“กมลา สุโกศล” เธอไม่ได้ร้องเพลง หรือ เล่นดนตรีเป็นอาชีพ แต่คนส่วนใหญ่รู้จักเธอในฐานะของนักร้อง ที่ร้องเพลงเก่ง มีน้อยคนจะรู้จักว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทำงานหนักคนหนึ่ง ไม่น้อยกว่าผู้ชายเลย และเธอยังเป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีความหวานและอบอุ่นซ่อนอยู่ในตัว ชื่นชอบดอกไม้ รักเด็ก ชอบช่วยเหลือคนเป็นที่สุด วันนี้เรามารู้จักกับเธอ ในฐานะนักบุญที่เต็มที่กับทุกสิ่ง เพื่อช่วยคนด้อยโอกาส ต้อย-กมลา เป็นลูกสาวคนโตของ กมล สุโกศล นักธุรกิจคนสําคัญคนหนึ่งของไทย ผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจสุโกศล มีเครือข่ายกิจการค้าครบวงจร ทั้งอุตสาหกรรม การค้า การเงิน และบริการ จัดเป็นกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวยแบบเงียบๆ
เมื่ออายุ 3 ขวบ เธอถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนชั้นดีของกรุงเทพฯ ST. JOSEPH'S CONVENT และเมื่ออายุเพียง 11 ขวบ ก็เดินทางไปเรียนชั้นมัธยมที่อังกฤษ FARRINGTON'S SCHOOL CHISBHURST, KENT ENGLAND และเรียนต่อทางด้านอักษรศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัย BOSTON, USA. ก่อนที่จะย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย MIAMI, USA. และปิดท้ายด้วยปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย COLUMBIA, USA. เมื่อเรียนจบแล้วเธอยังอยู่เป็นอาจารย์สอนหนังสือที่ UNIVERSITY OF MARYLAND และ YALE UNIVERSITY อีกแห่งละ 2 ปี ตามลำดับ
เพราะใช้ชีวิตอยู่กับฝรั่งนานถึง 23 ปี ดังนั้น จึงไม่ใช่ความผิดของเธอ ที่จะพูดภาษาไทย 10 คำ อังกฤษ 20 คำ รวมถึงภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน และรัสเซียอีกนิดหน่อยเธอเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดและบุคลิกภาพที่จะออกไปทางฝรั่งคล้ายผู้ชาย พูดจาตรงไปตรงมา มีเหตุผลและหลักการอยู่ในตัวเอง
เมื่ออายุได้ 25 ปี กมลาถูกตามกลับไทย เพื่อมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว “ไม่มีใครสานต่อกิจการ พอคุณพ่อขอร้องให้กลับมา จึงตัดสินใจกลับ โดยงานแรกที่ทําคือไปดูตลาดรถยนต์กับคุณพ่อ ซึ่งท่านไม่สอนอะไรให้สักอย่าง ให้ค้นหาเอง ดิฉันจึงต้องเรียนจากพนักงานคนอื่นๆ ตอนหลังท่านไปซื้อที่ดินที่พัทยา บอกว่าทิ้งที่ดินไว้เปล่าๆ มันไม่มีค่าก็สั่งให้สร้างโรงแรมขึ้นมา ดิฉันถามว่าโรงแรมคืออะไร จะทําอย่างไร ท่านบอกไม่รู้แล้วให้ดิฉันไปหาวิธีทําเอง ซึ่งท่านพูดทํานองว่า ท่านไม่ได้เรียนหนังสือมาสูงยังมาถึงตรงนี้ได้ เพราะฉะนั้น ดิฉันจบถึงปริญญาโทย่อมต้องหาทางทําได้”
คำสอนของพ่อ ทำให้เธอดิ้นรนพัฒนาโรงแรมจนเป็นที่รู้จัก โดยเธอเล่าว่า ช่วงนั้นพ่อให้แต่ที่ดิน ไม่ได้ให้เงินมา ทำให้เธอต้องขวนขวายหาวิธีไปกู้เงินเองจนสร้าง โรงแรมสยามเบย์ชอร์ ขึ้นมาได้สำเร็จ และด้วยความสามารถของเธออีกนั่นเอง ทำให้ กลุ่มโรงแรมสุโกศล ขยายตัวมีโรงแรมเพิ่มรวมเป็น 5 แห่งคือ เดอะ เบย์วิว พัทยา, เดอะ สุโกศล (ชื่อเดิม โรงแรมสยาม ซิตี้), เดอะสยาม กรุงเทพฯ และเดอะเวฟ พัทยา
กมลา จัดเป็นนักธุรกิจหญิงที่ทำงานหนักมาก เธอให้คำนิยามแก่ตัวเธอเองว่า "บ้างานหรือสนุกกับงาน" มากกว่าที่จะบอกว่าทำงานหนัก "เพราะดิฉันเป็นคนที่ทำงานแล้วสนุก แม้งานจะมากมายแต่ก็ไม่เห็นว่ามันหนัก และไม่เคยเครียด" นี่คือกมลา
