อาจจะเพราะผมกับคุณบุญเกียรติ คาแรกเตอร์ต่างกันด้วย ผมจะออกแนวโลดโผนกว่า บู๊กว่า ชอบเรื่องปืน เที่ยวลุยๆ เลี้ยงสัตว์อะไรทำนองนี้ แต่เขาจะสำอางกว่า เช่น เล่นเทนนิส หรือกีตาร์ แต่จริงๆ แล้วเล่นไม่เก่งหรอก ฝึกเอาไว้จีบสาวมากกว่าผมว่า (แซวเล่น)
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเที่ยวเล่นด้วยกันเลยนะ เพราะเพื่อนเราก็รู้จักกัน รวมกลุ่มด้วยกันได้ จำได้เลยว่ามีครั้งหนึ่ง เราไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน โดยขี่มอเตอร์ไซค์ไป ทั้งที่ยังไม่มีใบขับขี่เลย โดยเอาเวสป้าของสหพัฒน์ไปคันกับยืมรถของเพื่อนอีกคัน แล้วไปเที่ยวกัน 4 คน มีผมกับเขาขี่แล้วก็ให้เพื่อนซ้อน ขอพ่อแม่ว่าไปค้างบ้านเพื่อนโดยจะเอามอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟไป แต่ที่จริงแล้วขี่ยาวไปเลย สมัยนั้นถนนก็ยังไม่ดีเหมือนปัจจุบัน ต้องขับอ้อมไปอ้อมมาเกินครึ่งวันได้กว่าจะถึง ออกแต่เช้าถึงโน่นก็เย็น นอนค้างค่ำ เที่ยวเล่นแล้วก็ขี่กลับ”
เอ่ยถามว่าใครเป็นต้นคิดวีรกรรมเฟี้ยวๆ แบบนี้ ทั้งคู่ต่างแย่งกันยอมรับแบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว
คุณบุญชัย : ผมว่าผมเป็นคนนำทีมนะ
คุณบุญเกียรติ : อะไรๆ เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นต้นคิดทั้งนั้นแหละ แต่ที่จริงแล้วงานนี้ผมว่าผมเป็นคนต้นคิดนะ
เห็นทั้งคู่ที่เป็นคู่ปรับบลัฟฟ์กันไปมาแบบนี้ แต่หารู้ไม่ว่า กลับไม่เคยทะเลาะกันจริงจัง มีแต่แซวกันเล่นสนุกๆ เท่านั้น แม้แต่ตอนเด็กก็ทะเลาะกันน้อยครั้งมาก
คุณบุญชัย : เรื่องทะเลาะมีบ้าง แต่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือนะ มีแต่ร่วมมือกันแท็กทีมไปรุมพี่ชาย คือ คุณณรงค์ ทะเลาะกันก็เลยจับมือกันกะจะ 2 รุม1 แต่ด้วยความที่เขาโตกว่าเรา 4 ปี ตัวใหญ่กว่า แล้วก็บู๊กว่าเราเยอะ จึงกลายเป็นว่าเราทั้งคู่โดนเขาเตะถีบ กลายเป็น 1 รุม 2”
คุณบุญเกียรติ : พูดถึงคุณณรงค์นี่มีอีกเหตุการณ์ที่จำได้ขึ้นใจเลยคือ บ้านฝั่งตรงข้ามของฝรั่ง เขามีพ่อครัวเป็นคนจีน แล้วภรรยาของพ่อครัวเขากลิ่นตัวแรงมาก ผมเคยได้ยินคุณแม่พูดถึงก็จำติดใจ แล้วเย็นวันหนึ่งพ่อครัวก็ชวนเด็กๆ บ้านเราไปกินข้าวในครัว นั่งกับพื้น เขาทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน ขณะกำลังล้อมวงกินข้าวอยู่ ผมก็พูดขึ้นมาว่า “แม่บอกว่าเค้าตัวเหม็น” คืออึ้งกันไปทั้งโต๊ะ คุณณรงค์ที่นั่งอยู่ด้วยก็รีบแก้ต่างว่า ไม่จริง คุณแม่ไม่ได้พูด ผมก็เถียงทันทีเลยว่า แม่พูดนะ พูดจริงๆ ยืนยันหนักแน่นมาก (หัวเราะ) ตอนนั้นเรายังเด็กมากเพิ่งอายุ 5-6 ขวบเอง ไม่รู้อะไรควรไม่ควร คิดอะไรก็พูดไปเลย คุณณรงค์ก็ลุกขึ้นวิ่งกลับบ้านไปพักนึงแล้วกลับมา และบอกว่าคุณแม่เรียก พอผมบอกคุณแม่ก็เลยโดนฟาดหนักเลย
