xs
xsm
sm
md
lg

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7 
ปฐวีจูงมือเมรินเดินมาที่ห้องเรียน สุดนภารีบเดินเข้ามารับ
“สวัสดีค่ะคุณปฐวี น้องเมย์ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” สุดนภาทัก
“เมื่อคืนเจ้าวินไปส่งคุณ เรียบร้อยดีนะครับ” ปฐวีถาม
“ค่ะเรียบร้อยดี”
เมรินแอบมองสุดนภาอย่างสังเกต สุดนภาคุยกับปฐวีด้วยท่าทางปกติ เมรินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แสดงว่าทุกอย่างไปได้สวย” เมรินพูด
ปฐวีมองเมรินงงๆ สุดนภาถลึงตาใส่เมริน เมรินทำไม่รู้ไม่ชี้
นาวินเดินเข้ามา
“อ้าว ไอ้วีมาส่งหลานเสร็จแล้วก็รีบกลับสิคร๊าบ”
สุดนภาถลึงตาใส่นาวิน “คุณนาวินคะ คุณปฐวีเพิ่งมาถึงค่ะ”
“งั้นหรือ ส่งเสร็จก็รีบสิ ..ไป๊เจ้าวี เดี๋ยวคนไข้จะรอนะ”
ปฐวีมองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มขำ สุดนภาเริ่มเขิน
“พูดจาฟังไม่เข้าหูเล๊ย ไปน้องเมย์เข้าห้องเรียนดีกว่านะคะ”
สุดนภาพาเมรินเดินเข้าห้อง
“นี่แกว่างมากเหรอวะ มาเดินตรวจนักเรียนตามห้องเนี่ย” ปฐวีถามเพื่อน
“ชั้นน่ะเป็นผู้บริหารก็ต้องห่วงใยความปลอดภัยของครูและนักเรียนทุกคนเป็นเรื่องธรรมดา” นาวินบอก
“ห่วงนักเรียน แล้วก็หวงครูใช่มั๊ย”
“ทั้งสองอย่าง”
ปฐวียิ้ม นาวินทำไม่รู้ไม่ชี้


นักเรียนยืนคุยกันเป็นกลุ่มที่หน้าห้องเรียน เมรินยืนอยู่กลางวง นนท์เดินมาหาเมริน
“น้องเมย์ดูนี่”
ทุกคนหันไปมองนนท์เป็นตาเดียว นนท์เริ่มเต้นเหมือนบอยแบนด์เกาหลี เพื่อนๆแหวกเป็นทาง นนท์เต้นแล้วมาจบที่ท่าคุกเข่ายื่นการ์ดให้เมริน เด็กคนอื่นๆ ฮือฮา
“น้องนนท์เท่ห์มากอ่ะ” แคทปลื้ม
เมรินเบื่อ “อะไรอีกล่ะ บอกแล้วไงเรามีแฟนแล้ว”
“เรารู้ แต่เผื่อว่าน้องเมย์จะเปลี่ยนใจไงล่ะ การ์ดนี่ไม่ธรรมดานะ น้องนนท์ลงทุนทุบประปุกหมูไปซื้อมาเลยนะ”
เมรินยิ้มระอาในความแก่แดดของนนท์ เธอเปิดการ์ดออกดูแล้วนิ่งคิดก่อนจะเปลี่ยนใจส่งให้นนท์
“ช่วยอ่านให้เมย์ฟังหน่อยสิ อ่านไม่ออก”
“เรื่องเล็ก” นนท์หยิบการ์ดมาอ่าน “ตอนแรก อ๊ะ กอไก่ วอแหวน ไม้เอก อ่านว่าอะไรเนี่ย อ่านยากชะมัดเลย”
นนท์ส่งคืนให้เมรินแล้วส่ายหน้า
“เอาเป็นว่า หมายความตามนั้นนั่นแหละ มันอ่านยากนี่นา”
“อ่านยังไม่เข้าใจแล้วซื้อมาได้ยังไง”
“ก็ น้องนนท์ดูหนัง เห็นพระเอกเอาการ์ดมาให้นางเอก แล้วนางเอกซึ้งน่ะ น้องนนท์อยากให้น้องเมย์ซึ้งบ้างไง”
เมรินถอนหายใจยาว เพื่อนๆ กรี๊ดเพราะชอบใจกันใหญ่
“โห น้องนนท์เท่ห์สุดยอด” แคทชม
นนท์ยิ้มภูมิใจ
ตันหยงคิดในใจ “ตัวแค่นี้ รู้แล้วหรือความรักน่ะมันเป็นยังไง”

นักเรียนทุกคนนั่งประจำที่ สุดนภายืนอยู่หน้าห้อง
“อีกสองอาทิตย์ เราก็จะสอบแล้วนะคะ นักเรียนต้องดูแลรักษาสุขภาพอย่าเล่นซน ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ แล้วถ้าใครทำคะแนนดีกว่าเทอมที่แล้ว ครูบี๋จะมีรางวัลให้นะคะ”
เด็กนักเรียนทุกคนดีใจ
“รางวัลอะไรครับครูบี๋” นนท์ถาม
“เป็นความลับค่ะ ถ้าบอกก่อน ก็ไม่ตื่นเต้นสิคะ”
“ครูบี๋จะพาพวกเราไปดิสนี่ย์แลนด์หรือเปล่าคะ แคทอยากจับมือกับมิกกี้เม้าธ์ แล้วก็นั่งพรมอาละดินด้วย” แคทบอก
เด็กๆฮือฮา สุดนภาตาโต
“ถ้าเปลี่ยนจากดิสนีย์แลนด์ เป็นดรีมเวิลด์ ดีกว่าไหมคะ ไปง่ายดี ครูขอให้ทุกคน ตั้งใจกับการสอบครั้งนี้ให้ดี และถ้าใครทำคะแนนสูงสุดในชั้น ครูบี๋จะมีรางวัลให้ด้วย” สุดนภายิ้ม
สุดนภาเดินมาข้างเมรินแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูเมริน
“ยกเว้นแกนะ”
สุดนภามองหน้าเมรินแล้วเดินไป เมรินทำหน้าเบื่อหน่าย


นาวินดูเอกสารหลายรายการ สุดนภาเดินถือหนังสือมาหยุดมองสังเกต นาวินคร่ำเคร่งกับงานตรงหน้า สุดนภามองอย่างชื่นชม
นาวินเงยหน้ามอง “ครูบี๋” นาวินก้มหน้าทำงานต่อ
“เอ่อ..ชั้นเอารายงานมาส่งค่ะ”
“วางไว้ได้เลยครับ ขอบคุณครับ”
สุดนภาพูดกวน “นานๆจะเห็นคุณคร่ำเคร่ง ฉันว่ามันดูขัดๆนะ”
นาวินยิ้มแล้วพูดโดยไม่มอง “มันก็ต้องมีบ้าง”
สุดนภาวางรายงานแล้วยืนมองเพราะคิดว่านาวินจะคุยด้วย แต่นาวินทำงานนิ่ง สุดนภาถอนใจแล้วเดินไปก่อนจะเดินออกนอกประตูนาวินเรียกไว้
“เดี๋ยว..” สุดนภาหยุดแล้วหันมา
“คิดถึงนะ” นาวินพูดโดยไม่เงยหน้า สุดนภาทั้งอายทั้งหมั่นไส้ เธอยิ้มแล้วเดินออกจากห้องไป

ครูคณิตศาสตร์กำลังอธิบายเรื่องการบวกเลข เด็กๆตั้งใจเรียน บางคนยกมือถาม ครูอธิบาย เมรินนั่งเท้าคางหน้าเศร้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณพ่อกับคุณแม่ กำลังทำอะไรอยู่นะ” ตันหยงคิดในใจ
“น้องเมย์คะตอบคำถามหน่อยซิ 15+17 เป็นเท่าไรคะ” ครูถาม
เมรินตอบทันที “32 ค่ะ”
ครูอึ้ง “เก่งมากจ๊ะ ไหนลองอีกข้อซิ 94+36 เป็น”
เมรินตอบอย่างเบื่อๆ “130 ค่ะ”
เด็กๆ ปรบมือกันยกใหญ่ เมรินหันซ้ายหันขวาแล้วยิ้มรับ
“เก่งจังแฮะ นี่ยังไม่ได้สอนเลย น้องเมย์มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าคะ” ครูถาม
เมรินอึกอัก “ เคล็ดลับทำแบบฝึกหัดทุกวันค่ะ”
ครูปรบมือ “สุดยอด นักเรียนทุกคน เห็นไหมน้องเมย์ขยัน เรียนเก่งขึ้นเยอะเลย เด็กๆต้องกลับไปทำแบบฝึกหัดกันเป็นประจำนะคะ เห็นไม๊คะว่ามันได้ผลจริงๆ”
เสียงออดดังขึ้น เมรินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ทุกคนน่ะค่ะ ถ้าขยันและตั้งใจก็จะเรียนเก่งแบบน้องเมย์นะคะ”
“อย่าลืมกลับไปทำการบ้านที่ครูให้ไว้นะคะ คณิตศาสตร์ไม่ยากอย่างที่คิด”
ครูเดินออกไป เพื่อนๆพากันมารุมล้อมเมรินด้วยความชื่นชม


นาวินประชุมครู เขาอธิบายแผนผังการสอบอย่างเอาจริงเอาจังโดยไม่มีวี่แววล้อเล่น ผู้ร่วมประชุมนั่งฟังอย่างชื่นชม
สุดนภาคิดในใจ“ไม่อยากเชื่อ ว่าพูดจาเป็นนักวิชาการก็ได้แฮะ”
“หลักสูตรการศึกษาของเราในปีต่อไป” นาวินพูด “ผมขอให้เรามุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้กิจกรรมที่ฝึกทักษะความคิด และจินตนาการ เน้นการสอนแบบบูรณาการ ผ่านการ ฟัง พูด อ่านเขียน ไปพร้อมๆกัน เตรียมความพร้อมโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ให้เด็กสนุกกับการเรียน ไม่ใช่ท่องตามตำรา”
“ดิฉันเห็นด้วยค่ะ สองปีที่ผ่านมา หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนพัฒนาไป เพราะการวางหลักสูตรของคุณนาวิน และผลที่ออกมาคือ เด็กมีความสุขกับการเรียนมากขึ้น ไม่เคร่งเครียดเหมือนเมื่อก่อน” ครูใหญ่บอก
“จริงค่ะ มีผู้ปกครองหลายคนชมว่าหลักสูตรของเราทันสมัย เด็กไม่เคร่งเครียด และสามารถไปสอบต่อที่โรงเรียนอื่นได้อย่างสบาย”
“ช่วงนี้ก็ใกล้สอบกันแล้ว หวังว่าคุณครูทุกท่านคงจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ เพื่ออนาคตของชาตินะครับ” นาวินบอก
ครูใหญ่หันมากระซิบกับสุดนภาที่นั่งติดกัน
“คุณนาวินนี่สุดยอดจริงๆ ตั้งแต่มารับตำแหน่งนี่ พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนทำให้มาตรฐานโรงเรียนของเราเป็นที่ยอมรับมากขึ้นนะคะครูบี๋”
“จริงหรือคะ” สุดนภาถามกลับ
“โธ่น้องบี๋ ไม่ทราบหรือคะ โรงเรียนเราได้รางวัลเสมาทองคำมาสองปีซ้อนเพราะนโยบายเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของคุณนาวินนี่แหละค่ะ”
สุดนภาทำหน้างง ทุกคนปรบมือให้นาวิน นาวินโค้งรับแล้วหันมายักคิ้วให้สุดนภา


เมรินนั่งเซ็งอยู่ในห้อง แคทเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย
“จะเดินไปไหน มีอะไรไม่สบายใจหรือ” เมรินถาม
“แคทกลัวจะสอบได้คะแนนไม่ดี คราวนี้แคทโดนทำโทษแน่เลย”
ตันหยงคิดในใจ“ขนาดนั้นเชียวหรือ โธ่เด็กเอ๊ยเด็ก”
“แม่ชอบบอกว่าแคทโง่ ไม่เหมือนลูกของป้า สอบทีไรได้ที่ 1 ทู๊กที แคทจะทำไงดีล่ะเนี่ย”
“เอาน่า เราช่วยติวให้ก็ได้”
แคทงง “ติวหมายถึงอะไรหรือ”
“ก็หมายถึง ช่วยสอนทบทวนให้ไง”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว จะติวให้เราจริงๆหรือ น้องเมย์ใจดีจังเลย”
แคทกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เมรินมองแคทแล้วยิ้ม


ที่มุมหนึ่งในโรงเรียน เมรินชี้พร้อมกับอธิบายให้แคทฟัง แคทจดไป เกาหัวไป

เวลาผ่านไป เมรินสอนเพื่อนๆ หลายคนทำแบบฝึกหัด มิ้งค์มายืนมองเพราะอยากร่วมวงติวด้วย
มิ้งค์พูดเชิดๆ “ขยันกันไปก็แค่นั้นแหล่ะ ยังไงปีนี้เราต้องได้ของขวัญจากครูบี๋แน่นอน”
“แต่ครูบอกว่า เราต้องทำแบบฝึกหัดเยอะๆเราถึงจะเก่งเหมือนน้องเมย์นะ” นนท์บอก
“เก่งเหมือนเมย์เหรอ ปีที่แล้วยังเกือบไม่ได้ขึ้นชั้น ปีนี้จะเก่งได้ขนาดไหนเชียว” มิ้งค์งอนๆ
มิ้งค์เชิดหน้าแล้วเดินไป
“ไม่ต้องเสียใจนะน้องเมย์ ถ้านนท์ได้ของขวัญจากครูบี๋ น้องนนท์จะเสียสละให้น้องเมย์เอง”
เมรินขำ


