>>เคยตั้งคำถามกับชีวิตบ้างไหมว่า “ความสุขของชีวิตคืออะไร” เงินทอง? เกียรติยศ? หน้าที่การงาน? สำหรับคำตอบของครอบครัว “ลีนุตพงษ์” ที่มีคุณขวัญ “หม่อมหลวงพลอยนภัส” คุณนัท-อภิชาติ กับลูกชายคนเดียว “น้องธี-ธีทัต ลีนุตพงษ์” ทุกคนมีคำตอบตรงกัน คือความรักและความเข้าใจในธรรมชาติที่จะทำให้เรามีความสุขในขณะปัจจุบัน และนั่นยังเป็นปลายทางที่สุดในชีวิตพวกเขาอีกด้วย ซึ่งครั้งนี้เราจะมาพบกับความน่ารักของครอบครัวนี้
โดยเรามีนัดกันที่บ้านอันแสนอบอุ่นย่านงามวงศ์วาน ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูมีระเบียบทันสมัย แต่ภายในกลับเหมือนสวนสนุกเล็กๆ เพราะมีของเล่นเด็ก และของแต่งบ้านสำหรับเด็กเต็มไปหมด
“เจ้าของบ้านที่แท้จริงคือลูกนะคะ ยอมสละพื้นที่ให้เขา เลยดูเหมือนสนามเด็กเล่นไปหน่อย” คุณขวัญออกตัวขณะต้อนรับเราเข้าสู่บ้าน ซึ่งในวันที่เราเดินทางไปหาเธอนั้น น้องธี ลูกชายคนเดียวมีอาการป่วยเป็นไข้เล็กน้อยจึงต้องมีพี่เลี้ยงดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้เธอพอยังมีเวลามานั่งพูดคุยกับเรา และที่ประทับใจคือน้องธีเองก็ให้ความร่วมมือโพสท่าถ่ายรูปอย่างดี แม้จะป่วยอยู่
ปัจจุบันคุณขวัญเป็นทั้งแม่บ้านและเป็นทั้งเวิร์กกิ้งวูแมน โดยเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเอช โลเบอร์ติก นำเข้าไอโรบอท หุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านจากประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก่อนหน้านี้เธอก็เคยทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ซึ่งเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุขแม้ว่าวันนั้นจะผ่านไปแล้วก็ตาม
:: อาจารย์ขวัญผู้รักการสอน
เดิมทีหม่อมหลวงพลอยนภัส ลีนุตพงษ์ เป็นศิษย์เก่าเกียรตินิยมที่คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ สาขาวิชาสารนิเทศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นหาความรู้เพิ่มเติมในระดับปริญญาโท ด้านเทคโนโลยีแมเนจเมนต์ (MCM) ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และกลับมาทำงานด้านงานสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเธอได้มาเป็นอาจารย์ที่ภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้ว่าวันนี้เธอจะไม่ได้เป็นอาจารย์แล้ว แต่ทุกครั้งที่พูดถึงชีวิตช่วงที่เป็นอาจารย์เธอดูจะมีความสุขที่ได้ย้อนความหลังครั้งนั้น
“ชอบตั้งแต่เด็ก เคยบอกทุกคนว่า อยากเป็นอาจารย์ แล้วตอนเด็กๆ ที่บ้านมีกระดานเราก็ไปยืนสอน เอาตุ๊กตามาเป็นนักเรียน เล่นอยู่คนเดียว