คุณบุญชัย : ผมยังจำเหตุการณ์นี้ได้ เขาเป็นเด็กซื่อๆ เลยพูดอะไรไปโดยไม่ได้คิด ก็โดนคุณแม่ทำโทษกันไป ทั้งผมและคุณบุญเกียรติโดนคุณแม่ตีบ่อย แต่กับคุณพ่อนี่ไม่ค่อยนะ มีครั้งเดียวเท่าที่จำได้ คือตอนนั้นผมชอบจักรยาน ทั้งซ่อม ทั้งขี่ ทำเองดูแลเองทุกอย่าง แล้ววันนั้นพี่สาวคือคุณศิริยล มาเอาไปขี่ เขาตัวใหญ่แล้วผมก็หวงรถ ก็เลยตะโกนว่าเขาไปว่า “ตัวโตอย่างกับช้างม้าวัวควาย แล้วยังจะมาขี่จักรยานเล็กๆ อีก พอดีคุณพ่อยืนอยู่ข้างหลังได้ยินทั้งหมด ท่านปลดเข็มขัดออกจากกางเกงมาเตรียมฟาด ผมต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเลย ที่เล่าให้ฟังนี่จะบอกว่าแต่ก่อนก็ปากไม่ดีพอกัน แต่ตอนนี้ผมน่าจะดีกว่าเขาแล้วนะ (พลางหัวเราะ)
คุณบุญเกียรติ : ผมก็เคยโดนคุณพ่อตีเหมือนกัน ตอนนั้นอายุสัก 10 ขวบได้ เพราะความที่ไม่ถูกกับพี่สาวอีกคน คุณศิรินา เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ผมเลยเอากรรไกรซิกแซ็กไปตัดชายเสื้อเขา เขาก็ไปฟ้องพ่อ ผมเลยโดนเรียกไปหา คือเวลาเราทำอะไรผิด ถ้าคุณพ่อจะดุหรือลงโทษ ท่านไม่เคยใช้อารมณ์นะ ทุกอย่างเป็นการคุยกันด้วยเหตุและผล ไม่ใช่อยู่ๆ จะดุ เสียงดัง แล้วตี แต่ท่านจะพูดคุยให้เรารู้ตัวว่าเราทำผิด ให้สารภาพยอมรับและเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ดีอย่างไร แล้วค่อยลงมือ ท่านก็เดินไปปลดเข็มขัดมาฟาด ตีมือแปะเดียว แต่โดนแค่นั้นเราก็จำได้ขึ้นใจเลย
คุณบุญเกียรติ : เรื่องของเขา ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เขาไม่เคยเล่าให้ฟังเลย เพิ่งได้ยินวันนี้แหละ
คุณบุญชัย : เรื่องนี้ผมยังไม่รู้เลยนะ เพราะที่บ้านเวลาทำโทษจะเรียกเข้าห้อง คือคุยกันรายบุคคล ผมไม่เคยรู้เลย
คุณบุญเกียรติ : เรื่องของเขา ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เขาไม่เคยเล่าให้ฟังเลย เพิ่งได้ยินวันนี้แหละ
คุณบุญชัย : ผมไม่เคยพูดที่ไหน แต่ที่เล่าให้ฟังนี่ เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่า คำพูดเป็นเรื่องสำคัญ จะพูดอะไรต้องคิดก่อน ซึ่งตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ระมัดระวังคำพูดนะ ไม่เหมือนคุณบุญเกียรติ (หัวเราะ)
:: วีรกรรมความแฝด
ด้วยความเป็นแฝดที่มีอดีตแสบซนแบบนี้ ทำให้เราแอบสงสัยไม่ได้ว่า ในอดีตฝาแฝดหมื่นล้านคู่นี้ เคยอาศัยความเป็นแฝดไปป่วนหรือหลอกแกล้งใครบ้างไหม?