วันต่อมา สุดนภาสอน นักเรียนในห้องตั้งใจเรียน สุดนภาชี้ให้แคทลุกขึ้นตอบคำถาม แคทลุกขึ้นนับนิ้วมือแล้วตอบคำถามถูกต้อง เพื่อนๆปรบมือชื่นชม นาวินที่ยืนแอบมองสุดนภาสอนนักเรียนอยู่หลังห้องยิ้มชื่นชม
เวลาผ่านไป เมรินอ่านภาษาอังกฤษให้เพื่อนๆกลุ่มใหญ่ฟัง เพื่อนๆอ่านออกเสียงตามอย่างตั้งใจ สุดนภายืนแอบดูเมรินติวหนังสือให้เพื่อนๆ ด้วยความปลื้มใจ
“น่าปลื้มใจจริงๆ เห็นนักเรียนตั้งใจแบบนี้ ครูก็ดีใจ”
สุดนภาหันหลังเดินออกมาเห็นนาวินยืนยิ้มมองเธออยู่
“อุ๊ย... มาแอบยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย คุณนาวิน” สุดนภาแกล้งทำเป็นโกรธ
“มาตั้งแต่ น่าปลื้มใจแล้วครับ คุณครูคนเก่ง”
สุดนภาเขินจึงเดินชนนาวินออกไป นาวินเจ็บแต่ก็ขำแล้วมองตาม ก่อนจะหันมามองเด็กๆ อย่างชื่นชม

เด็กทุกคนนั่งทำแบบฝึกหัด มิ้งค์มีสีหน้าอึดอัดเดินเข้ามา
แคทกระซิบเมริน “มิ้งค์จะมาหาเรื่องเราอีกหรือเปล่าเนี่ย”
“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องกลัว ห้ามกลัว” เมรินบอก
แคทพยักหน้ามองมิ้งค์อย่างเกรงๆ
“เรามีเรื่องจะพูดกับเมย์” มิ้งค์บอก
มิ้งค์เดินมาเผชิญหน้ากับเมริน ทั้งคู่สบตากัน
“มีอะไรก็ว่าไป” เมรินบอก
“เราจะขอทำแบบฝึกหัดด้วยได้มั๊ย”
ทุกคนได้ยินก็โล่งใจ
เมรินยิ้ม “ได้สิ เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่ได้”
มิ้งค์เดินไปนั่งข้างนนท์ เมรินมองตามแล้วยิ้ม
“คิดว่าจะมีเรื่องซะแล้ว” แคทบอก
“บอกแล้วไง คิดไปเองน่ะมันน่ากลัว ทำแบบฝึกหัดต่อไปเถอะ”
เมรินติวเพื่อนจนคนเพิ่มเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น เด็กคนอื่นๆ ตั้งใจฟังเมรินอธิบาย


ปฐวีเดินมาที่หน้าห้องเรียน ครูใหญ่เดินมาทักปฐวี
“สวัสดีค่ะคุณหมอปฐวี”
“นี่เด็กๆกำลังทำอะไรอยู่ครับ ดูท่าทางขยันเป็นพิเศษ” ปฐวีถาม
“อ๋อ น้องเมย์กำลังติวหนังสือให้เพื่อนๆค่ะ เดี๋ยวนี้น้องเมย์เก่งขึ้นนะคะ มีความรับผิดชอบ ไม่งอแงเหมือนเมื่อก่อน ไม่ทราบทางครอบครัวมีวิธีการสอนอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
ปฐวีงง “ก็เปล่านี่ครับ เหมือนปกติ”
“แหม ถ้ามีอะไรเป็นพิเศษก็กระซิบบอกทางโรงเรียนบ้างนะคะ เราจะได้เอามาใช้บ้าง เผื่อนักเรียนของเราจะพัฒนาการแบบก้าวกระโดดเหมือนน้องเมย์ไงคะ”
ปฐวีมองไปที่เมรินด้วยความแปลกใจ
เมรินยังคงยืนอ่านหนังสือให้เพื่อนฟัง


ปฐวีกับเมรินเดินคุยกัน เมรินบิดตัวอย่างเมื่อยขบ
“เหนื่อยจังเลย แค่ติวหนังสือเด็กๆแค่นี้” เมรินบอก
“น้าวีไม่ยักรู้ ว่าเดี๋ยวนี้เก่งใหญ่แล้ว ติวให้เพื่อนๆด้วย”
เมรินอึกอึก “มันไม่มีอะไรนี่ค่ะ แค่ช่วยกันทำแบบฝึกหัด ไปเถอะค่ะ น้องเมย์หิวจะแย่แล้ว”
“หิวแล้วใช่ไม๊ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวน้าวีจะพาไป”
“จริงเหรอคะ”
ปฐวีพยักหน้า “เป็นรางวัลเด็กดี ที่ช่วยเหลือเพื่อนๆ”
นาวินเดินมา
ปฐวีชวน “อ้าว นาวิน ว่างหรือเปล่า ไปกินข้าวด้วยกันมั๊ย”
นาวินส่ายหน้า “ตามสบายเลยเพื่อน วันนี้ชั้นขอตัวว่ะ พอดีมีนัดแล้ว”
นาวินยิ้มอมภูมิ
“นัดอะไรของแก อย่าบอกนะว่านัดสาว”
นาวินทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ปฐวีมองเพื่อนแล้วส่ายหน้า

แม่ของนนท์จูงมือนนท์จะออกไปเรียกรถแท็กซี่ ปฐวีกับเมรินเดินมา นนท์รีบวิ่งมาทัก
“น้องเมย์” นนท์พูดกับแม่ “แม่คับ นี่น้องเมย์ แฟนของนนท์ไงครับ น่ารักมั๊ย”
เมรินตาโต แต่ก็มองนนท์แบบขำๆ ปฐวีเหล่มองเมรินแบบล้อๆ
“สวัสดีค่ะ” แม่นนท์พูดกับปฐวี “สวัสดีคุณพ่อด้วย”
“ไม่ใช่พ่อคับ นั่นแฟนใหม่น้องเมย์” นนท์บอก
ปฐวีขำก๊าก เมรินงอน
“ตายจริง นนท์ทำไมพูดแบบนั้น” แม่นนท์พูดกับปฐวี “ขอโทษนะคะ เด็กสมัยนี้แก่แดดแก่ลมเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรครับ นี่จะกลับบ้านหรือครับ”
“ค่ะ พอดีรถเข้าอู่ เลยต้องใช้แท็กซี่”
ปฐวีนิ่งคิดเมื่อมองเห็นข้าวของในมือแม่ของนนท์พะรุงพะรัง
“เดี๋ยวผมไปส่งให้ดีกว่าครับ”
แม่นนท์ลังเล “จะดีหรือคะ เกรงใจคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ” ปฐวีล้อ “เราเป็นลูกผู้ชายต้องมีน้ำใจ ใช่มั๊ยนนท์”
ปฐวียิ้มให้นนท์แล้วหันไปหลิ่วตาล้อเมริน เมรินค้อน
“ดีใจจัง ได้กลับบ้านพร้อมน้องเมย์แล้ว”
นนท์กระโลดเต้นดีใจ เมรินยิ้มเซ็ง ผู้ใหญ่ทั้งสองมองแล้วยิ้มส่ายหน้า


รถของปฐวีแล่นมาจอดที่หน้าบ้านนนท์ แม่นนท์กับนนท์ก้าวลงจากรถ
“ขอบคุณมากนะคะ คุณปฐวี”
“ไม่เป็นไรครับ” ปฐวีพูดกับนนท์ “เราเป็นเพื่อนกันนะ”
นนท์นิ่งคิด “ก็ได้ เป็นเพื่อนกันแต่ถ้าทำให้น้องเมย์เสียใจละก็ เราเอาเรื่องนายแน่”
ปฐวีทำตาโต “รับรองได้ เราจะดูแลน้องเมย์อย่างดีเลย ไม่ต้องห่วงนะ”
นนท์พูดกับเมริน “ถ้าเค้าทำอะไรให้น้องเมย์เสียใจบอกนนท์นะ นนท์จะจัดการให้”
เมรินทำหน้าเหนื่อย
“น้องนนท์พูดอะไรก็ไม่รู้” แม่นนท์พูดกับปฐวี “จำมาจากในหนังน่ะคะ ดูจังเลยหนังเกาหลี ขอโทษนะคะ น้องเมย์ คุณปฐวีด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ปฐวีขึ้นรถแล้วขับออกไป นนท์กับแม่โบกมือให้จนลับตา

เมรินนั่งงอนจึงหันหน้ามองออกไปนอกรถ
“หิวแย่เลยสิ น้าวีขอโทษนะ”
เมรินแอบยิ้มที่ปฐวีห่วงใย
ตันหยงคิดในใจ“นึกว่าจะไม่สนใจ”
รถของเมธีจอดอยู่ที่หน้าบ้านของฉัตรพร ปฐวีมองเห็นแล้วก็อึ้งไป เมรินถามทันที
“น้าวีคะ นั่นรถคุณพ่อใช่มั๊ย”
ปฐวีตอบอย่างมีพิรุธ “ไหนไม่ใช่มั๊ง คุณพ่อจะมาทำอะไรแถวนี้”
เมรินหันมามองหน้าปฐวีอย่างจับผิด ปฐวีทำไม่รู้ไม่ชี้
“เหมือนจังเลย หรือว่าจะจำผิด”
“น้าวีว่าน้องเมย์จำผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่หรอก”
เมรินนิ่งคิด ปฐวีแอบมองเมรินแล้วถอนหายใจก่อนจะคิดไปถึงเมธี


ปฐวีเดินจูงมือเมรินมาตามทางเดินในห้างสรรพสินค้า
“น้องเมย์อยากทานร้านไหนคะ” ปฐวีถาม
“ตามใจน้าวีค่ะ น้องเมย์ทานอะไรก็ได้”
“งั้นเดินดูก่อนก็ได้ค่ะ ว่าอยากทานร้านไหน”
ปฐวีจูงมือเมรินแล้วเดินไปชนกับสาวสองคน
“ขอโทษครับ”
สองทั้งสองมองเห็นปฐวีชัดๆ ก็ทำท่ากิ๊วก๊าว
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกหรือคะ แหมน่ารักจังเลย”
สาวอีกคนจับแก้มเมริน “มากับคุณพ่อเหรอคะ”
ปฐวีและเมรินมองหน้ากัน ปฐวียิ้มเจื่อน เมรินหน้าหงิก
“หลานสาวผมเองครับ” ปฐวีบอก
“อุ๊ย หน้าแตกเลยเรา ขอโทษนะคะนึกว่าเป็นคุณพ่อน่ะคะ”
สองสาวซุบซิบกัน
“หน้าคุ้นจังเลยนะคะ เหมือนเคยเจอที่ไหน แต่นึกไม่ออก”
ปฐวียิ้ม ส่วนเมรินหน้าคว่ำและดึงมือปฐวี
“ไปเถอะคะน้าวี น้องเมย์หิวแล้ว อาหารญี่ปุ่นก็ได้”
เมรินลากแขนปฐวีเดินไป ปฐวีมองสองสาวอย่างขอโทษ
“ขอโทษนะครับ ขอตัวไปก่อนนะครับ”
“ขอโทษทำไมคะ น้าวีทำอะไรผิด”
เมรินจ้องหน้าปฐวีแบบเอาเรื่อง ปฐวีหน้าเหวอ เมรินค้อนแล้วเดินลิ่วไป
ปฐวีเซ็ง “งอนอีกแล้ว”

อีกมุมหนึ่งของห้างสรรพสินค้า นาวินเดินตามสุดนภาโดยแบกหนังสือถุงโตมาด้วย สุดนภาเดินมองเพื่อเลือกร้านอาหารอย่างใจเย็น
“เอาร้านไหนดีนะ อาหารญี่ปุ่นก็ดี ไม่อ้วน เอ๊ะหรือว่าอาหารจีนก็น่าสน ทานอะไรดีล่ะ “
“ร้านไหนก็เลือกซักร้านเถอะคุณ ผมแบกของจนหลังแอ่นแล้ว” นาวินบอก
“อะไรแค่นี้ก็บ่นแล้ว ไม่มีอดทนซะเลย มาชั้นถือเองก็ได้”
สุดนภาเอื้อมไปรับ นาวินส่งถุงที่หนักมากให้ สุดนภาจ๋อย
“ทำไมมันหนักอย่างนี้หล่ะ”
“เชื่อรึยังล่ะ มา ผมถือเอง”
สุดนภายิ้มแล้วแกล้งเดินนำ นาวินมองแล้วส่ายหัวก่อนจะเดินตาม


