นครปฐม - แม่เฒ่าน้ำตาไหลได้จัดงานศพลูกชาย หลังกำเงิน 400 บาท ตามหาจนเจอ มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมหาทุนช่วยทุกทาง ล่าสุด ได้เงินบริจาคเงินกว่า 4 หมื่น เพื่อนบ้านเตรียมหาคนช่วยดูแล
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ (21 ก.พ.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้นำศพนายประดิษฐ์ จิตต์งามยิ่ง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 1 ต.ลำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม มาที่วัดสระน้ำส้ม หมู่ 11 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลังนำทีมออกไปขุดหลุมศพที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โดยมี นางสว่าง จิตต์งามยิ่ง อายุ 87 ปี มารดาของนายประดิษฐ์ ญาติและเพื่อนบ้านมารอรับศพด้วยความเศร้าโศก โดยเฉพาะนางสว่าง ที่ร้องไห้ด้วยความเสียใจ จนต้องช่วยพยุงตัวให้เดินมาภายในศาลาตั้งศพ ก่อนจะมีการจัดตั้งโลงศพ จัดดอกไม้หน้าโลงศพอย่างสวยงาม
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม อ.เมือง นางสว่าง มาติดต่อขอรับศพ นายประดิษฐ์ ซึ่งถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 ก.พ.58 เวลา 04.00 น. หลังนายประดิษฐ์ หายตัวไปตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 18 ก.พ. โดยพยายามติดตามหาบุตรชายแต่ก็ไม่พบ จนเพื่อนบ้านนำาภพข่าวมาให้ดู และพามาที่ สภ.เมือง จึงทราบว่า นายประดิษฐ์ ถูกรถชนเสียชีวิต ริมถนนตาก้อง-ดอนตูม หมู่ 6 ต.บ่อพลับ อ.เมือง โดยนางสว่าง มีเงินติดตัวมาเพียง 400 บาท และไม่รู้ว่าจะจัดงานศพให้ลูกชายได้อย่างไร
ขณะที่ศพของ นายประดิษฐ์ ถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม โดยนายพรชัย รัตนภากร ประธานมูลนิธิสุข เมื่อทราบเรื่องได้ซื้อโลงศพให้ พร้อมรวบรวมเงินจากสมาชิกอาสาสมัครมูลนิธิจ่ายเป็นค่าน้ำยาฉีดศพ เสื้อผ้า และถุงบรรจุศพ
ด้าน น.ส.จารุพรรณ เพชรดี เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม กล่าวว่า นางสว่าง มาติดต่อขอรับศพโดยมีเพื่อนบ้านขับรถพามาติดตามเรื่องที่มูลนิธิ และทราบว่ามีความยากจน จึงได้ประสานกับประธานมูลนิธิ จัดทำเรื่องมอบโลงศพ และอุปกรณ์ประกอบพิธีทั้งหมด ทั้งดอกไม้หน้าโลงศพ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในงานศพ ส่วนตนได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพื่อขอรับเงินบริจาคจากเพื่อนในสังคมออนไลน์ ซึ่งได้เงินมาทั้งหมด 43,848 บาท ให้นางสว่าง เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น
ล่าสุด ทราบว่าญาติจัดพิธีสวดอภิธรรมศพ 2 คืน ซึ่งมีเพื่อนบ้านของนางสว่าง และนายประดิษฐ์ ที่ทราบข่าวราว 10 คน ได้มาช่วยลงขันคนละ 100-200 บาท เพื่อนำมาทำกับข้าวเลี้ยงแขกในงาน ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยนางสว่าง ส่งวิญญาณลูกชายตามประเพณี โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ยินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือผู้มีฐานะยากจนอยู่แล้ว
ด้าน นางสว่าง กล่าวว่า รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกที่มีคนมาช่วยเหลือ รู้สึกตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทั้งเสียใจที่สูญเสียลูกชาย และซาบซึ้งในน้ำใจของหลายคนที่ช่วยบริจาคเงิน และมาช่วยงานศพ ซึ่งวันที่ลูกชายเสียชีวิตตนได้นำหมูมาไหว้เจ้า และเก็บไว้ให้นายประดิษฐ์ กลับมากิน แต่ก็ไม่เห็นกลับมา จนมาคนนำภาพลูกถูกรถชนเสียชีวิตมาให้ดู ตอนนั้นตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เสียใจมากจึงออกตามหาลูกชาย โดยพกเงินไป 400 บาท ซึ่งเป็นเงินของลูกสะใภ้ เพราะของตัวเองมีเพียง 6 สลึง (1.50 บาท) ที่บ้านมีอยู่แค่กว่า 200 บาทเท่านั้น