“ตอนเด็กๆ ไม่มีนะ แต่กลับมามีตอนโตนี่แหละ คือตอนนั้นผมมีงานสัมมนา ที่ต้องเข้าคอร์ส 2 วัน แต่ผมไม่ว่างจึงไม่สามารถไปได้ทั้ง 2 วัน ก็เลยแบ่งกัน คือผมไปวันแรก แล้วอีกวันให้คุณบุญชัยไปแทน แถมไม่มีใครรู้ด้วยนะ ไม่มีใครทักเลย คือไม่รู้ว่าเขาจับไม่ได้ หรือไม่ได้สนใจ เขาอาจจะจำเราไม่ได้อยู่แล้วก็เป็นได้...
หรืออย่างบางทีพนักงานในบริษัทนี่แหละ แต่ก่อนเวลาผมไปหาเขาที่ออฟฟิศสหพัฒน์ เข้าไปนั่งรอที่ห้องทำงานเขา ก็มีผู้บริหารเปิดประตูเข้ามารายงานเรื่องโน้นเรื่องนี้ยาวเลย โดยไม่ทันได้เปิดโอกาสให้ผมแสดงตัว คือมาถึงก็ร่ายยาวแบบที่ผมไม่รู้จะหาจังหวะเบรกตรงไหนเลย พอเขาพูดจบ ผมบอกว่านี่บุญเกียรตินะ เขาจึงตกใจกันไป หรือคุณบุญชัยเองเวลามาที่ไอซีซีนี่ ก็มีพนักงานเข้ามาก้มหน้าก้มตา รีพอร์ตงานกันสุดฤทธิ์โดยไม่ทันได้ดูให้ดีก็มี
ไอ้เรื่องแฝดนี่บางครั้งก็ขำดี แต่บางทีก็ทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ อย่างแต่ก่อนพนักงานจะสับสนบ่อย คือ ผมจะเป็นคนกันเอง เฮฮา ในขณะที่คุณบุญชัยเขาจะนิ่งๆ กว่า ทำให้พนักงานบางคนที่เห็นผมในออฟฟิศยิ้มแย้มทักทาย แล้วพอไปเจอข้างนอกเห็นนิ่งๆ ก็งง คิดว่าคุณบุญเกียรตินี่อยู่ออฟฟิศก็ดีเป็นกันเองนะ แต่ทำไมเจอกันข้างนอกแล้วทำเหมือนไม่รู้จัก ที่จริงคือเขาไปเจอคุณบุญชัยไม่ใช่ผม” คุณบุญเกียรติเล่าประสบการณ์ที่ประสบให้ฟัง
:: จิตวิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ทั้งคู่บอกว่าทุกวันนี้แม้จะอยู่กันคนละบ้าน ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ความผูกพันของฝาแฝดไม่จางหายไปไหน บางทีก็จะเลือกใส่เสื้อผ้าและกางเกงสีเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายกันบ้าง และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือมักจะมีอาการเจ็บป่วยที่เดียวกัน
โดยคุณบุญชัยอธิบายว่า “ชอบคันหลังทั้งคู่ ต้องมีไม้เกาหลังติดตัวกันตลอด เวลาป่วยก็เหมือนๆ กัน บางทีก็ท้องเสีย หรือปวดท้องพร้อมๆ กัน โดยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมคนละอย่าง รับประทานอาหารก็คนละอย่างแต่กลับเป็นเหมือนกันได้อย่างไรก็ไม่ทราบ”
คุณบุญเกียรติเสริมขึ้นมาว่า “ถ้าจะให้อธิบายเรื่องนี้ ผมว่ามันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ผมว่าเรามีเจ้ากรรมนายเวรชุดเดียวกัน ชาติที่แล้วอาจจะไปทำอะไรผิดร่วมกัน มันเลยมาส่งผลตอนนี้ เขามาเล่นงานเราทั้งคู่พร้อมกัน บางคนอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่ผมกับคุณบุญชัยเชื่อนะ แถมเคยมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น อันนี้ต้องให้เขาเล่าให้ฟัง”
“เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนผม (บุญชัย) เดินทางไปสวิส อยู่ๆ ก็ปวดท้องขึ้นมา ปวดมากเลย ตรงบั้นเอวด้านซ้าย ก็เลยโทรศัพท์กลับไปปรึกษาหมอประจำครอบครัว หมอให้ไปหายาแก้ปวดมาทาน เขาก็วิเคราะห์ ให้ไปหายามากิน แต่ก็ไม่หาย จนสุดท้ายผมเลยใช้วิธีขออโหสิกรรม เท่านั้นแหละหายเลย พอกลับมาเมืองไทยมาเล่าให้ฟัง คุณบุญเกียรติยังแอบแซวเลยว่าชาติที่แล้วอาจจะเคยไปทำกรรมอะไรไว้ที่นั่น ตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรเขาหาเจอพอดีเลยมาเล่นงาน” คุณบุญชัยเล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟัง
“ผม(บุญเกียรติ)แค่แซวเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรนะ จนผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์ อยู่ๆ ผมกินข้าวเช้าเสร็จก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมากะทันหัน โดยปวดทางด้านขวา ก็ไม่ได้สนใจคิดว่าปวดแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย แต่ปวดขึ้นเรื่อยๆ ขณะขับรถมาที่บริษัท แต่พอได้นอนพัก ซึ่งพอได้นอนพักก็หายจริงๆ พอมาทานข้าวกลางวันเสร็จก็กลับปวดขึ้นมาอีก จึงนอนพักสักหน่อยก็หาย ซึ่งตอนนั้นก็พอดีเจอกับคุณเอ๋ (สแกนกรรม) ซึ่งเป็นคนที่คอยดูเรื่องกรรมให้ เขามาหาพอดีและบอกว่านี่แหละเจ้ากรรมนายเวรเขามาทำให้ปวด ให้ไปทำสังฆทานนะแล้วจะหาย
ตอนนั้นได้ยินแล้วก็ยังไม่ทันได้นึกถึงเหตุการณ์ที่คุณบุญชัยเคยเป็นเหมือนกัน เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาปวดจุดไหน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน ถึงแม้จะถูกทักแล้ว ผมก็ยังนิ่งนอนใจ ตอนเย็นมีนัดกินข้าวที่ร้านอาหารอิตาเลียน พอได้กิน pizza bread หนึ่งชิ้นเท่านั้นแหละ ปวดท้องขึ้นมาอีกจนต้องขอตัวกลับบ้านก่อน จนวันรุ่งขึ้นก็หายพอไปทานอาหารเช้าที่แมคโดนัลด์ ก็ปวดอีก สุดท้ายจึงตัดสินใจรีบไปทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งคิดว่าเรื่องจะจบ ก็ยังปวดต่ออีก!?
คราวนี้ปวดมากจนทนไม่ไหว ต้องเข้าโรงพยาบาล คือปวดขนาดตอนอยู่บนรถนี่ นั่งไม่ได้เลยนะ นอนขดตัวงอ ไปถึงก็ต้องขึ้นเตียงเปล แอดมิต ฉีดมอร์ฟีนลดปวดให้เลย คุณหมอตรวจแล้วก็บอกว่ามีปัญหาแถวไต อัลตราซาวด์แล้วน่าจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ขนาดประมาณ 6 มิลลิเมตร ซึ่งท่อน้ำดีขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร ต้องผ่าเอาออก ซึ่งผมก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เพิ่งตรวจร่างกายมา ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
ตอนเตรียมจะผ่าตัด เขาก็ให้เราเตรียมถ่ายท้อง แล้วค่อยพาไปเอกซเรย์ ทำอยู่หลายรอบกลับไม่เจอก้อนนิ่ว ไม่เห็นมีอะไร ทางหมอจึงสันนิษฐานว่ามันน่าจะหลุดไปตอนที่ถ่ายท้อง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะก้อนมันใหญ่กว่าท่อที่จะออกมาได้ ผมว่าเรื่องนี้เจ้ากรรมนายเวร แม้จะทำสังฆทานให้แล้ว ท่านคงอยากทิ้งทวนอีกสักหมัดแน่ๆ”
“เขาคงทำกรรมไว้เยอะกว่าผมมั้ง เลยโดนหนักกว่ามาก ของผมปวดนิดเดียวก็หายแล้ว” คุณบุญชัยเอ่ยแซวแฝดผู้น้อง