เมรินเดินงอนนำปฐวีไป ปฐวีจ้ำตาม
“น้องเมย์ขา รอน้าวีด้วย งอนอะไรน้าวีคะ”
“ก็น้าวีน่ะ พอเห็นสาวๆเข้าหน่อย ลืมน้องเมย์เลยนะคะ”
“แหม ใครจะลืมหลานรักได้ลงคอ มาให้น้าวีจูงเดี๋ยวหลงหรอก”
ปฐวีจูงมือเมรินเดินเข้าร้านอาหารไป
นาวินและสุดนภาเดินมาหยุดยืนที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น
“เอาร้านไหนดีนะ” สุดนภาหันซ้ายหันขวา
“อาหารญี่ปุ่น” นาวินเสนอ
“ไม่เอา กินอาหารเกาหลีดีกว่า”
นาวินบ่น “แล้วจะถามทำไมเนี่ย”
“นี่ บ่นเป็นคนแก่เลยนะ”
“แน่ใจแล้วนะ จะทานร้านนี้ ไม่เลือกอีกหน่อยหรือ”
“อ๊ะ งั้นจะเดินดูอีกรอบนึงมั๊ย”
นาวินทำลิ้นห้อย “ไม่ต้องแล้วครับ ร้านนี้ก็ร้านนี้แหละ ผมประชดน่ะ”
สุดนภาทำไม่รู้ไม่ชี้ “งั้นหรือ ชั้นมันคนซื่อ”
สุดนภาเดินเชิดเข้าร้านอาหารไป นาวินส่ายหน้าแล้วลากถุงตามไป


ที่โต๊ะของปฐวี ปฐวีส่งเมนูให้เมริน
“น้องเมย์อยากทานอะไร เลือกเลย”
เมรินเลือกอาหารเสร็จก็ส่งเมนูคืนให้บ๋อย
เวลาผ่านไป อาหารถูกนำวางเรียงเรียบร้อย
“น่าอร่อยจัง ทานนะคะ”
“รอเดี๋ยวก่อน”
ปฐวีจัดการอุปกรณ์การกินแล้วเลื่อนแก้วน้ำดูแลเมรินอย่างเรียบร้อย เมรินมองตามแล้วยิ้ม
“น้าวีนี่บริการสุดยอด นี่บริการใครมาแล้วบ้างน๊า”
ปฐวีกระซิบ “ความลับนะ บอกน้องเมย์คนแรกเลย เอียงหูมาสิ”
เมรินหลงเชื่อจึงยื่นหน้าไปจนชิด ปฐวีแอบหอมแก้ม เมรินถอยเพราะเขิน
“น้าวีทำอะไรเนี่ย อายเค้านะ”
“ค่าบริการไงล่ะ”
เมรินเช็ดแก้มแล้วยิ้มเขิน ปฐวีอมยิ้มแล้วจัดการเลื่อนแก้วน้ำ คีบอาหารใส่จานให้เมริน
เมรินมองดูยิ้มๆ
ตันหยงคิดในใจ“เค้าก็เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นดีจัง”
“มีอะไรติดหน้าน้าวีหรือเปล่า”
เมรินสะดุ้ง “เปล่าค่ะ ทานได้หรือยังคะ”
“ลงมือได้เลย”
ปฐวีกับเมรินนั่งกินอาหารอย่างมีความสุข


อาหารถูกวางเรียงเต็มโต๊ะของนาวิน นาวินมองอย่างตะลึง
“แน่ใจนะว่าสั่งมาเนี่ยจะทานหมด”
“แน่ใจสิ” สุดนภาตอบ
“แหม กินไม่เกรงใจเจ้าภาพเลยนะ”
“ไหนว่าจะเลี้ยง ไม่กินก็ได้”
“โอ๊ย ผมเต็มใจเลี้ยงคุณเสมอ มามะทานอาหารเถอะ เดี๋ยวจะโมโหหิว”
สุดนภางอนแต่ก็เริ่มกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย นาวินมองตามแล้วยิ้มปลื้ม สุดนภามองหน้านาวินแล้วถาม
“ไม่ทานหรือ”
“เห็นคุณกินได้ ผมก็ดีใจ”
สุดนภากินต่อโดยไม่แคร์สายตานาวินที่จ้องอยู่ นาวินยิ้มปลื้ม

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปฐวีและเมรินเดินจูงมือกันมาหยุดหน้าร้านเครื่องประดับ ที่ตู้โชว์นอกร้านมีจี้รูปหัวใจโชว์อยู่ เมรินไปยืนมองอย่างสนใจ ปฐวีสังเกตเห็น
“น้องเมย์อยากได้เหรอคะ”
“มันน่ารักดีนะคะ”
“น้าวีซื้อให้เอามั๊ย”
เมรินมองปฐวีแล้วส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าค่ะ มันไม่เหมาะกับวัยแบบน้องเมย์”
เมรินถอยออกจากตู้โชว์แต่ยังแอบมองอย่างเสียดาย
“ให้น้าวีเลี้ยงไอติมดีกว่า” เมรินบอก
“ได้เลย ไปกัน”
เมรินเดินไปอย่างร่าเริง


ถ้วยไอศกรีมที่เริ่มละลายวางอยู่บนโต๊ะ เมรินนั่งเท้าคางมองแก้วไอศกรีมเบื่อๆ
“ทำไมไปห้องน้ำนานนักนะ”
ปฐวีเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในร้าน
“มาแล้ว สาวน้อย รอนานมั๊ยครับ”
เมรินงอน “น้าวีแอบไปไหนมาคะ น้องเมย์รอจนเบื่อเลย”
ปฐวียิ้มก่อนจะยื่นมือออกแล้วเปิดกล่องที่ถือมาจนเห็นว่าเป็นจี้รูปหัวใจ เมรินตะลึง
“น้าวี”
“สำหรับน้องเมย์ สาวน้อยของน้าวี”
เมรินเอื้อมมือไปแตะสร้อย ปฐวีแกล้งปิดกล่องงับนิ้ว เมรินหัวเราะกิ๊ก
ตันหยงนึกถึงตอนที่พิรามขอเธอแต่งงานซึ่งพิรามทำแบบนี้เปี๊ยบ
ปฐวีเห็นเมรินเหม่อก็เรียก “น้องเมย์ น้องเมย์”
“อะไรคะ”
“เป็นอะไรไป เหม่อทำไม ไม่ชอบหรือ”
“ชอบสิคะ ชอบมาก น้าวีใส่ให้เมย์ด้วยนะคะ”
“มาน้าวีใส่ให้”
ปฐวีหยิบจี้ออกมา เมรินยื่นมือไปให้ปฐวี
ปฐวีสวมจี้ให้ที่สร้อยแขนของเมริน
“ขอบคุณมากนะคะน้าวี”
ปฐวีอมยิ้มแล้วชี้ที่แก้มตัวเอง เมรินเขินแต่ก็ค่อยๆจุ๊บที่แก้มปฐวีอย่างเต็มใจ


นาวินยืนรอสุดนภาอย่างอดทนหน้าร้านขนม สุดนภาถือขนมเดินออกมากัดชิมอย่างอร่อย
“แหม คุณนี่ทำบุญด้วยอะไรน๊า กินได้กินอร่อยจริง..จริ๊ง” นาวินแซว
“ก็มันอร่อยจริงๆนี่นา ลองชิมมั๊ย”
สุดนภาดึงขนมยัดใส่ปากนาวิน นาวินเคี้ยวแล้วทำตาโต
“อร่อยจริงๆด้วยแฮะ ไหนขออีกคำซิ”
ทั้งสองคนเดินกินขนมอย่างสบายใจ
ปฐวีกับเมรินเดินมาจากอีกทาง ทั้งสองคู่มองหน้ากันแล้วชะงัก นาวินทำไมรู้ไม่ชี้เดินเข้ามาหาปฐวี
“เฮ้ย ไหนแกว่ามีนัดสำคัญไงวันนี้ แหม มีเดทกับครูบี๋ก็ไม่บอก” ปฐวีแซว
“ถ้าบอกก็ไม่ได้มากันสองต่อสองสิวะ” นาวินว่า
เมรินเดินไปหาสุดนภา
“หมายความว่ายังไงเนี่ย” เมรินถาม
“แค่กินข้าว ไม่มีอะไรซักหน่อย”
เมรินยิ้มล้อ “จริงเหรอ”
เมรินยิ้มขำ


ปฐวีกับเมรินเดินมาถึงที่รถ ปฐวีหัวเราะก๊าก
“ร้ายจริงๆ เจ้าวิน”
“น้าวีขำอะไรหรือคะ” เมรินถาม
“ก็น้าวินกับครูบี๋น่ะสิ สงสัยจะลงตัวซะแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คงดีนะคะ ครูบี๋เป็นคนน่ารัก ใครอยู่ด้วยก็มีความสุข”
ปฐวีมองเมรินนิ่ง “งั้นหรือ น้องเมย์รู้จักครูบี๋ดีใช่มั๊ย”
“ค่ะ รู้จักดี”
เมรินเดินขึ้นรถ ปฐวีมองตามแล้วยิ้ม


ปฐวีเดินมาส่งเมรินที่หน้าบ้าน
“พรุ่งนี้จะสอบแล้วนะ พร้อมหรือยัง” ปฐวีถาม
“พร้อมตั้งแต่เกิดแล้วค่ะน้าวี”
“ขี้คุย เหมือนใครเนี่ย”
“เหมือนน้าวี”
สองน้าหลานหัวเราะให้กัน
“เมย์เข้าบ้านนะคะ”
ปฐวีพยักหน้า เมรินวิ่งเข้าบ้านแล้วหันมายิ้มให้ปฐวี ปฐวียิ้มอย่างมีความสุขแล้วเดินออก


ปฐวีเดินออกจากห้องน้ำมานั่งที่โต๊ะ เขาหยิบรูปเมรินที่ถ่ายตอนไปวัดมาดูแล้วนึกย้อนไปถึงภาพเมรินที่กำลังติวหนังสือให้เพื่อน นึกถึงตอนที่ครูใหญ่ชื่นชมเมริน นึกถึงตอนที่เมรินอ้อนให้ปฐวีใส่สร้อยให้ นึกถึงตอนที่เมรินหอมแก้มปฐวีแล้วทำท่าเอียงอาย
“เรานี่ถ้าจะบ้าแฮะ หลงหลานตัวเองซะแล้ว”
ปฐวีหัวเราะขำตัวเอง เขาวางรูปเมรินบนโต๊ะ

เมรินนั่งยิ้มปลื้มปริ่มกับจี้รูปหัวใจที่ปฐวีใส่ให้ เธอล้มตัวลงนอนแล้วชักผ้าห่มคลุมโปง สักครู่เธอก็เปิดผ้าห่มออกมายกมือมามองจี้อย่างชื่นชม


วันต่อมา เด็กๆ ที่อยู่หน้าห้องสอบตื่นเต้นและคุยกันเสียงดัง สุดนภายืนถือข้อสอบอยู่หน้าห้อง
“นี่นักเรียนหยุดคุยกันได้แล้วค่ะ พร้อมทำข้อสอบรึยังคะ”
นักเรียนตอบพร้อมกัน “พร้อมแล้วค่ะ”
ครูเดินแจกข้อสอบ เด็กๆตื่นเต้นกันใหญ่
“หยุดก่อนค่ะ อย่าพึ่งลงมือทำข้อสอบนะคะ ฟังครูอธิบายก่อน ห้ามคุยกัน ห้ามถามกัน ถ้าใครทำเสร็จแล้วให้เดินมาวางไว้ที่โต๊ะครูหน้าห้อง เริ่มหยิบดินสอและลงมือทำได้แล้วค่ะ”
เด็กๆ หยิบอุปกรณ์เครื่องเขียนขึ้นมาแล้วลงมือทำข้อสอบ แคทนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดทำข้อสอบ มิ้งค์นั่งทำข้อสอบอย่างเอาจริงเอาจัง ส่วนเมรินนั่งทำข้อสอบแล้วก็วางดินสอนิ่งคิด
“ถ้าตั้งใจทำ ก็คงจะถูกหมด เราจะไปเอาเปรียบเด็กๆรึเปล่านะ แต่ถ้าแกล้งทำผิด มันก็จะเป็นการหลอกคนอื่นอยู่ดี รวมทั้งหลอกตัวเองด้วย เอาไงดีนะ” ตันหยงคิดในใจ
เมรินหยิบดินสองขึ้นมาแล้วลงมือทำข้อสอบช้าๆ สุดนภาเดินตรวจตั้งแต่หน้าห้องไปจนหลังห้อง นาวินเดินมาดูที่หนาห้องก็ยิ้มกับบรรยากาศในห้องสอบ นาวินพยักหน้าให้สุดนภา สุดนภายิ้มตอบ
ครูอีกคนแจกข้อสอบให้เด็กๆ เด็กๆรับข้อสอบไปแล้วก้มหน้าทำ เวลาผ่านไป เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น