“คืนที่บุตรชายเสียชีวิตหมาที่บ้านเห่าหอนจนนอนไม่หลับ ตนเองก็ใจไม่ดี จนมารู้ว่าลูกชายตายแล้ว ตอนนี้ลูกตายไปแล้ว 3 คน เหลือ 5 คน ก็แยกย้ายกันออกไปทำงาน นานๆ จะได้กลับมาพบกัน ตนก็อยู่กับลูกชายอีกคนหนึ่งซึ่งก็ยากจน ส่วนนายประดิษฐ์ ก็มาอยู่กับภรรยาของเขาที่กระต๊อบ ไม่มีงานทำเพราะอายุมาก ร่างกายก็ไม่แข็งแรง เที่ยวขอเจ้ากินไปเรื่อย เสียใจที่ลูกต้องมาจากไป ทุกวันนี้ก็อยู่เหมือนตัวคนเดียว ทั้งชีวิตก็ยากจน สามีก็ตายไปหลายปีแล้ว”
นางนงลักษณ์ เสาเวียง อายุ 36 ปี บุตรสาวนายประดิษฐ์ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวจากญาติว่าพ่อเสียชีวิต จึงได้เดินทางมาจาก จ.ศรีษะเกษ โดยมีเพียงค่ารถเท่านั้น เพราะขึ้นไปทำนากับสามีก็ยากจนไม่แพ้กัน จากนี้คงรับนางวัง ดิษฐ์น้ำยิ่ง มารดา ไปดูแลที่ จ.ศรีษะเกษ
“โชคดีที่มีคนมาช่วยเรื่องงานศพให้พ่อ เพราะลำพังตนเองแค่ค่าโลงศพก็คงไม่มีปัญญาจะทำได้ ต้องขอขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่บริจาคเงินมาช่วย ทำให้เห็นว่าสังคมไทยมีน้ำใจอยู่จริง แม้แต่ตอนจัดงานก็มีคนใส่ซองมาบริจาคให้ถึงวัด”
นายกิตติศักดิ์ เสาธงชัย อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 15 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เพื่อนบ้านของนางสว่าง กล่าวว่า เห็นครอบครัวนี้มาตั้งแต่เด็ก เป็นครอบครัวที่น่ารัก แม้จะยากจนแต่ก็ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร ซึ่งจะพูดคุยกับเพื่อนบ้านว่าจะร่วมกันจัดสรรดูแลเงินให้นางสว่าง อย่างไร เพราะไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน และไม่มีบัญชีธนาคาร คงต้องให้ชาวบ้านที่ไว้ใจได้เข้ามาดูแล เพราะจริงๆ แล้วที่อยู่ของนายประดิษฐ์ ก็เป็นกระท่อมที่เริ่มจะพังแล้ว ที่ดินก็หลุดจำนองไปนาน เจ้าของที่ใหม่ให้อาศัยอยู่จนกว่านางสว่าง จะเสียชีวิต จึงจะขอที่ดินคืน แต่นายประดิษฐ์ ก็มาจากไปเสียก่อน
“ตอนนี้อยากให้หน่วยงานราชการเข้ามาดูแล นางสว่าง เพราะอายุมากถึง 87 ปีแล้ว คาดว่าคงต้องอยู่คนเดียวต่อไป อาศัยข้าวปลาอาหารจากเพื่อนบ้านที่วนเวียนนำเงินมาให้บ้าง อาหารมาให้บ้าง ควรจะได้รับการดูแลแบบจริงจังในบั้นปลายชีวิต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อนบ้านที่มาช่วยงานศพและญาติ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บศพของนายประดิษฐ์ เนื่องจากช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 18 ก.พ. มีชาวบ้านหลายคนยืนยันว่า เห็นผู้ตายมานั่งกินไก่อยู่กับชาวบ้านที่ศาลเจ้าตรงข้ามบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า มาเก็บศพเวลา 04.00 น. ซึ่งน่าจะเสียชีวิตมาก่อนหน้า เพราะมีคนมาพบศพช่วงเช้ามืดก่อนไหว้เจ้า ประกอบกับนางวัง ภรรยาผู้ตายก็บอกว่า เมื่อคืนขนมเทียนที่วางไว้หลังบ้านกระเด็นมาถูกหลังของตนเอง ทั้งที่ตั้งไว้กับพื้นบ้าน คาดว่าสามีน่าจะมาสั่งลา
เช่นเดียวกับ น.ส.จารุพรรณ ที่ประสานงานการนำศพมาที่วัด และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าขตั้งแต่นำศพออกจากมูลนิธิจนมาถึงวัด โดยที่เพื่อนร่วมทีมไม่มีใครได้กลิ่น จึงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า นายประดิษฐ์ น่าจะมาขอบคุณที่ช่วยเป็นธุระพากลับบ้านมาเพื่อพบแม่เป็นครั้งสุดท้าย