ด้านคุณบุญเกียรติไม่ยอมน้อยหน้าโต้กลับทันทีว่า “ผมว่าที่จริงเป็นความผิดเขานะ ที่ไปสวิส เจ้ากรรมนายเวรเขาคงอยู่ที่นั่น เขาถึงหาเจอแล้วก็เกาะกลับมาทำให้ผมโดนไปด้วย พอได้มาคุยกันแล้ว พบว่าจุดที่ปวดคือเริ่มปวดที่เดียวกันเลย แต่ต่างกันคือ ของเขาฝั่งซ้าย ของผมฝั่งขวา แถมอาการปวดแบบเดียวกันเลย เริ่มจากด้านล่างแล้วลามขึ้นไปด้านบน ที่ผมปวดหนักกว่าที่จริงแล้ว อาจจะเป็นเพราะเขาทำบาปไว้มากกว่าก็ได้ แต่เพราะเราหน้าคล้ายกัน เจ้ากรรมนายเวรเลยจำผิดแล้วมาเล่นงานผมแทน”
นอกจากนี้แล้ว บางครั้งก็มักจะคิดถึงสิ่งเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างในตอนที่คุณแม่ของทั้งคู่หกล้มหัวฟาดพื้นเจ็บหนัก คุณบุญชัยเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนคุณบุญเกียรติอยู่ประเทศอังกฤษ ที่บ้านส่งจดหมายแจ้งให้ทราบ ทั้งสองต่างติดต่อกลับมาที่บ้านว่าอยากจะบวชให้กับคุณแม่ โดยต่างคนต่างคิดไม่ได้ปรึกษากันมาก่อน
“แต่เราไม่ได้บวชพร้อมกันนะ เพราะเขาบินกลับมาก่อนผมเขาจึงบวชก่อน ผมบวชทีหลัง จำได้เลยอยู่ที่วัดโพธิ์ แล้วต้องนอนคนเดียวและผมเป็นคนกลัวผีมาก ตกดึกปุ๊บหมาหอนกันเกรียว จึงต้องโทรศัพท์หาเขาให้มานอนเป็นเพื่อน”
คุณบุญชัยกล่าวเสริมว่า “ทุกวันนี้บางครั้งเรายังฝันเรื่องเดียวกันเลยนะ ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่พอคุยกันทีไร ก็จะแปลกใจทุกครั้งว่าทำไมคิดถึงอะไรตรงกันตลอด นึกถึงเรื่องเดียวกันบ่อยครั้ง คือเอ่ยปากเล่าอะไรไปคุณบุญเกียรติรู้ทันทีเลยว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
:: ผู้บริหารเสียงทอง
ความผูกพันของแฝดคู่นี้ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น แต่ยังรวมไปถึงรสนิยมที่ใกล้เคียงกันในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการชอบเรื่องรถยนต์เหมือนกัน เล่นกีฬา และงานอดิเรกอย่างการร้องเพลงที่ถือเป็นกิจกรรมโปรดของทั้งคู่ ถึงขนาดอัดเพลงออกเป็นอัลบัมกันเลยทีเดียว
“ที่ทำอัลบัมไม่ได้คาดหวังอะไรนะ ทำเพราะอยากทำ มันเป็นความภาคภูมิใจในเสียงของตัวเอง ผมจะร้องแต่เพลงสากล ส่วนคุณบุญชัยเขาร้องเพลงไทยด้วย เพราะเขาร้องเพลงสากลสู้ผมไม่ได้ไง เลยต้องหนีไปทางอื่น (พลางหัวเราะ)” คุณบุญเกียรติชิงกล่าวก่อนจะเกิดการถกเถียงกันเล็กน้อยว่าใครร้องเพลงเพราะกว่ากัน
“ยอมรับว่าเสียงเขาดีกว่าผม คีย์สูงกว่า เสียงใสกว่า แต่เรื่องวิธีการร้องผมสู้ได้เลย เพราะเขาร้องไม่มีอารมณ์ เขาจะขึงขัง แบบจังหวะหนักแน่น เหมาะกับพวกเพลงสงคราม แต่เพลงนุ่มๆ โรแมนติก ไม่เวิร์ก การร้องเพลงมันไม่มีแค่เรื่องเสียงอย่างเดียว มันอยู่ที่ลีลาและอารมณ์การร้องด้วย” คุณบุญชัยไม่ยอมน้อยหน้า
“ร้องกันเยอะจนทุกวันนี้ผมไม่ต้องซื้ออัลบัมเพลงคนอื่นแล้วนะ ฟังแต่เพลงตัวเอง ตอนนี้กำลังจะออกอัลบัมที่ 10 โดยวางขายแล้วเอาเงินไปช่วยทำการกุศลโดยไม่หักค่าใช้จ่าย”
:: Twin Power แห่งเครือสหพัฒน์