ตอนที่เป็นอาจารย์ตอนแรกๆ ก็ตื่นเต้น พอสอนไปเรื่อยๆ ก็มั่นใจมากขึ้น ซึ่งการสอนหนังสือทำให้เราพัฒนาตัวเองด้วยเพราะว่าต้องอ่านเยอะๆ พอแต่งงานและคิดว่าจะมีลูกจึงลาออกจากการเป็นอาจารย์ประจำ แต่ก็ยังเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ เนื่องจากเรามีลูกยาก ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ต้องไปหาหมอบ่อย รู้สึกว่าเกรงใจ จึงขอลาออกดีกว่า แต่เราก็ยังรักการสอนอยู่ อาจารย์เลยแนะนำว่างั้นเป็นอาจารย์พิเศษก็ได้ ไม่ต้องประชุมเยอะ ไม่ต้องทำงานด้านวิชาการ ซึ่งแฮปปี้มาก”
อาชีพอาจารย์ไม่ใช่งานที่ง่ายๆ เพราะผู้ที่จะมาทำงานเป็นคนสอนคนนั้นต้องมีความเสียสละอย่างมาก ทั้งเรื่องเวลาส่วนตัวและต้องทุ่มเทแรงกายในการที่จะขวนขวายความรู้ ซึ่งเธอก็ทุ่มเททุกอย่างให้กับการสอน จนกระทั่งตั้งครรภ์ซึ่งร่างกายต้องพักผ่อนอย่างจริงจัง
“เป็นอาจารย์พิเศษอยู่ 2-3 ปี ตั้งใจว่าจะสอนไปเรื่อยๆ ขอแค่คำนำหน้าชื่อเราว่าอาจารย์เราก็ภูมิใจแล้ว พอท้องปุ๊บตอนแรกก็ยังอยากจะสอนอยู่ กำลังเตรียมการสอนของเทอมใหม่ ปรากฏว่ามีปัญหาในการท้อง คือตอนแรกท้อง 2 คน แล้วก็หลุดไปหนึ่งคน ตอนนั้นจิตใจแย่มาก กังวลไปหมด จึงลาออกจากการเป็นอาจารย์แบบถาวรเพื่อพักผ่อน ทุกวันนี้เวลาขับรถผ่านคณะอักษรฯ ก็ยังคิดถึง อยากสอนจังเลย เหมือนเราเกิดมาเพื่อเป็นครู”
:: เวิร์กกิ้งไม่ทิ้งลูก
หลังจากเธอหยุดชีวิตเวิร์กกิ้งวูแมนมาสักพักใหญ่เพื่อทำหน้าที่คุณแม่ของลูกชาย “น้องธี” เมื่อลูกโตเข้าโรงเรียนจึงมองหางานให้ตัวเองทำโดยไม่กระทบกับการเลี้ยงลูก จนมาถูกใจเข้ากับหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ช่วยทุ่นแรงในการทำงานบ้าน
“ตอนนี้มาทำบริษัท ทีเอช โลเบอร์ติก นำเข้าไอโรบอท หุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีอยู่หลายรุ่น ทั้งตัวถูบ้าน กวาดบ้าน ล้างสระว่ายน้ำ ซึ่งใช้งานง่ายและทำความสะอาดได้ดีมาก
ที่รู้จักกับหุ่นยนต์ทำความสะอาดได้เพราะคุณพ่อสามีเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีมาก เขาจะชอบค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตตลอด พอดีท่านเคยสั่งหุ่นยนต์ทำความสะอาดมาใช้ที่บ้านหนึ่งตัว ขวัญเห็นก็เลยขอยืมมาใช้ ปรากฎว่าชอบก็เลยลองหาข้อมูลและสั่งมาใช้อีก ซึ่งตอนนั้นก็สั่งซื้อมาใช้จากอีเบย์นี่แหละ จากนั้นคุณแม่เห็นว่าใช้ดีก็ฝากสั่งบ้าง จนสุดท้ายคุยกับสามีว่าเราลองติดต่อมาขายมั้ยเพราะเราใช้มา 2 ปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่บ้านก็ใช้ประจำ หรือเพื่อนก็ฝากสั่ง ก็เลยลองติดต่อเป็นตัวแทนจำหน่าย ตอนแรกติดต่อไปนานมากกว่าเขาจะติดต่อกลับ แล้วเขาก็บินมาดูตลาดที่เมืองไทย แล้วเขาก็เห็นว่าเราใช้ทุกผลิตภัณฑ์ของเขา น่าจะเข้าใจผลิตภัณฑ์ของเขาจริงๆ ก็เลยตกลงให้เราเป็นตัวแทนจำหน่าย