เด็กๆ แตกฮือกันออกมาจากห้อง เมรินกับแคทยืนคุยกัน โดยแคททำหน้าเครียด
“เป็นยังไงบ้างแคท ทำได้หรือเปล่า” เมรินถาม
แคทนิ่งไม่ตอบแต่หน้าตาเป็นกังวล มิ้งค์ยิ้มร่าเริงเดินมา
“โหข้อสอบครั้งนี้ง่ายม๊ากมาก เราทำได้ทุกข้อเลยอ่ะ” มิ้งค์คุย
“โห น้องมิ้งค์เก่งจังเลยอ่ะ สงสัยได้ที่ 1 แน่เลย” เพื่อนๆ ชม
แคทหน้าเศร้า มิ้งค์มองเยาะเย้ย
“ทำไม่ได้ใช่ม๊า แคท”
“แคทไม่แน่ใจทำได้บ้างไม่ได้บ้าง กลัวคุณแม่ว่าจังเลย”
“ถ้าน้องแคทคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ก็ต้องมั่นใจ อย่ากลัว ถือว่าเราทำเต็มที่แล้วแม่คงไม่ว่าหรอก” เมรินบอก
“ทำไม่ได้ ก็คือไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้” มิ้งค์ย้ำ
พูดจบมิ้งค์ก็สะบัดหน้าเดินไป แคทมองตามหน้าเสีย
“เด็กร้ายกาจ” เมรินพูดกับแคท “ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างที่เมย์ว่า แคททำดีที่สุดแล้ว”
แคทพยายามฝืนยิ้ม เมรินมองด้วยความสงสาร

ประภัสสรเดินมาตามทาง สุดนภาเห็นก็รีบวิ่งไปต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณภัส” สุดนภาหันไปเรียกเมริน “น้องเมย์คุณแม่มารับแล้วค่ะ”
เมรินเดินออกมา ประภัสสรรีบเข้าไปประคองเมริน
“เป็นไงคะลูก พอทำได้มั๊ยคะ”
“ไม่ใช่แค่พอทำได้ ทำได้สบายมากค่ะ” เมรินบอก
สุดนภาแอบทำตาดุใส่เมริน เมรินชะงัก
“เอ่อ...พอทำได้ค่ะ ข้อสอบยากมาก” เมรินเปลี่ยนคำพูด
“โถ..ลูกแม่ ไม่เป็นไรนะคะ ทำได้ก็ดีแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ระดับน้องเมย์แล้วไม่มีตกแน่นอน จริงมั๊ยน้องเมย์”
เมรินแอบเบ้ปากใส่สุดนภา
“กลับกันเถอะค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะครูบี๋”


ประภัสสรกับเมรินเดินลงจากรถ สายแก้วรีบเข้ามารายงาน
“คุณภัส คะคุณหญิงให้มาเรียนว่า เชิญคุณภัสกับคุณเมย์ที่บ้านโน้นค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือจ๊ะ สายแก้ว” ประภัสสรถาม
“สายแก้วก็ไม่ทราบค่ะ แต่ทราบแค่คุณปรางค์คุณแก้ว คุณขวัญอยู่ครบ”
ประภัสสรถอนหายใจ แล้วมองลูกสาว อย่างสงสาร


ปรงทอง ปรางค์ทิพย์ ปรงแก้ว ปรงขวัญ นั่งพร้อมหน้าที่โถงบ้านปรงทอง ปรางค์ทิพย์มองเมรินที่เดินเข้ามาแล้วยิ้มเยาะ เมรินเดินเข้าไปสวัสดีปรงทอง ปรงทองสวมกอด
“คิดถึงคุณย่าจังเลย” เมรินบอก
“เอาปากมาเป็นกำนัลเชียวนะเจ้าเมย์ ได้ข่าวว่าวันนี้ไปสอบหรือ เป็นยังไงบ้างล่ะ พอทำได้บ้างมั๊ย” ปรงทองถาม
“ทำได้สิคะ” เมรินตอบ
“ทำได้ หรือได้ทำจ๊ะ” ปรางค์ทิพย์แขวะ
“แล้วเจ้าแก้วเจ้าขวัญล่ะ เป็นไงทำได้มั๊ยลูก” ปรงทองถามต่อ
ปรงแก้วกับปรงขวัญจะตอบ แต่ปรางทิพย์ชิงตอบก่อน
“ทำได้สิคะคุณยาย ไม่ใช่ธรรมดานะคะ ลูกแก้วลูกขวัญคงได้ที่ 1 อีก แหม แต่สองคนนี่ก็ได้จนเบื่อแล้วค่ะ”
ปรงทองพูดกับเมริน “แสดงว่าเรียนพิเศษกับครูบี๋แล้วได้ผลใช่มั๊ยแม่ภัส”
“คงต้องรอดูผลสอบก่อนค่ะ เห็นน้องเมย์บอกว่าทำได้ ใช่มั๊ยคะ”
“ทำได้คะ” เมรินย้ำ
ปรางค์ทิพย์ หัวเราะเยาะ
“โถ โถ อุตส่าห์มีครูมาสอนพิเศษตั้งนานสองนาน มันก็น่าจะดีขึ้นบ้างนะคะ จริงไหมแม่ภัส”
ประภัสสร เงียบ ปรางค์ทิพย์แขวะต่อ
“แต่ถ้าเรียนพิเศษแล้วไม่ดีขึ้นเนี่ย จะทำยังไงดีน๊า แม่ภัสคิดไว้รึยัง”
ประภัสสรนิ่ง เมรินมองปรางค์ทิพย์แล้วคิดก่อนจะพูด
“คุณย่าคะ ปีนี้น้องเมย์ตั้งใจว่าจะเอาที่ 1 มาฝากคุณย่าให้ได้ค่ะ”
ปรงทอง และประภัสสรมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
ปรางค์ทิพย์หน้าเหรอ ก่อนหัวเราะขำ “ที่ 1 ข้างท้ายหรือเปล่าจ๊ะ แม่เมย์”
“ของแบบนี้ต้องรอดูกันไปนะคะป้าปรางค์” เมรินบอก
ปรางค์ทิพย์ขำ “จ๊ะ ชั้นจะรอดู แม่คนเก่ง”
ปรงทองมองปรางค์ทิพย์แล้วส่ายหน้า ประภัสสรมองเมรินอย่างเป็นห่วง

ประภัสสรส่งเมรินเข้านอน แล้วห่มผ้าให้เมริน
“น้องเมย์ ทำไมวันนี้หนูพูดกับป้าปรางค์แบบนั้นล่ะ”
“เรื่องเรียนน่ะหรือคะ ทำไมล่ะคะ ถ้าน้องเมย์ไม่มั่นใจ น้องเมย์จะไม่พูดแบบนั้นเด็ดขาด”
“โธ่ลูก ไม่ว่าลูกจะสอบได้ที่เท่าไร แม่ภูมิใจในตัวลูกเสมอจ๊ะ”
“เมย์แค่อยากพิสูจน์ให้คนบางคนรู้ว่า ตัวเองไม่ได้รู้ทุกเรื่องเสมอไป”
ประภัสสรกอดเมรินไว้ “โธ่ลูกแม่ แม่แค่อยากเห็นน้องเมย์มีความสุข”
เมรินมองหน้าประภัสสร
“ความสุขของน้องเมย์ คือ คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน อยู่ด้วยกัน” เมรินบอก
ประภัสสรหลบตาเมริน
“เมย์รู้ว่า คุณพ่อไม่ค่อยได้กลับบ้านใช่มั๊ยคะ”
ประภัสสรเริ่มน้ำตาคลอ
“น้องเมย์อยากให้คุณแม่ใจเย็น และรับฟังคุณพ่อให้มากกว่านี้ น้องเมย์อยากให้คุณแม่หนักแน่นค่ะ”
ประภัสสรหลบหน้าแล้วแอบปาดน้ำตา
“ค่ะ คุณแม่จะพยายาม คุณแม่สัญญา”
เมรินยิ้มแล้วโผเข้ากอดประภัสสรไว้ ประภัสสรกอดลูกไว้เหมือนยึดเป็นกำลังใจ
“นอนนะคะคนเก่งของแม่”
ประภัสสรลุกขึ้นเดินไป
เมรินนั่งอยู่ที่เตียง
ตันหยงพูดเบาๆ “หวังว่าชั้นคงจะมีส่วนช่วยให้ชีวิตคู่ของคุณ ให้ดีขึ้นบ้างนะคะ คุณภัส”
เมรินล้มตัวลงนอนแล้วพูดกับสร้อยข้อมือ
“หมอวีคะ ชั้นได้ทำหน้าที่แทนน้องเมย์แล้วนะคะ”


พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้า เมรินกำลังนั่งดื่มนมอยู่ที่โต๊ะอาหารแต่ตามองกาแฟของประภัสสร
“น้องเมย์จะเอาอะไรคะ” ประภัสสรถาม
“กาแฟหอมน่าทานจังค่ะ”
“ไม่ได้นะคะ เด็กดื่มกาแฟไม่ได้หรอก พร้อมจะไปฟังผลสอบหรือยังคะ”
ปฐวีเดินเข้ามาวกหอมแก้มเมรินก่อนนั่งลง
“มาตาวีมาทานอาหารเช้าด้วยกันเลย”
“ขอกาแฟแก้วเดียวครับ” ปฐวีมองหา “พี่เมธีล่ะครับ”
ประภัสสรหลบตา เมรินมองแล้วตัดบท
“น้าวีดื่มกาแฟใช่ไม๊คะ เดี๋ยวเมย์ปรุงให้เองค่ะ”
ปฐวีงง “ทำได้หรือ”
“ทำได้สิคะ”
เมรินลุกขึ้นไปปรุงกาแฟ ประภัสสรกับปฐวีมองอย่างแปลกใจ เมรินทำอย่างคล่องแคล่ว
“มาแล้วค่ะ ลองชิมดูอร่อยมั๊ย”
ปฐวียกกาแฟขึ้นจิบ “อร่อยนะเนี่ย รู้ได้ไงว่าน้าวีทานกาแฟรสนี้”
“สังเกตสิคะ น้าวีชอบคิดว่าเมย์โง่อยู่เรื่อยเลย”
“ใครว่า พูดแบบนี้น้าวีงอนได้มั๊ยเนี่ย”
เมรินแกล้งง้อ “โอ๋ๆ อย่างอนนะคะ”
ปฐวีหัวเราะ “เนี่ยถ้าไม่ติดประชุม น้าวีต้องไปลุ้นผลสอบกับน้องเมย์ด้วย”
“ไม่เห็นต้องลุ้นเลยนี่คะ น้าวีเตรียมของขวัญให้เมย์ได้เลย”
ปฐวีขำ “ตกลง” ปฐวียกนาฬิกาขึ้นดู “ไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้น้าวีจะรีบกลับ มาหอมทีเร็วเข้า”
เมรินเอียงแก้มให้ปฐวีหอมอย่างเต็มใจ ปฐวีเดินไป เมรินมองตามแล้วยิ้มปลื้ม
ประภัสสรแซว “แหมน้าหลานคู่นี้ รักกันเหลือเกิน”
เมรินเขิน

ประภัสสรจูงมือเมรินมาที่หน้าห้องเรียน มิ้งค์วิ่งร้องไห้ออกมาเจอเมริน
เมรินถาม “มิ้งค์ เป็นอะไรไปหรือ”
มิ้งค์มองหน้าเมรินแล้วสะบัดหน้าใส่ก่อนจะวิ่งไป เมรินมองตามด้วยความงง เมรินเห็นนนท์วิ่งโวยวายออกมาจากห้องสอบ
“น้องเมย์ น้องนนท์สอบได้ที่ 4 แหละดีใจจังเลย เย้ๆ”
“เยี่ยมเลย ดีใจด้วยนะน้องนนท์”
นนท์วิ่งแล่นไปทั่ว ประภัสสรกับเมรินมองตามยิ้มๆ
ประภัสสรถามลูกสาว “พร้อมหรือยังคะ ตื่นเต้นมั๊ย”
“ไม่เลยค่ะ” เมรินยิ้ม
เมรินเดินไปหาครูอย่างมั่นใจ ประภัสสรมองตามเมรินอย่างงงๆ


ประภัสสรอ่านสมุดพกของเมรินแล้วหันไปมองหน้าเมรินด้วยความประหลาดใจ
ครูใหญ่พูด “ยินดีด้วยนะคะคุณแม่ ปีนี้น้องเมย์เรียนเก่งมาก สอบได้ที่ 1 ค่ะ”
“ค่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“เมย์บอกแล้วไงคะ ว่าปีนี้จะเอาที่ 1” เมรินบอก
ประภัสสรกอดเมรินไว้เพราะปลื้มสุดขีด
“แม่ดีใจ และภูมิใจในตัวลูกจริงๆเลยค่ะ คนเก่งของแม่ หนูทำได้จริงๆด้วย”
“เมย์ดีใจที่คุณแม่มีความสุขค่ะ”
ประภัสสรตื่นเต้นมาก เมรินยิ้มดีใจที่ประภัสสรยิ้มได้