บริษัท สหพัฒน์ อันเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องอุปโภคและบริโภครายใหญ่ของเมืองไทย ที่ทั้งผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลากหลายแขนง และมีบริษัทในเครือมากมาย ก่อตั้งมานาน โดย “ดร.เทียม โชควัฒนา” ที่วางรากฐานอย่างมั่นคงและส่งต่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน อย่างคุณบุญชัยและคุณบุญเกียรติ ที่นับเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยสร้างความก้าวหน้าให้กับบริษัท
ทางคุณบุญชัยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และคุณบุญเกียรติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
ถึงแม้ทั้งสองบริษัทจะมีแบรนด์สินค้าอยู่ในความรับผิดชอบมากมาย และครอบคลุมธุรกิจแทบทุกแขนง แต่ถ้ามองภาพรวมแล้ว ทางสหพัฒนพิบูลดูจะโดดเด่นในด้านผลิตภัณฑ์บริโภคอย่าง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ส่วน ไอ.ซี.ซี. จะมีเป็นข้าวของเครื่องใช้อุปโภคมากกว่าอย่าง BSC และสินค้าแฟชั่นอีกสารพัดแบรนด์
โดยคุณบุญเกียรติกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “พวกเราก้าวเข้ามาดูแลบริษัท แบ่งความรับผิดชอบกันไปตามที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัว ซึ่งแต่ละคนก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ อย่างผมนี่สนุกกับการทำงานมา 40 กว่าปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดที่จะมองหาอะไรใหม่ๆ ทำ อย่างไม่นานมานี้เพิ่งจะออกผลิตภัณฑ์ล่าสุดเป็น BSC CORNSOY คอร์นซอยนมถั่วเหลืองผสมเนื้อข้าวโพด ผมมีความสุขที่ได้ส่งต่อสิ่งดีๆ และของที่มีประโยชน์ให้กับผู้อื่น ดังนั้น ธุรกิจที่ผมไม่คิดจะแตะเด็ดขาด คือ สิ่งอบายมุขทั้งหลาย อย่างเช่น เหล้า ยาสูบ อาบอบนวด หรือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พวกนี้เราจะไม่ทำ...
ธุรกิจแขนงล่าสุดคือ การลงทุนทางอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมสนใจมานานแล้ว แต่โอกาสเพิ่งจะเอื้ออำนวย ผมมองว่านี่เป็นช่องทางกระจาย ในการ Diversify ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจยุคนี้ คือถ้าเป็นสมัยก่อนที่เศรษฐกิจไทยโตแบบพุ่งมาก คนทำธุรกิจแค่ดูแลกิจการตัวเองก็ยุ่งพอแล้ว ไม่มีเวลาไปมองอะไรอื่นแล้ว แต่ทุกวันนี้การทำธุรกิจมันไม่ง่ายอย่างนั้น มีตัวแปรเยอะ ไม่ใช่ใครครองตลาดหรือเติบโตมากๆ เหมือนแต่ก่อน ก็จะช่วยสร้างธุรกิจให้มั่นคงคือทำให้มันแผ่ขยายออกไป ช่วยลดความเสี่ยงไปได้”
“สำหรับผมนอกจากจะดูสหพัฒนพิบูลแล้ว ก็ยังมีงานในภาคการเมือง เป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะนอกจากการทำธุรกิจแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกสนใจมาโดยตลอด คือ การช่วยเหลือประเทศชาติ อยากเห็นประเทศไทยเราก้าวไปข้างหน้า พัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ ประเทศไทยมีดีเยอะมากนะ แต่มาติดที่ปัญหาคอร์รัปชัน ยิ่งผ่านไปทุกวันยิ่งมีมากขึ้น คนเห็นจนชินชา เป็นเรื่องปกติที่เห็นคนโกงได้ดี ถ้าเด็กโตมาในสภาพสังคมแบบนี้ โตไปเขาก็เดินตามรอยโกงแน่นอน