ซึ่งพอนำเข้ามาแล้วผลตอบรับดี วางขายที่ดอทไลฟ์ (dot Life) มีประมาณ 20 สาขา ทั้งต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ แล้วก็มีโชว์รูมตัวเองที่ทองหล่อ
งานหลักๆ เราดูภาพรวม เพราะเรามีทีมที่ช่วยดูแล และโชคดีที่สามีเขาก็ทำธุรกิจ ก็ช่วยเราได้เยอะ เขามีมุมมองที่เก่งมาก เพราะประสบการณ์การทำงานเขาเยอะ”
:: สังเกต เรียนรู้ เพื่อให้ตัวเองสวย
แม้ชีวิตระยะหลังๆ จะเริ่มเข้าที่เข้าทางหลายๆ อย่างทั้งเรื่องลูกและเรื่องธุรกิจส่วนตัว แต่ผู้หญิงก็ยังต้องไม่หยุดดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องสุขภาพและความสวยความงาม
“อายุมากขึ้น ต้องดูแลตัวเองมาก ตั้งแต่มีลูกรู้สึกตัวเองไม่ค่อยแข็งแรง ตอนท้องน้ำหนักขึ้นมาเยอะมาก น้ำหนักสูงสุดเคยขึ้นถึง 85 กิโลกรัมเลย พยายามลดทุกวิถีทาง เข้าคอร์ส ออกกำลังกาย อดอาหาร แต่ก็ไม่ลง รู้สึกเลยว่าข้างในร่างกายเราไม่ดี ต้องมีอะไรสักอย่าง จู่ๆ วันหนึ่งมีผื่นขึ้นเต็มตัวเลย จึงไปหาหมอ คุณหมอให้ตรวจดูสารอาหาร เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเราแพ้แป้งสาลี ไข่ หางนม ซึ่งตอนนั้นตกใจมากเพราะว่าเป็นผื่นเยอะ จึงฟังคำสั่งคุณหมออย่างเคร่งครัด ปรากฏว่าคราวนี้น้ำหนักลดฮวบๆๆ หน้าใสขึ้นด้วย นอกจากไม่มีสิวแล้ว ข้างในเราก็รู้สึกสดใสขึ้น น้ำหนักก็ลดลง
จึงมานั่งย้อนดูว่าที่ผื่นขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร อ้อ...มีอยู่วันหนึ่งเรากินขนมบิสกิตคนเดียวหมดถังเลย ก็มันอร่อยหยุดไม่อยู่นี่นา (หัวเราะ) คุณหมอบอกว่านั่นแหละคือต้นเหตุ บางครั้งอาหารที่เรากินเยอะๆ อาจเป็นสารพิษกับเราโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อก่อนขวัญชอบกินปลากะพง จนตอนนี้ขวัญแพ้ปลากะพง นอกจากนั้นสมัยเรียนที่ออสเตรเลียขวัญกินน้ำกีวีเป็นประจำทุกวันตอนเช้าเป็นเวลา 5 ปี แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้ขวัญแพ้กีวีเพราะบางอย่างมันสะสมจนเป็นสารพิษกับเราได้
แต่ทุกวันนี้สุขภาพดีขึ้น ป่วยน้อยลง เพราะว่าเราดูแลเรื่องอาหาร กินผัก ไม่กินจุบจิบ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อารมณ์ก็คุมง่ายขึ้นเพราะสุขภาพเราดี
ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพเท่านั้นที่คุณแม่ยังสาวคนนี้ใส่ใจ เพราะเรื่องของความสวยความงาม แฟชั่น แม้จะไม่มีเวลาอัปเดตเท่าไหร่แต่ก็ยังคงสวยไม่ตกเทรนด์