ปรงทองมองโล่ของเมรินในมืออย่างชื่นชม
“ได้เรื่องเหมือนกันนะเรานี่”
เมรินรีบบอก “ก็น้องเมย์หลานคุณทวดนี่คะ”
ปรงทองกอดเมรินไว้อย่างปลื้มใจ ปรงทองและแม้นวาด ยิ้มชื่นชมเมริน
“เจ้าเมย์มันเก่งนะ บอกว่าจะเอาที่ 1 มาให้ทวด แล้วเจ้าก็ทำได้จริงๆ ทวดภูมิใจในตัวเจ้ามากนะ”
แม้นวาดเอ่ยชม “คุณเมย์เก่งจริงๆเลยค่ะ”
“แล้วนี่เจ้าวีรู้รึยังล่ะ ว่าน้องเมย์สอบได้ที่ 1” ปรงทองถาม
“ยังค่ะ น้องเมย์กะจะเซอร์ไพร้สน้าวีค่ะ คุณทวดกับทุกคนห้ามบอกก่อนนะคะ”
ประภัสสรยิ้มหน้าบาน
“งั้นทวดจะพาไปเลี้ยงฉลองเจ้าเมย์” ปรงทองหันไปบอกแม้นวาด “นี่แม้นวาดจัดการจองห้องอาหารให้ชั้นที ชั้นจะฉลอง ให้หลานชั้น”
บุญศรีที่ยืนแอบฟังอยู่ตาโตแล้วรีบวิ่งออกไปพร้อมจานผลไม้

บุญศรีวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบ้านปรางค์ทิพย์ ปรางค์ทิพย์เห็นจานผลไม้ในมือบุญศรีก็โมโห
“นี่ชั้นสั่งให้แกเอาผลไม้ไปให้คุณยาย แล้วทำไมไม่ให้”
บุญศรีนึกได้ “ขอโทษค่ะ ศรีลืม มีเรื่องใหญ่ค่ะ”
“ถ้าไม่ใหญ่จริงละก็น่าดู”
“ก็คุณเมย์น่ะสิคะ คุณเมย์สอบได้ที่ 1 ค่ะ”
“นี่แก จะโกหกอะไรก็ให้มันมีเค้าความจริงหน่อย”
“โธ่ คุณปรางค์เจ้าขา ศรีเห็นกะตา คุณเมย์เอาโล่รางวัลไปอวดคุณหญิงท่านนะคะ ตอนนี้คุณท่านสั่งให้จองโรงแรมเลี้ยงฉลองกันอีกนะคะเนี่ย”
ปรางค์ทิพย์ตะลึงก่อนจะผลักหัวบุญศรีจนเซไป
“อะไรกัน มันทำได้ยังไง แล้วมีเลี้ยงฉลองกันด้วยหรือ ทีลูกแก้วลูกขวัญได้จนเบื่อไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย”
“นั่นน่ะสิคะคุณปรางค์ บุญศรีได้ยินยังโกรธแทนเลยค่ะ”
“นี่เหรอยุติธรรม ที่แท้ก็พูดแต่ปาก”
ปรางค์ทิพย์ทำหน้าแค้น

นาวินนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ สุดนภากับครูใหญ่นั่งอยู่ในห้องทำงาน
“ปีนี้ผลการสอบของนักเรียนเราทำคะแนนสูงกว่าทุกปีเลยนะคะ “ ครูใหญ่บอก
“ขนาดนั้นเชียวหรือครับ ผมยังไม่ได้อ่านรายงานเลย ปีนี้ใครได้โล่ไปล่ะ” นาวินถาม
“เรื่องนี้ต้องให้ครูบี๋รายงานจะดีกว่านะคะ”
ครูใหญ่ กับนาวินหันไปมองหน้าสุดนภา สุดนภายิ้มเจื่อน
“เอ่อ ...เมรินค่ะ”
นาวินทำท่าพยักหน้าแล้วก็สะดุ้ง
“อะไรนะ น้องเมย์หลานเจ้าวีเนี่ยนะ”
“ใช่ค่ะ เก่งจนไม่น่าเชื่อจริงๆนะคะ” ครูใหญ่บอก
นาวินทำท่าแปลกใจ สุดนภาลุ้น
“แล้วนี่เจ้าวีมันรู้ข่าวหรือยังเนี่ย สงสัยป่านนี้ฉลองใหญ่แล้วมั๊ง...”
นาวินไม่ติดใจสงสัย สุดนภาแอบถอนหายใจโล่งอก


ปฐวีเดินเข้ามาในบ้าน เมรินเดินหน้าบานเข้ามาเกาะปฐวี
“น้าวีขา”
“ไง ผลสอบเป็นยังไงบ้าง” ปฐวีถาม
เมรินทำไม่รู้ไม่ชี้ ปฐวียิ้มปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าเราตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว”
เมรินยืนสมุดพกให้ปฐวีแล้วแกล้งทำหน้าเศร้า
“ถ้าเปิดแล้วน้าวีจะหัวใจวายมั๊ยเนี่ย”
ปฐวีอ่านในสมุดพกแล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าได้เกรด 4 ทุกตัว
“ได้4 ทุกตัวเชียวหรือ”
เมรินหน้าซีดที่ไม่เห็นปฐวีดีใจ ปฐวีเงยหน้าขึ้นจ้องมองเมรินแล้วก็ชะงักค้าง
เมรินกลัวโดนจับได้
ปฐวีมองเมรินด้วยสีหน้าเครียด


เมรินเริ่มทำหน้าตกใจ ปฐวีนิ่งไปแล้วก็ค่อยๆยิ้ม
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าน้องเมย์ของน้าวี จะเก่งขนาดนี้”
เมรินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ก็น้าวีเก่ง น้องเมย์ก็ต้องเก่งเหมือนน้าวีสิคะ” เมรินบอก
ปฐวียิ้มหยิกแก้มเมรินแล้วอุ้มหลานสาวขึ้นมากอดไว้ เมรินแอบโล่งใจ


ปฐวี เมริน ประภัสสร และปรงทองนั่งอยู่ในห้อง
“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ้าว ใครไปตามแม่ปรางค์มาหรือยัง” ปรงทองถาม
ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามายกมือไหว้ปรงทอง แต่หันไปมองค้อนเมริน
“คุณยายให้หาปรางค์มีอะไรหรือคะ”
“ชั้นก็อยากจะนัดพวกเธอไปเลี้ยงฉลอง ให้ยายเมย์น่ะสิ พรุ่งนี้หล่อนว่างหรือเปล่าล่ะแม่ปรางค์” ปรงทองถาม
“เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วย ทีลูกแก้วลูกขวัญสอบได้ออกบ่อย ไม่เห็นคุณยายจะตื่นเต้นเลย”
ทุกคนมองหน้ากัน ปรงทองถอนหายใจอย่างหนักอก
“แม่ปราง เจ้าเมย์น่ะมันเด็กหัวอ่อน มันเปลี่ยนมาเรียนดี เรียนเก่ง มันก็น่าชื่นชมยินดี มันไม่ถูกต้องรึยังไง และเลี้ยงคราวนี้ ชั้นก็ตั้งใจจะเลี้ยงให้ยายแก้วกับยายขวัญด้วย”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะคุณยาย ปรางค์ไม่เห็นว่า เรื่องแค่นี้จะเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วปรางค์ขอตัวนะคะ”
ปฐวีพูดขึ้น “พี่ปรางค์ครับ ไปเถอะครับ เด็กๆจะได้สนุกสนานกัน”
“ไม่จำเป็นหรอกวี มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอยู่แล้วนี่”
ปรางค์ทิพย์พูดจบก็ไหว้ลาปรงทองแล้วเดินออกไป ทุกคนมองหน้ากัน ปรงทองรู้สึกหนักอก


ปรางค์ทิพย์เดินหงุดหงิดเข้ามาในบ้าน
“ฉลองได้ที่ 1 หรือ สอบได้หนเดียวทำเป็นตื่นเต้นกันทั้งบ้าน”
ปรงแก้ว ปรงขวัญ นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่พื้น ปรางค์ทิพย์หงุดหงิดมากจึงเดินเข้ามากระชากตุ๊กตาของลูกแล้วขว้างทิ้งไป
“พวกแกมัวแต่เล่นไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ถึงได้แพ้นังเมรินนั่นไงล่ะ”
ปรงแก้วกับปนงขวัญตกใจจนขวัญเสียจึงวิ่งไปหลบหลังบุญศรี
“โธ่คุณปรางค์เจ้าขา แต่คุณแก้ว กับคุณขวัญก็สอบได้ที่ 1นะคะ” บุญศรีช่วยพูด
“แค่นั้นมันยังไม่พอ มันต้องเก่งกว่านังเมย์สิ”
“แล้วต้องสอบได้ที่เท่าไหร่ล่ะคะ ถึงจะเก่งกว่าที่ 1” ปรงแก้วถาม
ปรางค์ทิพย์ชะงักแล้วโวยวาย
“นี่แกเถียงชั้นหรือ ยายแก้ว ไม่รู้ละ แต่ถึงยังไงพวกแกต้องขยันขึ้นไปอีกให้มากกว่านี้ เข้าใจไหม”
“คุณแม่ขา ตอนนี้เราก็ทำแบบฝึกหัดวันละ 600 ข้อแล้วนะคะ ต้องมากกว่านี้หรือคะ” ปรงขวัญถาม
“ใช่ ต้องมากกว่านี้ ต่อไปนี้ชั้นจะงดกิจกรรม เปียนงเปียโน ไม่ต้องเรียนแล้ว พรุ่งนี้เป็นต้นไปชั้นจะให้พวกแกเรียนพิเศษ”
“คุณแม่ขา นี่มันเพิ่งปิดเทอมเองนะคะ”
“นั่นแหละ ปิดเทอมนี้พวกแกต้องเรียนทุกวัน ไม่อย่างนั้นนังเมย์มันแซงหน้าจะว่ายังไง”
ปรงแก้วกับปรงขวัญมองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันกรี๊ด
“คุณแม่ใจร้าย ๆๆ”
ปรงแก้วปรงขวัญวิ่งร้องไห้ขึ้นไปข้างบน ปรางค์ทิพย์นั่งลงเพราะปวดหัว บุญศรีค่อยๆขยับเข้าใกล้
“คุณปรางค์เจ้าขา อย่าหงุดหงิดเลยนะเจ้าคะ สงสารคุณแก้วคุณขวัญ”
ปรางค์ทิพย์เงยหน้ามองบุญศรีแล้วคว้าหนังสือขว้างใส่ บุญศรีหลบไปแบบกลัวๆ
“พอแล้วศรีกลัวแล้วเจ้าค่ะ คุณปรางค์”
“จะมานั่งมองหน้าชั้นทำไม ขึ้นไปดูเด็กๆซิ”
บุญศรีลนลานขึ้นไป ปรางค์ทิพย์มองตามอย่างหงุดหงิด
“มีแต่เรื่องให้ปวดหัว ไม่ได้ดั่งใจสักคน”
ปรางค์ทิพย์เครียด

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปฐวีนั่งอยู่ในห้อง เขาหยิบสมุดพกของเมรินขึ้นมาอ่าน
ปฐวีแปลกใจ “เก่งขึ้นขนาดนี้เชียวหรือ”
ปฐวีกดโทรศัพท์หานาวินทันที
นาวินที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่รับโทรศัพท์
“ว่าไงครับท่านปฐวี มีอะไรให้ผมรับใช้”
“แกรู้เรื่องน้องเมย์สอบได้ที่หนึ่งหรือยัง”
“ทราบแล้วครับ ดูรายงานและข้อสอบตัวจริงแล้วด้วย ผิดไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ทำไมงงล่ะสิ”
“ชั้นแค่แปลกใจ”
“เฮ้ย มีหลานเก่งทำไมต้องแปลกใจด้วยวะ ได้ข่าวว่าแกพาหลานไปผ่าตัดสมองมาไม่ใช่หรือ เค้าลือกันทั้งโรงเรียนแล้ว”
“ไอ้บ้า เอาแค่นี้ก่อนนะโว๊ย”
ปฐวีวางโทรศัพท์ลงแล้วมองสมุดพก
“เป็นไปได้หรือ”
ปฐวีครุ่นคิด


นาวินปิดโทรศัพท์ก่อนจะตักอาหารใส่ปากทำไม่รู้ไม่ชี้ สุดนภาที่นั่งร่วมโต๊ะมองนาวินอย่าลุ้นๆ
“คุณวีโทรมาเรื่องอะไร”
นาวินทำไม่รู้ไม่ชี้ สุดนภาหงุดหงิด
“จะบอกหรือไม่บอก”
“บอกก็ได้ เจ้าวีมันแปลกใจทำไมน้องเมย์ทำคะแนนดีขนาดนี้”
สุดนภาพูดแบบมีพิรุธ “อะไรกัน เรื่องแค่นี้ก็ต้องมีปัญหาด้วย” สุดนภาแอบบ่น “หยง หาเรื่องให้ชั้นแล้วมั๊ยล่ะ”
นาวินแอบมองสุดนภาอย่างสังเกต
“หรือว่าคุณมีอะไรปิดบังผม”
สุดนภาพปฏิเสธเสียงสูง “ไม่มี๊...”
“เสียงสูงขนาดนี้ แสดงว่ามี หรือคุณแอบเอาข้อสอบให้น้องเมย์ดู”
สุดนภาโวยวาย “จะบ้าหรือ ใครจะไปทำแบบนั้น แค่นี้ก่อนนะ จะไปห้องน้ำ”
สุดนภาเดินไป นาวินบ่นตามหลัง
“ผมแค่ล้อเล่น เป็นจริงเป็นจังไปได้”