แม้จะมีความสุขลงตัวแล้ว กมลาก็ไม่หยุดตัวเองแค่ตรงนั้น เธอยังเผื่อแผ่ความสุขมายังเพื่อนมนุษย์ที่ด้อยโอกาสอีกด้วย โครงการหลักที่ให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องโครงการปลูกถ่ายตับ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, “ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย” และมูลนิธิฟอร์ยูนิเซฟของ อานันท์ ปันยารชุน
“ชอบทำบุญค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร คิดเสมอว่า มีก็ต้องปันให้คนอื่นบ้าง เงินเป็นสิ่งอํานวยความสะดวกสบายก็จริง แต่มันก็ชั่วคราว ดิฉันรู้สึกมีโชคมาถึงขนาดนี้ ลูกสี่คนดีหมด หลานเจ็ดคนก็น่ารัก ก็คิดว่าต้องแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง ยิ่งเด็กๆ หรือคนที่เคราะห์ร้ายประสบภัยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งควรจะช่วยเหลือ ดิฉันชอบร้องเพลงอยู่แล้ว ก็เลยจัดคอนเสิร์ตหาเงินช่วยมูลนิธิเด็กๆ ลูกๆ เห็นว่า นี่คือสิ่งที่ดี ทําแล้วมีความสุขก็มาร่วมด้วยซึ่งรายได้ที่ออกมาจากการร้องเพลงเป็นส่วนตัว ดิฉันมอบให้การกุศลหมด อย่างตอนนี้ทำหนังสือดอกไม้สไตล์กมลาออกมา เพื่อนำเงินช่วยโครงการปลูกถ่ายตับจากพ่อ-แม่สู่ลูก”
นอกจากเป็นนักธุรกิจหญิงแกร่ง ยังเผยตัวตนอีกด้านว่า เป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบดอกไม้ แต่ออกตัวว่าไม่ใช่นักจัดดอกไม้มืออาชีพ เป็นแค่คนที่ชอบดอกไม้มาตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกับการร้องเพลง ด้วยความที่เธอเป็นคนชอบปาร์ตี้ ทุกครั้งที่จัดงานต้องจัดบ้าน-จัดโต๊ะอาหาร เธอก็จะบอกเด็กว่า อยากได้ดอกไม้อย่างไร เพื่อให้เข้ากับชนิดของงาน ยกตัวอย่างปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แน่นอนว่า ต้องมีอารมณ์สนุกๆ เธอก็จะเลือกจัดดอกไม้-ใบไม้สไตล์ที่ชื่นชอบ แนว “ป่าเซเรนเกติ” คือมีสีสันสดใส จานชามบนโต๊ะสีเขียว เหลือง แดง ก็เลือกดอกไม้สีใกล้เคียงมาจัดเข้าคู่กัน ถ้าเป็นทางการนั่งโต๊ะอาหารหลายที่นั่ง แทนที่จะจัดแจกันเดียวสูงโด่เด่ บังหน้าบังตาคนที่นั่งตรงข้าม ก็ไม่มีประโยชน์ เธอก็เลือกแนวราบแผ่ขยายตามยาว เพื่อให้เห็นทั่วถึงกันก็พอแล้ว และถ้าช่วงไหนไม่มีดอกไม้ ก็ให้หาผักหรือผลไม้มาจัดแทน “ดิฉันไม่ชอบดอกไม้พลาสติก ดูไม่มีชีวิตชีวา ถ้าไม่มีจริงๆ ให้เอาผัก-ผลไม้มาจัดแล้วครีเอทว่า จะทำอย่างไรให้เก๋ เราสร้างสรรค์ได้หมด” กมลากล่าว
กมลาบอกว่า ภาพดอกไม้ที่เธอเก็บไว้จำนวนมาก เมื่อมีคนเห็นก็แนะนำให้ทำหนังสือ เธอจึงคัดภาพมาจัดทำหนังสือ เพื่อหาเงินช่วยเด็กในโครงการปลูกถ่ายตับจากพ่อแม่สู่ลูก อีกทางหนึ่ง “ร้องเพลงกับดอกไม้ ดิฉันถนัดและชอบร้องเพลงมากกว่า แต่ถ้าสิ่งไหนทำแล้วมีประโยชน์ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทําให้คนอื่นลําบาก ทำแล้วได้ทําบุญ ได้ช่วยเหลือคนอื่น ดิฉันก็มีความสุขแล้ว ดิฉันสอนลูกไว้แบบนี้ เขาก็เข้าใจและรับรู้ ก็หวังว่าเขาจะร่วมสืบทอดสอนลูกๆ เขาต่อไปด้วย”
กมลา สุโกศล ในวัยกว่า 70 ปี ยังคงแข็งแรง กระฉับกระเฉง เธอบอกว่า เคล็ดลับคือไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ไม่เครียด มองอะไรให้เป็นบวกเท่านั้นพอ ประสบการณ์ร่วม 50 กว่าปีของเธอ พอจะบอกได้ว่า เธอไม่ใช่เก่งในชั้นเชิงธุรกิจ แต่ร้องเพลง และชอบทำบุญ และคงต้องบันทึกเพิ่มเติมอีกว่า กมลา สุโกศล คนนี้ มีมุมหวานอีกอย่างคือ เก่งเรื่องดอกไม้อีกด้วย