“คนชอบคิดว่าขวัญหวาน แต่ที่จริงชอบแบบที่คล่องแคล่ว ชอบอะไรที่มีแพตเทิร์นไม่ได้เรียบเกินไป บอกตรงๆ เลยว่าไม่มีเวลาดูอัปเดตแฟชั่น ถ้าอ่านส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแม่และเด็กมากกว่า แต่โชคดีที่เรามีเสื้อผ้าร้านประจำที่เขาจะคอยแนะนำ พอคอลเลกชันใหม่ออกมาปุ๊บเขาก็ส่งมาให้เราดู เลือกลองนิดหน่อย ซึ่งเขาจะรู้สไตล์เราอยู่แล้วก็จะแนะนำวิธีการมิกซ์แอนด์แมตช์ให้เราด้วย ชอปปิ้งไม่บ่อย แต่ที่ซื้อเยอะที่สุดคงจะเป็นเสื้อผ้า ชอบของที่ใช้ได้นาน เมื่อก่อนซื้อทุกร้าน แวะไปเรื่อย แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยซื้อสัพเพเหระ ส่วนใหญ่จะซื้อของคลับ 21 ชอบแบรนด์อย่าง marc by Marc Jacobs, Marni”
:: คู่ร่วมชีวิต
บนเส้นทางชีวิตของ ม.ล.พลอยนภัส เธอไม่เคยเดียวดาย เพราะทั้งลูกชายที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอแล้ว เธอยังมีคู่ชีวิต คู่คิดที่พร้อมจะก้าวเคียงข้างเธอไปตลอดชีวิต นั่นคือ คุณนัท-อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เซโลนา มอเตอร์ จำกัด บริษัทในเครือของยนตรกิจ ผู้แทนจำหน่ายรถบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ในเมืองไทย และยังควบตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ของ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ระดับไฮเอนด์อย่าง “ดูคาติ” ในประเทศไทยอีกด้วย
“เราเป็นตัวแทนจำหน่ายดูคาติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร สำหรับดูคาติเมื่อก่อนขับบ้างแต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วครับ (หัวเราะ) เน้นบริหาร วางนโยบายองค์กรมากกว่า
ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจของทางบ้านคือเป็นดีลเลอร์จำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในนาม บริษัท บาร์เซโลนา มอเตอร์ ดูแลทั้งหมด 5 สาขา ประมาณปี 2009 ก็เป็นจังหวะที่ดีที่น่าจะออกมาทำธุรกิจของตัวเอง แล้วเราก็ทำงานให้ครอบครัวมา 10 ปีแล้ว น่าจะลองทำอะไรเองเล็กๆ จึงมาทำ ดูคาติ ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับด้าน Motoring ที่เรามีพื้นฐานและประสบการณ์อยู่แล้ว แต่ก็ยังช่วยดูๆ ธุรกิจของทางบ้านอยู่ด้วย”
:: จดจำตั้งแต่วันแรกจนวันนี้
หลังจากนั่งพูดคุยกับคุณนัทระหว่างที่รอคุณขวัญดูแลน้องธีลูกชายคนเดียว สักพัก...ก็ได้เวลาย้อนความหวานก่อนที่จะมาเป็นครอบครัวที่ดูพร้อมสมบูรณ์แบบที่น่ารักเช่นนี้ โดยคุณขวัญเริ่มที่จะเล่าถึงการพบกันครั้งแรกที่ไม่ค่อยจะถูกชะตากันสักเท่าไหร่!?
ม.ล.พลอยนภัส :: “เจอกันครั้งแรกในงานปาร์ตี้ปีใหม่บ้านเพื่อน ขวัญจำได้ขึ้นใจเพราะว่าตอนนั้นไม่ประทับใจเขาเลย เขาดูเงียบๆ เก๊กๆ ดูหยิ่งๆ แล้วพี่นัทจับสลากได้ของขวัญที่ขวัญเตรียมไป แล้วขวัญรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยชอบของเรา เพราะขวัญเอารถกระป๋องแบบรถบังคับไปจับ แล้วรู้สึกว่าเป็นรถยี่ห้อ BMW ด้วย เขาเป็นคนขาย BMW ก็คงมองว่าไม่ค่อยมีคุณค่า เลยรู้สึกว่าเขาหยิ่งจัง”