นาวินเดินมาส่งสุดนภาที่หน้าห้องพักในคอนโด
“ขอบคุณมากนะ คุณกลับได้แล้ว”
“อ้าว ไม่เชิญผมเข้าไปกินน้ำกินท่าก่อนหรือ”
“ไม่ เพิ่งทานข้าวเสร็จ หิวอีกแล้วหรือไง”
สุดนภาเปิดประตูเข้าห้องแล้วปิดดังปัง นาวินยืนมองแล้วยิ้ม
นาวินมั่นใจ “นับไม่เกิน 3 คุณบี๋ต้องเปิดมารับเราแน่นอน 1....2.....”
สุดนภาเปิดประตูออกมา นาวินทำท่าจะเดินเข้าห้องแต่สุดนภาดันตัวนาวินไว้
“ใครให้คุณเข้ามา” สุดนภาส่งน้ำให้ 1 ขวด “อ่ะ เอาไป เดี๋ยวจะหาว่าชั้นไร้น้ำใจ”
สุดนภาปิดประตูดังปัง นาวินถือน้ำอย่างงงๆ
“ก็ยังดีว๊า....ได้แค่น้ำก็ชื่นใจแล้ว”
นาวินยกขวดน้ำขึ้นดูแล้วยิ้มๆ


สุดนภาเดินเข้ามานั่งยิ้มในห้อง
“นายนาวินนี่บ้าจริง..จริ๊ง” สุดนภานึกได้ “ต้องเตือนหยงก่อน”
สุดนภาหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก


เมรินกับประภัสสรนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ สายแก้วรีบมารายงาน
“น้องเมย์ขา ครูบี๋โทรมาค่ะ”
ประภัสสรถามทันที “โทรหาชั้นหรือเปล่าสายแก้ว”
“เปล่าค่ะ ครูบี๋บอกจะคุยกับน้องเมย์ค่ะ”
ประภัสสรมองหน้าเมรินด้วยความแปลกใจ เมรินรีบลุกขึ้นแล้วเลี่ยงไปรับโทรศัพท์
เมรินคุยโทรศัพท์
“มีอะไรหรือบี๋
สุดนภาคุยโทรศัพท์อยู่ที่ห้อง “หยงแกต้องระวังตัวนะ รู้มั๊ยเมื่อกี้คุณวีเค้าโทรมาถามคุณนาวินเรื่องแก”
เมรินชะงัก “ถามอะไร”
“อ้าว ก็เรื่องที่แกแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ไงล่ะ เตือนให้แกระวังไว้ก่อน คุณปฐวีน่ะเค้าไม่ใช่เด็กๆนะ เดี๋ยวจะมีปัญหา”
เมรินหน้าเครียด เธอวางโทรศัพท์แล้วเดินมานั่งข้างประภัสสร
“ครูบี๋โทรมามีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ประภัสสรถาม
“อ๋อ ไม่มีหรอกค่ะ ครูบี๋โทรมาแสดงความยินดีที่น้องเมย์สอบได้ที่ 1”
“แหมครูบี๋นี่นารักจริงๆนะ เห็นมั๊ย ใครๆก็ดีใจ ดูน้าวีสิ พอได้ข่าวว่าน้องเมย์สอบได้ที่ 1 น้าวีอึ้งไปเลย”
ประภัสสรดึงเมรินมากอดไว้ เมรินยิ้มเจื่อน


เมรินนอนกระสับกระส่ายแล้วพลิกตัวกลับไปกลับมา เธอนึกถึงตอนที่ปฐวีเห็นสมุดพกแล้วนิ่งไปอย่างคิดหนัก
เมรินถอนหายใจ
“นี่ชั้นหาเรื่องใช่มั๊ยเนี่ย ตันหยงเอ๊ย”
เมรินหน้าเครียด


เช้าวันใหม่ รถของหนึ่งฤทัยจอดอยู่ข้างทาง หนึ่งฤทัยมองหน้ารถตัวเองที่มีควันขึ้น
“ทำยังไงดีล่ะเนี่ย” หนึ่งฤทัยมองนาฬิกา
หนึ่งฤทัยคิดว่าจะทำยังไงดี


ปฐวีที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินพูดโทรศัพท์ลงบันไดมาด้วยท่าทางรีบร้อน
“ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ประภัสสรเดินเข้ามาในบ้าน
“วี ไปทำงานแต่เช้าเชียว ทานกาแฟกับพี่ก่อนมั๊ย”
“คงไม่ทันแล้วครับพี่ภัส ผมต้องไปรับหมอหนึ่ง”
“งั้นก็ไปเถอะจ๊ะ”
ปฐวีเดินไป ประภัสสรมองตาม
เมรินวิ่งลงจากบ้านมาอย่างรีบร้อน
“น้าวีค่ะ น้าวี คุณแม่ขาน้าวีไปแล้วหรือคะ ทำไมไปแต่เช้าเลย”
“อ๋อ น้าวีมีธุระจ๊ะ”
เมรินงง
“ต้องไปรับหมอหนึ่ง หมอหนึ่งคนที่น้าวีพามาบ้านนั่นแหละ สงสัยจะเป็นแฟนน้าวีแน่แล้ว”
เมรินได้ยินก็อึ้งจนคอตก เธอหันหลังเดินเข้าบ้านทันที ประภัสสรมองเมรินแบบงงๆ

เมรินนั่งเศร้าเพราะคิดไม่ถึงว่าปฐวีจะเป็นแฟนกับหนึ่งฤทัย
“น้าวี.....กับหมอหนึ่ง” เมรินประชด “ความจริงเค้าก็เหมาะสมกันแล้วนี่” เมรินคิดในใจ “แล้วทำไมเราต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ”
เมรินนั่งจับเจ่าเท้าคางอยู่ลำพัง


หนึ่งฤทัยยืนรออยู่ข้างรถตัวเองที่จอดอยู่ ปฐวีขับรถมาจอด หนึ่งฤทัยรีบวิ่งมาหา
“หนึ่งขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวนวี ขับมาดีๆไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆรถก็ดับไป หนึ่งหาเบอร์ศูนย์บริการไม่เจอค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลองดูให้ก่อนนะครับ”
ปฐวีเปิดประตูเข้าไปเปิดฝากระโปรงรถ แล้วเดินไปดูที่ห้องเครื่องยนต์ที่มีควันพวยพุ่ง
“สงสัยมีปัญหาหม้อน้ำรั่ว คงต้องเรียกช่างแล้วละครับ”
หนึ่งฤทัยงง “หนึ่งไม่สันทัดเรื่องเครื่องยนต์เลยค่ะ”
ปฐวีขำ “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมโทรตามช่างที่ศูนย์ มาจัดการให้ดีกว่านะครับ”
ปฐวีกดโทรศัพท์ หนึ่งฤทัยมองปฐวีอย่างโล่งใจ


ปฐวีนั่งกินอาหารเช้ากับหนึ่งฤทัยในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“หนึ่งอายจังเลยค่ะ เป็นถึงหมอ แต่เรื่องรถ ขับเป็นอย่างเดียว”
“ไม่ต้องอายหรอกครับ เรื่องธรรมดา คนเราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง”
“นั่นแหละค่ะ น่าอายจัง”
ปฐวียิ้มขำ หนึ่งฤทัยแอบมองปฐวี
“ถ้าไม่ได้หมอวีหนึ่งคงแย่แน่ๆเลย มีเหตุฉุกเฉินทีไร หนึ่งเป็นต้องรบกวนวีทุกครั้งเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีนะ ที่หนึ่งคิดถึงผมเป็นคนแรก”
ปฐวีตักอาหารให้หนึ่งฤทัย หนึ่งฤทัยมองแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ทานเถอะครับ เดี๋ยวจะได้รีบไป”
“ค่ะ”
หนึ่งฤทัยก้มหน้ากินอาหารเช้า ปฐวีมองเลยไปด้านหลังหนึ่งฤทัยแล้วก็ชะงัก หนึ่งฤทัยสังเกตเห็น
“วีคะ เป็นอะไรไป มีอะไรหรือเปล่า”
ปฐวีตอบแบบมีพิรุธ “เปล่าครับ เรารีบทานเถอะนะครับ”
ปฐวีก้มหน้ากินแบบมีพิรุธส่วนหนึ่งฤทัยมองอย่างงงๆ


พิรามยืนอยู่ข้างเตียงที่ร่างตันหยงนอนอยู่ เขาหยิบรูปตันหยงตอนที่ถ่ายในงานหมั้นคู่กันมาวางที่โต๊ะข้างเตียง พิรามเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้ตันหยง
“ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อทำให้เราสอง คนกลับมามีวันที่มีความสุขเหมือนเดิม”
พิรามนั่งลงอ่านหนังสือใกล้ๆตันหยง
บุหงากับพินิจยืนดูอยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกมา บุหงาซับน้ำตา
“พิรามทำแบบนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา”
“อย่างน้อย มันคงเป็นการถ่ายโทษในใจของพิรามนั่นแหละ” พินิจบอก
“แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรกับลูกเราเลยนะคะคุณ”
“อย่างน้อยที่สุด พิรามก็ได้แสดงความจริงใจกับลูกเราแล้วนะ ผมว่าคุณควรจะยกโทษให้เค้าได้แล้วละ”
บุหงานิ่งคิดแล้วหันไปมองพิรามที่ดูแลตันหยงเป็นอย่างดี


หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินมาตามทางจนถึงหน้าห้องตันหยง
“เดี๋ยวหนึ่งต้องไปตรวจเยี่ยมคุณตันหยง เข้าไปด้วยกันมั๊ยคะ”
ปฐวีลังเล “อย่าดีกว่าครับ เชิญหมอหนึ่งเถอะ ผมต้องไปเยี่ยมคนไข้ผ่าตัดเมื่อวานนี้”
“งั้นหรือคะ”
ปฐวีจะเดินไปแต่แล้วก็นึกได้จึงหันมาเรียกหนึ่งฤทัย
“เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปส่งให้นะครับ”
หนึ่งฤทัยยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะ”
ปฐวียิ้มแล้วเดินไป หนึ่งฤทัยดีใจ


ปฐวีเดินออกมา สุดนภาเห็นก็ชะงัก
“อ้าวครูบี๋ มาเยี่ยมเพื่อนหรือครับ”
“อ๋อค่ะ หมอวี ขอตัวก่อนนะคะ”
สุดนภาทำท่าจะเดินไป ปฐวีรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”
“ปรึกษาหรือคะ เรื่องอะไร”
“เรื่องน้องเมย์ครับ”
สุดนภายืนเครียดเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี


สุดนภากับปฐวีนั่งคุยกันในร้านกาแฟ สุดนภาอึดอัดและไม่อยากนั่งอยู่
“ครูบี๋สังเกตว่าน้องเมย์ผิดปกติหรือเปล่าครับ” ปฐวีถาม
“ผิดปกติยังไงคะ”
“ฉลาดขึ้น เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น อะไรทำนองนี้”
“แล้วคุณวีล่ะคะ รู้สึกยังไง เอ่อ...จริงๆแล้วคุณอยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าบี๋นะคะ”
ปฐวีนิ่งคิด “ผมก็บอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะใกล้ชิดกันมาก ผมเลยไม่รู้สึกอะไรก็ได้”
“บี๋ก็ไม่เห็นว่าน้องเมย์จะผิดปกติอะไรนะคะ เด็กวัยนี้พัฒนาการโน้มไปตามสังคม หมายถึง เด็กจะปรับตัวตามสังคมสิ่งแวดล้อม ถ้าอยู่กับผู้ใหญ่เด็กก็จะแสดงพฤติกรรมเป็นผู้ใหญ่ มากกว่าเด็กที่อยู่กับเด็กด้วยกัน”
“ครูบี๋พูดเป็นวิชาการเชียวนะครับ”
สุดนภายิ้มเจื่อน


เมรินเดินกระสับกระส่ายอยู่ในบ้าน ประภัสสรสังเกตเห็น
“น้องเมย์เป็นอะไรไปคะ”
“รอน้าวีค่ะ ไม่รู้วันนี้น้าวีจะกลับตอนไหน” เมรินชะเง้อมอง
“คงดึกแหละค่ะ เมื่อครู่นี้น้าวีโทรมาบอกวันนี้มีธุระไม่กลับมาทานข้าว น้องเมย์มีอะไรกับน้าวีหรือคะ”
เมรินจ๋อย “ไม่มีหรอกค่ะ”
เมรินเดินคอตกขึ้นข้างบน ประภัสสรมองตามไป
ปรางค์ทิพย์เดินเข้ามาในบ้าน
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ แม่ภัส”
ประภัสสรหันมามองปรางค์ทิพย์แล้วยิ้มเจื่อน ปรางค์ทิพย์ยิ้มร้าย


ตกกลางคืน ปฐวีเดินลงมาส่งหนึ่งฤทัยที่หน้าคอนโด
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง เอ่อ ตอนนี้รถติดมากเลย วีจะเข้าไปดื่มกาแฟก่อนไหมคะ”
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ”
“โธ่ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ หนึ่งต่างหากที่เป็นฝ่ายรบกวน”
“ผมมีธุระ ไม่รบกวนดีกว่าครับ”
“วี มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ เห็นหน้าเครียดตั้งแต่ออกจากร้านอาหารเมื่อเช้าแล้ว”
ปฐวีงงๆ แต่ก็ยิ้มให้ “ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมขอตัวก่อนนะ”
ปฐวีขึ้นรถแล้วขับออกไป หนึ่งฤทัยมองตามอย่างผิดหวัง