ผมอยากให้คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องความซื่อสัตย์ ผมพยายามทำในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพูด ทำโครงการส่งเสริมคนดี ไปจนถึงการออกผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ซื่อสัตย์” เพราะผมอยากให้คนซึมซับกับคำนี้ จึงย้ำตลอดผ่านในทุกรูปแบบ ปลูกฝังเข้าไปในตัวคนรุ่นใหม่ อย่างน้อยให้คำนี้ได้เห็น ได้ยินติดหู ผมคิดว่ามันคงไม่สำเร็จอย่างง่ายดายหรอก เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่อย่างน้อยการกระทำของเราก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการลงมือทำให้มันดีขึ้น”
:: วัยเกษียณแต่ใจไม่เกษียณ
ขณะที่ข้าราชการและพนักงานทั่วไป เกษียณอายุกันตอนอายุ 60 ปี แต่สำหรับฝาแฝดคู่นี้ที่ก้าวเลยไปสู่วัย 68 ปีแล้ว กลับยังมีไฟในการทำงานเต็มร้อย
“เรื่องเกษียณนี่ก็มองๆ ไว้เหมือนกัน แต่คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้ เพราะผมมองว่าตอนนี้ชีวิตอยู่ในจุดที่สูงสุดทั้งเรื่องของความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ เรายังมีอะไรที่พร้อมจะมอบให้องค์กรอีกเยอะ และถ้าตราบใดที่ยังหาใครมารับช่วงต่อแล้วทำดีเท่าหรือดีกว่าผมไม่ได้ ผมก็ยังไม่ไว้วางใจที่จะปล่อยมือไป ก็พยายามสร้างคนขึ้นมาแทนที่อยู่
อาศัยวิธีค่อยๆ ให้เขาแสดงฝีมือ มอบหมายความรับผิดชอบ แล้วค่อยๆ ผ่อนออกมา ถ้าวันใดเขาพร้อม ผมก็จะถอยออกมาทำงานน้อยลง แล้วก็พักผ่อนทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เพราะผมเป็นคนมีกิจกรรมเยอะ เล่นเรือ ยิงปืน ขี่จักรยาน แล้วก็ซ่อมรถ ก็คิดว่าคงมีอะไรให้ทำที่เหมาะกับวัยให้ทำสนุกๆ อีกเยอะ
แต่ก็คงไม่หยุดทำงานไปเลย แต่จะทำในตำแหน่งที่ปรึกษา เพราะจะให้วางมือไปเลย ผมคงทำไม่ได้แน่ เพราะสมองเราชอบทำงาน ชอบคิดนั่นนี่ และก็เสียดายประสบการณ์ที่มี โดยทุกวันนี้ผมชอบถ่ายทอดความรู้ เผยแพร่ ให้ความรู้กับพนักงาน ให้เป็นวิทยาทาน” คุณบุญชัยกล่าว
ด้านคุณบุญเกียรติเองก็ยังสนุกกับการทำงานเช่นเดียวกัน “ผมไม่เคยนึกว่าเกษียณเมื่อไหร่เลยนะ เพราะถ้าเราเริ่มคิดแบบนั้น พลังทำงานเราจะลดลง มองหาทางหยุด แต่ผมทำงานเต็มที่ เพราะทุกวันนี้เราทำงานไม่ใช่เพื่อตัวเองนะ
ถ้าสำหรับตัวผมเอง ผมหยุดทำงานไปได้นานแล้ว แต่ทุกวันนี้ทำเพื่อองค์กร ทำให้บริษัทขับเคลื่อนเติบโตไปข้างหน้า มีพนักงานอีกหลายพันชีวิตที่เราต้องดูแล ถ้าเราคิดแต่จะเกษียณ มันเหมือนเราเริ่มถอย แล้วถ้าหัวขบวนอย่างเราถอยแล้วทีมงานล่ะ เดี๋ยวมันถอยทั้งขบวน เราต้องทำตัวเป็นผู้นำ เป็นตัวอย่างให้เห็น”
ทุกวันนี้คุณบุญเกียรติบอกว่าทำงานแบบไม่มีวันหยุด คือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็มีประชุมงาน พร้อมที่จะทำงานตลอดเวลา