อภิชาติ :: “วันนั้นไม่ได้เก๊ก เพียงแต่มีเรื่องไม่สบายใจของเรา เลยไม่ได้สนใจใคร เพื่อนชวนมาก็มา พอดีอากงเพิ่งเสีย แล้วก็เพิ่งอกหักมาครับ (หัวเราะ)”
แม้ว่าในการพบกันครั้งแรกนั้นกามเทพจะยังไม่แผลงศร แต่หลังจากนั้นมาอีกเกือบปี ทั้งคู่ได้มาพบกันอีกในวันแต่งงานของเพื่อนสนิทของนัท และญาติของขวัญ ซึ่งวันนั้นกามเทพก็เริ่มทำงานอย่างจริงจังแล้ว
อภิชาติ :: “ผมเห็นเขาในขบวนขันหมากจำได้เลยว่า ใส่ชุดสีม่วง รู้สึกว่าน่ารักดี ก็สืบถามจากเพื่อน แต่ว่าไม่ได้เข้าไปจีบเพราะหลังจากงานเขาก็บินกลับไปเรียนต่อปริญญาโทที่ซิดนีย์ ผมก็เลยไม่รู้จะสานต่อทำความรู้จักอย่างไร
ม.ล.พลอยนภัส :: “ขวัญรู้ว่าเขาสนใจเพราะมีเพื่อนๆ มาบอกว่าคนนี้เขาแอบมองและอยากรู้จักเรา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนั้นเราไม่ค่อยชอบตรงที่เขาดูหยิ่งๆ”
อภิชาติ :: “ช่วงที่เขาไปเรียนผมก็ไม่ได้สนใจใคร ตอนนั้นบ้าทำงานมาก ทำงานตั้งแต่ 7 โมงถึง 4 ทุ่ม เสร็จก็ไปเตะบอล ว่างก็เล่นเกมอยู่กับเพื่อน จนมาเจอเขาอีกครั้ง เรื่องที่เขาจะซื้อรถ”
ม.ล.พลอยนภัส :: “ผ่านไปประมาณหนึ่งปี ขวัญกลับมาทำงานหลังจากเรียนจบแล้ว พอดีจะซื้อรถ ขวัญอยากได้ BMW ที่บ้านก็เลยบอกให้ปรึกษาเขา ซึ่งที่จริงที่บ้านแอบเชียร์ เพราะเขารู้ว่าพี่นัทเป็นคนดีมาก...พี่ๆ ก็เลยนัดให้เจอกันแล้วก็คุยกันเรื่องรถ คุยเสร็จขวัญก็กลับ”
:: รักทางไกล
ถึงแม้จะมีหนทางให้ได้รู้จักแต่ก็เหมือนจังหวะไม่เป็นใจ เพราะในวันที่ทั้งคู่นัดปรึกษาเรื่องซื้อรถ เย็นวันนั้นฝ่ายชายต้องเดินทางไปศึกษาเรื่องธุรกิจของบีเอ็มที่เยอรมนีนานถึง 7 เดือน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ปล่อยให้ระยะทางเป็นอุปสรรค ใช้เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยเข้ามาช่วย โดยเริ่มจากอีเมลก่อนพัฒนามาเป็น MSN จนกระทั่งโทรศัพท์คุยกันในที่สุด
ม.ล.พลอยนภัส :: “ตอนแรกขวัญก็ไม่ได้คิดว่าเขาจีบ เพราะตอนนัดคุยกันครั้งแรก ก็พูดแต่เรื่องรถล้วนๆ แต่คนรอบข้างมาบอกว่าเขาสนใจ มีกองเชียร์เยอะมาก ขวัญมารู้ทีหลังว่าเขาแอบสืบประวัติขวัญ แบบว่าถามเพื่อนๆ ว่ารู้จักน้องคนนี้ไหม เป็นอย่างไร? พอตอนรับรถพี่นัทก็บอกให้ทางเลขาฯ เอาดอกไม้ช่อใหญ่ใส่ไว้ในรถด้วย ซึ่งระหว่างนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว
หลังจากพูดคุยกันแบบทางไกลอยู่นาน พอกลับมาเมืองไทยทุกอย่างก็เริ่มสานความสัมพันธ์ไปอย่างรวดเร็ว เดตกันอยู่ประมาณ 3 เดือน ก่อนจะตัดสินใจขอแต่งงานในเวลาไม่นานนัก เพราะคุณนัทบอกกับเราว่า มั่นใจว่าใช่คนนี้ชัวร์!