ประภัสสรนั่งเงียบอยู่ในห้องรับแขกเพราะกำลังนึกถึงตอนที่เธอกับปรางค์ทิพย์นั่งคุยกันก่อนหน้านี้
“พี่เห็นเธอไม่ค่อยสบายใจเลยแวะมาคุยด้วย เป็นอะไรไป หมู่นี้ดูซูบๆไปนะเรา”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ภัสแค่นอนดึกเท่านั้นเอง”
“นอนดึกเพราะรอนายเมธีใช่มั๊ย อย่ามาปดพี่เลย”
ประภัสสรหลบตาไม่ยอมตอบ
“ไม่เข้าใจจริงจริ๊ง ทำไมถึงไม่รักเมียบ้างเลยน๊า เหมือนจะหลบหนีหน้ากันเลยนะแบบนี้ กลับดึก ออกแต่เช้า แสดงว่าพี่พูดไว้ไม่ผิด นายเมธีน่ะ แต่งกับเธอเพราะเงิน ถ้าเธอมีแต่ตัว เค้าก็คงไม่แลหรอก นี่ขนาดมีเงินนะ ยังทำอะไรไม่ไว้หน้ากันเลยผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์กับเมียน่ะ มันก็เหมือนมะเร็งนั่นแหละ มันกัดกินทำร้าย ทำลายจิตใจของเรา ที่ร้ายกว่าก็คือการที่ไปแอบมีอะไรๆ ไว้นอกบ้าน แต่พอกลับมาตีหน้าว่าเสียใจ ขอโทษขอโพย แต่ลับหลังเราก็ไปเริงร่ากับคนใหม่ ทิ้งให้เราเฉาอยู่ที่บ้าน คนรักกันจริง เค้าไม่ทำกันแบบนี้หรอก”
“แต่ภัสไม่อยากเชื่อว่าคุณเมธีจะทำแบบนั้นได้”
“เธอเชื่ออย่างนั้นน่ะ มันดีสำหรับครอบครัวแล้วล่ะจ๊ะแม่ภัส พี่สงสารเธอจริงเชียว ถ้าเธอแต่งงานกับคนอื่น ป่านนี้เธอคงไม่ต้องมานั่งน้ำตาตกในแบบนี้หรอกแม่ภัสเอ๊ย”
ประภัสสรคิดหนัก ส่วนปรางค์ทิพย์แอบยิ้มร้าย


เมื่อนึกถึงคำพูดของปรางค์ทิพย์ ประภัสสรก็ถอนหายใจยาวคล้ายจะสะอื้น ปฐวีเดินเข้ามายืนมอง เขาเห็นประภัสสรนั่งเศร้าก็ถอนหายใจแล้วไปนั่งข้างๆ
“พี่ภัสครับ”
ประภัสสรสะดุ้ง “อ้าววี มาเมื่อไหร่นี่ น้องเมย์บ่นหาน้าวีทั้งวันเลย”
“หรือครับ นี่น้องเมย์หลับหรือยัง”
“ป่านนี้คงหลับไปแล้วละ วีเหนื่อยมั๊ย ทานอะไรมาหรือยัง”
ประภัสสรทำท่าจะลุกขึ้นไปจัดอาหารให้ ปฐวีดึงมือไว้
“พี่ภัสครับ ช่วงนี้พี่เมธีงานยุ่งมากเหรอครับ ผมไม่ค่อยเจอเลย”
ประภัสสรเมินหน้า “พี่ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่ได้คุยกันนานแล้ว”
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ พี่ภัส”
ประภัสสรนิ่งไม่ตอบแต่น้ำตาคลอ
“ทำไมพี่ภัสไม่ลองหาโอกาสคุยกันบ้างละครับ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ค่อยดีนะครับ”
“พี่เหนื่อยแล้ววี ทะเลาะกันทุกที เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องทะเลาะกันให้ลูกเห็น”
“แต่น้องเมย์เป็นเด็กฉลาดนะครับ ถึงไม่พูดเค้าก็ซึมซับความรู้สึกได้”
“ชีวิตคู่น่ะ มันต้องปรับตัวทั้งสองคนนะวี จะให้ใครคนใดคนหนึ่งทำอยู่คนเดียวน่ะ มันไม่สำเร็จหรอก”
ประภัสสรเศร้า ปฐวีมองประภัสสรอย่างหนักใจ


เมธีนั่งที่โซฟาห้องพักของฉัตรพร ฉัตรพรคุกเข่าถอดรองเท้ากับถุงเท้าให้ เมธีมองฉัตรพรแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
“เดี๋ยวฉัตรไปเอาน้ำมาให้นะคะ รอฉัตรแป๊บนึงนะคะ”
เมธียิ้มอย่างผ่อนคลายแล้วมองตามฉัตรพรไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉัตรพรชะงัก เมธีหน้าเครียด
“ไม่ต้องรับบ้างก็ได้ค่ะคุณเมธี เห็นคุยเรื่องงานทีไรคุณเครียดทุกที” ฉัตรพรแนะนำ
“ไม่เป็นไร”
เมธียิ้มให้แล้วกดรับโทรศัพท์ก่อนจะเดินหันหลังคุย
“วี มีอะไรหรือ”
เมธีฟังโทรศัพท์หน้าเครียดแล้วแอบหันมามองฉัตรพรเป็นระยะ ฉัตรพรรินน้ำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่เงี่ยหูฟังตลอด
“ได้ๆ ตอนนี้พี่ขับรถอยู่ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เมธีพูดโทรศัพท์
ฉัตรพรเดินมาส่งแก้วน้ำให้เมธี
“ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนมั๊ยคะ เดี๋ยวฉัตรนวดให้”
“ผมคงอยู่ไม่ได้แล้ว”
“งั้นหรือคะ ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”
“ไว้คราวหน้านะ”
“งั้นฉัตรเดินไปส่งนะคะ”
ฉัตรพรเดินกอดเมธีแล้วส่งไปขึ้นรถ
“ขับรถดีๆนะคะ ฉัตรรักคุณนะคะ”
เมธียิ้มให้ ฉัตรพรมองตาม


ปฐวีนั่งอยู่ริมสระน้ำ เมธีเดินเข้ามา
“วีมีเรื่องอะไรด่วนหรือ”
“ผมต้องขอโทษด้วย ถ้าผมก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่เมธีกับพี่ภัส” ปฐวีเกริ่น
“วีกำลังจะบอกอะไรพี่”
“เมื่อเช้าผมเห็นพี่เมธี”
เมธีอึ้ง

ปฐวีนึกถึงตอนที่เขานั่งกินข้าวกับหนึ่งฤทัยแล้วเห็นเมธีเดินควงแขนกับฉัตรพร ฉัตรพรทำหน้าฉอเลาะกับเมธี

ปฐวีมองหน้าเมธี
“ผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่แค่เพื่อนใช่มั๊ยครับพี่เมธี”
“พี่ไม่มีคำอธิบาย ทุกอย่างเป็นอย่างที่วีเห็น พี่ยอมรับ” เมธีบอก
“แล้วพี่ภัส ทราบเรื่องนี้ไหมครับ”
เมธีเครียด “ถ้ารู้.......เค้าคงขอหย่ากับพี่แน่”
ปฐวีอึ้ง
“วีอาจจะมองพี่ไม่ดี พี่ก็เข้าใจ และยอมรับ พี่คงเห็นแก่ตัวเกินไปที่เลือกหาความสุขเล็กๆน้อยๆ แต่ขอให้วีเข้าใจว่าพี่รักพี่สาวของวีมาก พี่รักน้องเมย์ ทั้งสองคือที่สุดในชีวิตพี่”
“แต่ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ นอกจากผม พี่อาจจะต้องสูญเสีย สิ่งที่พี่รักที่สุดไปนะครับ”
เมธีแทบสะอึก เขาเครียดจนน้ำตาซึม
“พี่เมธีครับ ผมไม่อยากให้ทุกอย่างสายจนเกินแก้นะครับ”
เมธีเงยหน้ามอง “วี..... ขอบใจ ที่เตือนสติพี่”
ปฐวีรู้สึกผิดหวังในตัวเมธี ทั้งสองยืนอยู่โดยไม่พูดจากัน

เมรินนอนหลับอยู่บนเตียง เมธีก้มลงหอมแก้มเมรินอย่างอ่อนโยน เมรินงัวเงียลืมตาขึ้น
“คุณพ่อกลับมาแล้วเหรอคะ น้องเมย์ไม่ได้เจอคุณพ่อตั้งนาน”
“พ่อขอโทษลูกด้วยนะคะ ที่พ่อละเลย ไม่ดูแลลูก พ่อนี่แย่จริงๆ”
“น้องเมย์ไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ แต่คุณแม่สิคะ คุณพ่อไปง้อคุณแม่เถอะคะ”
“พ่อก็อยากง้อ แต่แม่เค้าไม่ยอมพูดกับพ่อเลย”
“คุณพ่อก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ค่ะ ผู้หญิงน่ะใจแข็งไม่นานหรอกค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ ลูกสาวพ่อนี่เก่งจังเลย”
“ตั้งแต่คุณพ่อไม่ค่อยกลับบ้าน คุณแม่ก็ไม่มีความสุขเลย แอบร้องไห้บ่อยๆ เมย์สงสารคุณแม่ค่ะ”
เมธีนิ่งสำนึกผิด
“พ่อไม่น่าทำให้คุณแม่เสียใจเลย พ่อขอโทษ”
เมธีหน้าเศร้า เมรินมองเมธีแล้วแอบถอนหายใจ


เมธียืนมองประภัสสรที่นอนหันหลังอยู่บนเตียง ประภัสสรนอนลืมตา พอเมธีขยับเข้ามาใกล้ ประภัสสรก็แกล้งหลับ เมธีเดินไปห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยนแล้วลงไปนั่งที่เตียงโดยหันหลังให้ประภัสสร
“ผมขอโทษ นะคุณภัส ผมผิดเอง ผมยอมรับผิดทุกอย่างผมไม่ควรทำให้คุณเสียใจ”
ประภัสสรลืมตาขึ้นแล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหล


เช้าวันใหม่ ทุกคนนั่งกันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร ปรงทองนั่งยิ้มมอง เมธี ประภัสสร ปฐวี และเมรินนั่งกินอาหารเช้า
“วันนี้ฤกษ์ดี พ่อเมธีมาทานอาหารเช้ากับย่าได้ ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ย่าเห็นแล้วชื่นใจ”
เมธีอ้อมแอ้ม “ช่วงนี้งานผมยุ่งมากเลยครับ”
“ย่าเข้าใจ แต่พ่อเมธีเอ๊ย คนเราต้องรู้จักแบ่งเวลา เวลาไหนงาน เวลาไหนครอบครัว ลดเวลาทำงานลงบ้างเถอะ มีเงินมากมายแต่ไม่มีเวลาให้ครอบครัว จะมีความสุขได้ยังไงกัน”
เมธีแอบมองประภัสสร
“ครับคุณย่า”
“ดูสิน่าภูมิใจขนาดไหน เจ้าเมย์สอบได้ที่ 1 พ่อเมธีมัวแต่ทำงานเลยไม่ได้มาร่วมยินดีด้วยเลย”
เมธีหันมองเมรินอย่างตกใจ
“พ่อขอโทษนะลูก”
เมรินยิ้มให้เมธี
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณพ่อกลับมาทานข้าวพร้อมกัน เมย์ก็ดีใจแล้วค่ะ”
ปรงทองยิ้ม เมธีพยายามสบตาประภัสสร แต่ประภัสสรไม่ยอมมองหน้าเขา เมธีมองปฐวี แล้วถอนใจ ปฐวีสังเกตทุกคน


ที่ออฟฟิศของเมธี เมธียืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด เมธีรู้สึกเครียด

ประภัสสรส่งแฟ้มให้ปรงทอง
“คุณย่าคะ รายงานของมูลนิธิ ภัสตรวจเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบใจมาก แล้วเรื่องทุนการศึกษาของหมอใหม่ในมูลนิธิล่ะเป็นยังไงบ้าง แม่ภัสดูให้ย่าหรือยัง”
“ภัสจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ปลายปีนี้หมอรุ่นแรกจากทุนของมูลนิธิฯ จะมาเริ่มฝึกงานที่โรงพยาบาลของเราค่ะ”
“ดีจริง ได้ทำประโยชน์ให้คนรุ่นหลังบ้าง ตายไปก็ไม่เสียชาติเกิดจริงมั๊ยแม่ภัส”
ประภัสสรเหม่อ ปรงทองมองแล้วถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า
“แม่ภัส”
ประภัสสรสะดุ้ง “อะไรเหรอคะคุณย่า”
“นี่เรายังไม่คุยกับพ่อเมธีอีกหรือ”
ประภัสสรก้มหน้าไม่ตอบ ปรงทองถอนหายใจ
“แม่ภัสทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ผัวเมียกันมัวแต่ถือทิฐิ ไม่ยอมพูดจากัน ซักวันเถอะเราจะเสียใจ”
ประภัสสรนิ่งคิดแล้วก็เศร้า