“ตอนนี้ผมทำงานหนักกว่าตอนหนุ่มๆ อีกนะ แต่ก่อนทำไป มีแอบพัก แอบหยุดบ้าง แต่พอวันนี้เรามารับผิดชอบตรงนี้ ความรับผิดชอบมันทำให้เรามองในมุมใหม่ แต่ก่อนอาจจะไม่ได้คิดเยอะ คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ได้รู้สึกถึงความรับผิดชอบอะไรมากมาย ซึ่งยิ่งทำงาน ยิ่งมีประสบการณ์ ยิ่งเห็นอะไรมากขึ้น ก็คิดมากขึ้น ตำแหน่งใหญ่ขึ้น ความรับผิดชอบก็สูงขึ้นตามไปด้วย”
คุณบุญชัยแย้งขึ้นมาว่า “สำหรับผมทำงานแค่ 5 วันพอนะ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็เป็นวันหยุด เวลาส่วนตัว ไปทำกิจกรรมที่ชอบ”
“ก็เพราะเขาชอบเล่นไง ไม่ค่อยชอบทำงานเหมือนผม” คุณบุญเกียรติอดเอ่ยปากแซวไม่ได้
คุณบุญชัยสวนหมัดเด็ดกลับว่า “นั่นเพราะผมยิ่งอายุมากก็ยิ่งทำงานได้ดีขึ้น เก่งขึ้น ความจำดีมาก ส่วนเขายิ่งแก่ยิ่งเสื่อมลง เลยต้องทำงานเยอะกว่า ของผมทำงาน 5 วันนี่เหลือเฟือแล้ว เพราะเวลาทำงานผมทำเต็มที่ มีประสิทธิภาพ วันหยุดก็เลยไม่ต้องทำแล้ว แต่เขาทำงานไปเล่นไป เลยต้องทำทุกวันไง เห็นไหมทำงานไป ร้องเพลงไป มีถึง 10 อัลบัมแล้ว ผมไม่มีเวลาไปอัดเสียงอย่างเขาไง ออกไป 3 อัลบัมเองเพราะมัวแต่ทำงาน”
และนั่นคือความผูกพันและเรื่องราวสนุกสนานของฝาแฝดคู่สำคัญของสังคมไทยที่คุณไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
คำสอนจากพ่อสร้างความสำเร็จในชีวิต
คุณบุญชัย : คุณพ่อบอกตลอดว่า เราต้องเป็นคนดี ไม่โกงเขา ซื่อสัตย์ รักลูกน้อง และที่สำคัญต้องรักตัวเองด้วย แต่ก่อนเราไม่เคยเข้าใจว่ารักตัวเองคืออะไร จะเห็นแก่ตัวหรือเปล่า พอเราโตแล้วถึงเข้าใจว่ามันไม่ใช่แบบนั้น การรักตัวเองคือเราจะไม่ทำอะไรเสี่ยง ยิ่งเราเป็นหัวหน้า เป็นเจ้าของบริษัท เรายิ่งต้องรักตัวเองมาก เพราะเรามีความสำคัญต่อคนอื่นเยอะ ถ้าเราเป็นอะไรไปมันกระทบถึงลูกน้องอีกหลายชีวิต
การรักตัวเองในที่นี้ก็เหมือนรักคนอื่นด้วย เพราะเราต้องคอยดูแลบริษัทให้เจริญ มันไม่ใช่แค่ธุรกิจแต่มันหมายถึงชีวิตลูกน้องเรา แล้วไหนจะครอบครัวเขาอีกที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ถ้าเราทำธุรกิจดี เขาก็สุขไปกับเรา ถ้าเราทำเจ๊ง เขาก็เจ็บไปด้วย
คุณบุญเกียรติ : ท่านเป็นคนทบทวนตัวเองตลอดเวลา เก็บประสบการณ์มาคิดวิเคราะห์อยู่ตลอด ดังนั้น ท่านจึงมีบทเรียนสอนได้เยอะ โดยจะบอกเสมอว่า ไม่ให้เสี่ยง ท่านเป็นคนไม่เสี่ยงเลย เพราะท่านไม่โลภ ดังนั้น บริษัทเราจึงไม่ได้โตแบบปรู๊ดปร๊าด แต่ค่อยๆ โตอย่างมั่นคงมากกว่า
ท่านจะมีหลักการทำธุรกิจอยู่ 5 ข้อ ที่ปลูกฝังจนจำได้ขึ้นใจเลยคือ ขยัน อดทน, ไม่เอาเปรียบ, คบคนดี, ไม่สร้างศัตรู, รักษาเครดิต ถ้าทำตามนี้ได้ธุรกิจคุณประสบความสำเร็จแน่นอน :: Text by FLASH
นายแบบ : บุญชัย & บุญเกียรติ โชควัฒนา
แต่งหน้า : ณัฐวีณา เมธีธารา โทรศัพท์ 08-7755-8804 และณัฐชา ปลาเงิน โทรศัพท์ 08-6394-8624 จากสถาบัน International Makeup Fashion Academy (IMFA)
ช่างภาพ : กมลภัทร พงศ์สุวรรณ