ม.ล.พลอยนภัส :: “เราเริ่มคุยกันตอนเดือนกุมภาพันธ์ แล้วพอธันวาก็แต่งงาน แต่ระหว่างนั้น 7 เดือนที่เขาอยู่เยอรมันคุยกันตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่งเขากลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดขวัญแล้วก็กลับไปเรียนต่อ พอเขากลับมาทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนเพื่อนสนิทเองก็สงสัย เพื่อนเดินมาบอกกับขวัญว่า ถ้ามีอะไรบอกเรานะ พูดแบบจริงจังมาก เพราะเพื่อนคิดว่าเราท้อง (หัวเราะ) แต่พี่นัทเป็นคนดี เขามีอะไรน่ารักในตัวเยอะ”
:: รักต้องเข้าใจ
ด้วยระยะเวลาเพียงไม่นาน ที่ทั้งสองคบหาและตัดสินใจแต่งงานกัน บางคนอาจจะมองว่ามันรวดเร็วเกินไป แต่สำหรับคนสองคนที่มั่นใจกันแล้ว ความรักทุกอย่างก็นำมาซึ่งความเข้าใจที่ทั้งสองพร้อมจะปรับตัวเข้าหากัน
ม.ล.พลอยนภัส :: “พี่นัทเป็นคนดี เงียบๆ ไม่แสดงออก แต่จริงๆ เขาอ่อนโยน ใส่ใจคนรอบข้างมาก ที่สำคัญเขายอมขวัญ (หัวเราะ) เราเป็นคนปรี๊ดง่าย สุดโต่ง..เวลาโมโหคือโมโห เวลามีความสุขก็จะแฮปปี้มาก แต่พี่นัทเขาจะอยู่ตรงกลาง เรื่อยๆ ก็เลยรู้สึกว่าเขาทนเราได้”
อภิชาติ :: “ผมคงไม่ใช้คำว่า “อดทน” กับคนที่ผมรัก ขอใช้คำว่าทำความเข้าใจดีกว่า อย่างแรกคิดเลยว่าถ้าเราอยากจะอยู่กับใครสักคน คนที่เราอยากอยู่ด้วยก็คือคนที่เรารัก คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเถียงกัน เวลาเขาปรี๊ดขึ้นมา ก็รอให้อารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยคุยด้วยเหตุผล ที่จริงทุกคนมีเหตุผล แต่ช่วงเวลาที่โมโห ทุกอย่างจะดับไป เราเองก็มีบ้างที่ไม่ดี ไม่มีทางที่ใครจะดีเฟอร์เฟกต์ไปหมด ฉะนั้นเรื่องโมโห เรื่องอารมณ์ของผู้หญิงก็เป็นเรื่องปกติ
ม.ล.พลอยนภัส :: “ยอมรับว่าขวัญค่อนข้างเอาแต่ใจ ขวัญเป็นลูกคนกลาง พ่อแม่ก็จะห่วงกลัวเรามีปัญหา ฉะนั้น ทุกคนก็จะทุ่มเทความรักให้ขวัญ พี่สาวก็เป็นพี่ที่แสนดีมาก อยากได้อะไรเขาให้เราหมด ฉะนั้นบางทีพอไม่ได้ดั่งใจก็ปรี๊ดง่าย”
อภิชาติ :: “เวลาเขาปรี๊ดเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่อยากทะเลาะ ผู้ชายเป็นฝั่งที่ใช้เหตุผล แต่ผู้หญิงเขาจะใช้อารมณ์มากๆ มันก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นเรารับไม่ได้ แค่ไม่เข้าใจ ตอนหลังเราอยู่ด้วยกันมากขึ้นก็เข้าใจกันและผูกพันกัน และขวัญเขาก็ศึกษาธรรมะด้วย ทำให้เขาใจเย็นลง”
:: คู่รักที่มีศีลเสมอกัน
เคยได้ยินมั้ยว่าลักษณะของคนที่เป็นเนื้อคู่กัน นอกจากความรู้สึกที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่หัวใจยากจะอธิบายแล้วนั้น คนที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ชีวิตกันต้องเป็นคนที่มีศีลเสมอกัน มีความคิดและศรัทธาคล้ายๆ กัน ซึ่งคู่ของคุณนัทและคุณขวัญเองก็มีความชอบในแบบที่ตรงกันคือ “ธรรมะ” ที่จะทำให้ครอบครัวของเขาอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
ม.ล.พลอยนภัส :: “ขวัญชอบนั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็ก มีอยู่ช่วงหนึ่งรู้สึกว่าเราอารมณ์ร้อนมาก อยากพบอะไรที่ร่มเย็น สบายใจ จึงเข้าห้องพระ น่าแปลกคือห้องพระที่บ้านไม่ได้ติดแอร์แต่พอเข้าไปนั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าเย็น สุขและสงบ มีบางช่วงที่เว้นห่างจากการปฏิบัติไป แต่พอมีเรื่องวุ่นวายในชีวิตเยอะๆ ก็หันกลับมาปฏิบัติจริงจัง เราจะรู้อารมณ์ตัวเอง เราปรี๊ดเราก็รู้แล้วว่าเราปรี๊ด พอเรารู้ทันความคิดแล้วมันจะหายไปเอง ปกติเวลาโกรธเราจะไม่รู้ตัว อาละวาดไป แล้วค่อยมารู้ตัว แต่ตอนนี้ก่อนที่เราจะอาละวาด เราจะรู้ตัวแล้วก็หยุด แค่รู้ทันความโกรธ ความโกรธจะหายไป ปกติเราชอบทำตามมันไปไหนตามมันไป ถ้าเรามีสติก็จะทันความคิด จากการที่ขวัญศึกษาธรรมะพี่นัทเขาก็เห็นขวัญดีขึ้น เขาก็ลองทำบ้าง เดินจงกรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ จนตอนนี้ปฏิบัติเยอะกว่าขวัญอีก
...ที่จริงไม่อยากพูดเรื่องธรรมะเยอะ เดี๋ยวคนจะคิดว่าทำไมเธอบอกว่าเธอศึกษาธรรมะแต่ยังใช้ของแพง ที่จริงขวัญว่าธรรมะง่ายๆ เลยคือห้ามผิดศีล ขวัญไม่เคยฆ่าสัตว์ แอลกอฮอล์ก็ไม่ดื่ม ไม่ผิดศีล 5 ก็โอเคแล้ว ที่เหลือก็คือเรื่องของจิตใจ...”
อภิชาติ :: คนส่วนใหญ่เวลาเข้าห้องพระคือเพื่อไปขอ ขอให้พ้นทุกข์ เพราะเรามีพระเป็นที่พึ่งทางใจ แต่ถ้าจะให้ดีเราน่าจะลองศึกษาดูหน่อย ตั้งแต่แต่งงาน ผมเห็นขวัญสวดมนต์ อ่านหนังสือธรรมะ ผมก็เลยอ่านและศึกษาไปกับเขาบ้าง ธรรมะอาจเคยเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เมื่อเราลองอ่านดูเราจะรู้ว่าธรรมะคือธรรมชาติ คือความจริง คือสัจธรรม แล้วก็โชคดีคือคนที่สนใจเหมือนกันเขาก็จะแบ่งปันแนะนำหนังสือจากพระอาาจรย์หลายๆ ท่านจนเราเริ่มเข้าใจ ....เวลาเขาปรี๊ด มาแล้วมันก็ผ่านไป (หัวเราะ)
….ชีวิตเราไม่ได้มีความทุกข์ ครอบครัวเราก็อบอุ่น ลูกน่ารัก ภรรยาดี เงินทองก็มี การงานก็มี แต่คงเป็นช่วงเวลา เพราะผมว่าธรรมะคือปลายทางชีวิตที่สุดของเรา”
:: อบรมลูกด้วยธรรมชาติ
นอกจากความรักความเข้าใจที่ทั้งสองมีให้กันและกันแล้ว ครอบครัวนี้ก็สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเมื่อมีส่วนเติมเต็มอย่างลูกชายตัวน้อยวัย 5 ขวบ “น้องธีทัต ลีนุตพงษ์” ที่กำลังน่ารักน่าชัง ซึ่งทั้งคู่ปรารถนาที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตกับเขา โดยตอนนี้น้องธีกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ (Harrow) และได้รับความอบอุ่นจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่เต็มที่
อภิชาติ :: “ สำหรับผม..ผมเต็มที่ให้กับครอบครัว ทุกเช้าผมเป็นคนไปส่งน้องธีไปโรงเรียน แล้วตอนเย็นคุณแม่จะเป็นคนไปรับ ทั้งผมและขวัญมอบความรักและเวลาให้กับเขาเต็มที่เพราะผมคิดว่า ความรักคือพื้นฐานชีวิตที่อบอุ่นสำหรับคนที่จะเติบโตขึ้นมา และผมก็ค่อยๆ สอนเรื่องธรรมะให้กับเขาด้วย เริ่มจากวิธีง่ายๆ อย่างเวลาไปโรงเรียนก็จะเปิด CD พุทธวัจนะ ให้เขาฟัง เขาก็ชอบ ไม่เบื่อเลย”
คุณพ่อนัทกล่าวถึงลูกชายอย่างชื่นชมโดยคุณแม่ขวัญเองก็ปลื้มใจไปกับสิ่งที่ค่อยๆ สอนให้กับลูกชายคนเดียวนี้ด้วย
ม.ล.พลอยนภัส :: “สำหรับเด็กอายุ 5 ขวบ ขวัญว่าเขาเก่งมากกับการรับรู้เรื่องธรรมะ น้องธีจะเตือนสติขวัญได้ เช่น เราไปเจอเรื่องที่น่าโมโหมา แล้วก็บ่นเล่นๆ กับลูก “วันนี้แม่โมโหมากเลย” เขาก็จะบอกว่า “แม่รู้มั้ยว่าจิตตอนโมโหมันตกนรกนะ” เราก็ “จริงด้วยลูก”
เขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี อย่างเวลาเด็กโมโหเขาก็จะกรี๊ดแบบที่ไม่รู้ว่าเขาโมโห แต่กับธี เขาจะไม่กรี๊ด เขารู้ตัวว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาจะบอกว่า “ผมโมโหมากครับแม่ ผมโมโห” เขาปรี๊ดได้นะขวัญไม่ว่า ผู้ใหญ่ยังโมโหได้เลย แต่การที่โมโหแล้วรู้ว่าโมโหก็คือขั้นหนึ่งของธรรมะแล้ว”
อภิชาติ :: “ขวัญเขาสอนลูกได้ดี รู้จักยกตัวอย่างให้เด็กเข้าใจง่าย เช่นยกตัวอย่างให้เข้าใจว่าที่พึ่งในชีวิตเราคือะไร ชีวิตเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง สอนให้รู้แล้วอย่าไปมีอารมณ์ค้างกับมันนานๆ ซึ่งผมว่าเขาเก่งมาก”
ม.ล.พลอยนภัส :: “ขวัญจะไม่ห้ามลูก แต่จะอธิบายให้ลูกเข้าใจ”
ไม่ใช่แค่การอบรมเลี้ยงดูที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดีแล้ว ในทางสังคมและอนาคต ทั้งคู่ก็เตรียมพร้อมทุกอย่างให้กับลูกชายคนเดียวแล้ว
อภิชาติ :: “เราให้เขาเต็มที่ เรามีกิจการก็ให้เขาหมดเลย เคยคุยกันตอนนี้เรามีลูกคนเดียว มีอะไรก็จะให้เขาหมดเลย ส่วนจะมีอีกคนมั้ย? เราก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ รู้เพียงว่าตอนนี้ภาระหน้าที่เราคือเป็นพ่อแม่ก็ต้องทำให้เต็มที่ ไม่ได้คาดหวังให้เขาเป็นอะไร อนาคตเขาจะรวยจะจนเป็นเรื่องของเขาแล้ว แค่อยากให้เขามีศีล 5 เป็นคนดีก็พอ”
ม.ล.พลอยนภัส :: “เรามีหน้าที่เตรียมทุกอย่างให้เขา เขาอยากจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ มีธุรกิจให้ ถ้าเขาไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังดูไม่ออกว่าเขาสนใจอะไร แต่เท่าที่สังเกตเขาชอบวิทยาศาสตร์ ชอบการทดลอง อย่างตอนนี้สนใจเรื่องเชื้อโรค เขาก็จะให้คุณพ่ออ่านหนังสือให้ฟัง หรือหาของเล่นที่เกี่ยวกับเชื้อโรค”
:: เคล็ดลับในการใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข
1. มีความรักแล้วต้องมีความไว้ใจด้วย ถ้ามีแต่ความรัก แต่ไม่มีความไว้ใจก็อยู่กันได้ไม่ยืด
2. ให้มองทุกอย่างในแง่บวก อย่ามองว่าทุกอย่างคือปัญหา เพราะทำให้ชีวิตไม่มีความสุข คิดซะว่าทุกปัญหามีทางแก้เสมอ
3. ชีวิตคู่ต้องมีความอดทน และความเข้าใจซึ่งกันและกัน
4. เวลาจะใช้ชีวิตคู่กับใคร ไม่ได้ดูแค่ตัวคนที่จะอยู่กับเรา แต่ดูไปถึงครอบครัวเขาและศึกษาเขาให้มากว่าจะเข้ากันได้ไหม อยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า ต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/