รถพยาบาลวิ่งเข้ามาจอดหน้าห้องฉุกเฉิน คนไข้ถูกนำขึ้นเตียงแล้วเข็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งฤทัยเดินออกมารับคนไข้แล้วเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หมอสัมภาษณ์คนไข้ก่อนจะสั่งให้พยาบาลเข็นคนไข้เข้าห้อง
หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินคุยกันอย่างเคร่งเครียดตามทางเดิน พอถึงหน้าห้อง ปฐวีก็สั่งงานหนึ่งฤทัยแล้วแยกเข้าห้องไป หนึ่งฤทัยรับคำสั่งแล้วเดินไปอีกห้อง
ในห้องผ่าตัด ปฐวีกำลังรักษาคนไข้โดยการผ่าตัดผ่านกล้อง ปฐวีเคร่งเครียด พยาบาลซับเหงื่อให้ปฐวี


ปฐวีเดินออกจากห้องผ่าตัด ญาติๆ ที่รอฟังอาการพอเห็นปฐวีเดินออกมาก็เดินเข้าไปรุมล้อมถามอาการ
“ใจเย็นๆนะครับ การผ่าตัดเรียบร้อยดี”
“จริงหรือคะ แล้วจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมมั๊ย” ญาติถาม
“ต้องให้คนไข้พักฟื้นก่อนนะครับ แล้วดูอาการอีกที”
ญาติกังวล
“ผมใช้วิธีส่องกล้องผ่าตัด แผลผ่าตัดจะเล็กกว่าวิธีการเดิมที่ต้องเปิดกะโหลก เพื่อไม่คนไข้จะบอบช้ำมาก และฟื้นตัวเร็วกว่า คาดว่า ใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน คนไข้ก็คงรู้สึกตัวน่ะครับ ผมไม่อยากให้เป็นกังวลกันมาก”
ญาติดีใจ “ขอบคุณนะคะคุณหมอ ขอบคุณค่ะ”
ปฐวียิ้มดีใจที่ญาติคนป่วยสบายใจ แล้วเขาก็เดินไป

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปฐวีเดินเข้ามาในห้องทำงาน พอเขาเห็นกระเช้าดอกไม้ และขนมก็งง จริญทิพย์เดินเข้ามาพร้อมแฟ้ม
“นี่มันอะไรกันครับ” ปฐวีถาม
“อ๋อ ญาติคนป่วยน่ะค่ะ เอามาให้คุณวี”
“ให้ทำไมครับ”
“อ้าว ก็คุณหมอรักษาญาติเค้าหายไงคะ เมื่อวานก็รายนึง วันนี้อีก”
ปฐวีไม่ได้สนใจ เขาหยิบเอกสารไปพูดไปด้วย
ปฐวีตำหนิ “ผมเคยสั่งแล้ว ว่าไม่ให้คุณทิพย์รับไว้ รักษาคนป่วยให้หายเป็นหน้าที่ของหมอทุกคน”
จริญทิพย์แหยๆ “ทิพย์ก็ปฏิเสธแข็งขันแล้วนะคะ แต่พวกเค้า ..แข็งกว่าทิพย์ แฮ่ะๆ..... มีของคุณพิรามด้วยนะคะ คู่หมั้นของคุณตันหยงไงคะ”
ปฐวีชะงักแล้วก็หน้าเครียด จริญทิพย์งง ปฐวีหงุดหงิด
“คุณปฐวีโกรธทิพย์หรือคะ ทิพย์ขอโทษนะคะ”
ปฐวียิ้มแล้วส่ายหน้า “เปล่าหรอกครับ”
จริญทิพย์นึกได้ “จริงสิ คุณหมอวัฒน์ว่างแล้วค่ะ”
“อ้าว ทำไมไม่เชิญเข้ามาเลยล่ะ”
จริญทิพย์แปลกใจกับอารมณ์ของปฐวี เธอรีบเดินไปตามหมอวัฒน์ทันที


จริญทิพย์เดินตัวปล่าวออกมาจากห้องปฐวี
“คุณหมอวีเนี่ย ไม่อยากรับก็ไม่เห็นต้องปฏิเสธเลย เอาไว้แจกพวกทิพย์ก็ได้ เป็นชั้นนะ จะรับไว้ให้หมดเลย”


สุดนภาเดินเข้ามาในบ้านประภัสสร ขณะที่นาวินเดินแบกของจนหลังแอ่นตามมา
“ทำไมต้องมาหานักเรียนถึงบ้านด้วย จะเอารางวัลครูดีเด่นหรือ” นาวินถาม
สุดนภาพรำคาญ “ไหนบอกว่าถ้าให้มาด้วยจะไม่บ่นไงล่ะ”
“ก็มันหนักนี่นา ผมสงสัยจริง.จริ๊ง มาที่นี่อยากเจอน้องเมย์หรือใครกันแน่”
สุดนภาหันขวับ นาวินชะงัก
“ถ้าพูดแบบนี้อีกครั้ง กลับบ้านไปเลยแล้วไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก”
“ก็ได้ ก็ได้ ล้อเล่น ทำไมต้องโกรธด้วย”
สุดนภาหมอความอดทนจึงหันไปศอกใส่นาวินอย่างแรง จนนาวินสะดุ้งตัวงอ
“โอ๊ย เจ็บนะคุณ”
“ดี เจ็บแล้วจะได้จำ ไม่ทำผิดซ้ำอีก”
เมรินวิ่งมากอดสุดนภา ทั้งสองคนกอดกันด้วยความดีใจ
“คิดถึงจังเลย คิดว่าจะไม่มาหาซะแล้ว” เมรินบอก
“ต้องมาสิ ชั้นก็คิดถึงแกเหมือนกัน ไป ไปหาที่นั่งคุยกันก่อน”
เมรินกับสุดนภาจูงมือกันเดินไปทิ้งนาวินไว้
นาวินงง “โอโห้ จะคิดถึงกันขนาดนั้น ไม่อยากจะเชื่อ ครูนักเรียนคู่นี้”
นาวินมองทั้งคู่แบบงงๆ


ปฐวีอธิบายฟิล์มเอ็กซเรย์ 2-3 เฟรมบนหน้าจอ วัฒน์พยักหน้ารับฟัง ปฐวีลงนั่ง
“จะเป็นไปได้มั๊ยครับ ที่หลังจากอุบัติเหตุ สมองบาดเจ็บ แล้วทำให้เด็กฉลาดขึ้น”
“เคยมีบางเคส ในต่างประเทศ แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ เป็นคนไข้ชาย ประสบอุบัติเหตุแล้วพอฟื้นขึ้นมา กลายเป็นอัจฉริยะ มีความสามารถในการคำนวณ และทักษะทางภาษา คือพูดได้ถึง 3 ภาษาทั้งที่ไม่เคยเรียนมาก่อน แต่ตอนท้าย แพทย์ตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ตอนหลังก็เสียชีวิตไป”
“ผมตรวจดูแล้ว หลานผมก็ปรกติดีทุกอย่าง” ปฐวีบอก
ปฐวีนิ่งคิด


ปฐวีเดินออกมาส่งวัฒน์ พิรามเดินเข้ามาจากอีกทาง ปฐวีชะงัก
“คุณหมอปฐวี ผมขอเวลาซักครู่ได้มั๊ยครับ” พิรามบอก
ปฐวีงง “เอ่อ...ครับ คุณพิรามมีอะไรกับผมหรือครับ”
“ผมอยากคุยเรื่องคู่หมั้นของผม”
ปฐวีแอบหนักใจ


เมรินและสุดนภานั่งคุยกันที่เก้าอี้ในสวน
“ชั้นดีใจนะที่แกปรับตัวได้ ดูสดใสขึ้นเยอะ” สุดนภาบอก
“ชั้นจะทำอะไรได้มากกว่านี้ละ ชั้นก็ได้แต่ภาวนา ให้ชั้นตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นตัวชั้น”
สุดนภาเห็นใจ “เคยฝันถึงน้องเมย์บ้างมั๊ย”
“ไม่เคยเลย ไม่รู้เค้าไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน ....น่าสงสารนะ และยิ่งชั้นเห็นพ่อแม่น้องเมย์ เค้ามีปัญหากัน ชั้นก็อยากช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะตัวชั้นเอง..ยังเอาตัวไม่รอดเลย”
“แสดงว่าแกเริ่มผูกพันกับครอบครัวนี้แล้วนะ หยง”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้าใจ เมรินมองไปอีกทางแล้วก็หัวเราะขำที่เห็นนาวินนั่งคุยกับหนุงหนิงอยู่ไกลๆ โดยป้อนขนมให้หนุงหนิงกินด้วย สุดนภากับเมรินมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“จะว่าไปคุณนาวินนี่ก็น่ารักดีนะ แกว่าไงบี๋”
สุดนภาเขิน “น่ารักตรงไหนเนี่ย ดูสิ ปัญญาอ่อนไหมละ คุยกะหมาก็ได้”
“แกอย่าดูถูกหนุงหนิงนะบี๋ หนุงหนิงเป็นผู้ฟังที่ดีนะ เพื่อนแท้ในยามยากของชั้นเลยล่ะ”
สุดนภาเห็นใจเพื่อน “ชั้นรู้ว่าแกลำบากนะหยง แต่อดทนอีกหน่อยเถอะ ชั้นคิดว่าทุกอย่างมันคงจะมีทางคลี่คลายไปได้”
“ช่างมันเถอะบี๋ ชั้นพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด” เมรินตะโกนเรียก “หนุงหนิง มานี่เร็ว”
นาวินกำลังยื่นขนมให้หนุงหนิงกิน พอหนุงหนิงได้ยินเสียงเมริน หนุงหนิงก็วิ่งมาหาเมรินทันที สุดนภากับเมรินหัวเราะเอ็นดูหนุงหนิง
นาวินฉุน “ไอ้หมาทรยศ”
เมรินวิ่งเล่นกับหนุงหนิง
นาวินเดินเข้ามานั่งเบียดสุดนภา สุดนภาผลักนาวินจนกระเด็นไป
“ใจร้ายจัง นั่งด้วยก็ไม่ได้” นาวินตัดพ้อ
“บ้า เบียดมาได้”
สุดนภาเขิน

เมธีเดินถือกระเป๋าเอกสารเข้ามาวางที่โต๊ะในห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู แล้วนิ่งคิด ก่อนจะตัดสินใจกดปิดเครื่องแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไป


นักร้องกำลังร้องเพลงบนเวทีในคลับ ฉัตรพรกำลังยืนกดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเครียดอยู่ข้างเวที เธอได้ยินแต่เสียง “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามรถติดต่อได้ในขณะนี้” ฉัตรพรหงุดหงิดจึงกดซ้ำๆๆๆอีกแต่ก็ไม่ติดเหมือนเดิม
ฉัตรพรฉุน “ทำไมติดต่อไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น คุณปิดโทรศัพท์ทำไมเนี่ย”
บ๋อยเดินเข้ามาหาฉัตรพร
“พี่ฉัตร จบเพลงนี้ คิวของพี่แล้วนะครับ”
ฉัตรพรตวาด “ชั้นรู้แล้วน่า”
บ๋อยงงแล้วรีบเดินเลี่ยงไป
ฉัตรพรคิด “หรือว่าคุณตั้งใจจะหลบหน้าชั้น คุณเมธี”
ฉัตรพรเครียดหนัก


เมธีกับปฐวีเดินเข้าบ้านเกือบจะพร้อมกัน เมธีนำมาก่อน เขายืนรอปฐวีจนเดินมาคู่กัน
“วี พี่อยากจะขอบใจวีนะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ทุกเรื่อง วีเตือนสติพี่ให้พี่รู้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่คืออะไร ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับพี่เมธี”
“ขอบใจมากวี ขอบใจจริงๆ”
เมธีตบไหล่ปฐวีแล้วเดินไป ปฐวีมองตามแล้วถอนหายใจ


เมธีเดินเข้าห้องประภัสสร ประภัสสรนั่งอ่านหนังสือทำไม่รู้ไม่ชี้ เมธีพยายามเดินวนเวียนให้ประภัสสรเห็น ประภัสสรอดรนทนไม่ได้จึงวางหนังสือแล้วเงยหน้ามองเมธี
ประภัสสรพูดแบบหมางเมิน “ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลย หิวจัง ภัสมีอะไรให้ผมทานบ้าง”
ประภัสสรพูดเนือยๆ “เดี๋ยวภัสจะเตรียมให้”
“ภัส อย่าโกรธผมเลยนะ”
ประภัสสรลุกขึ้นจะเดินออก เมธีดึงมือประภัสสรไว้ ประภัสสรมองเมธีปล่อย
“คุณไปดูลูกเถอะคะ แกคงยังไม่หลับ เดี๋ยวภัสไปจัดอาหารให้ค่ะ”
ประภัสสรเดินไป เมธีมองตามแล้วถอนใจ


เมรินนอนลืมตาอยู่ในห้อง เมธีเปิดประตูไป เมรินลุกขึ้นนั่งทันที เมธีเดินเข้าไปนั่งข้างๆเมริน
“คุณพ่อกลับมาแล้ว”
“ยังไม่หลับหรือคะ คนเก่งของพ่อ” เมธีถาม
“ยังค่ะ เมย์รอคุณพ่ออยู่ ดีใจจังค่ะ คุณพ่อมาทันส่งน้องเมย์เข้านอน นี่ถ้าคุณพ่อกลับเร็วแบบนี้ทุกวัน คุณแม่ต้องมีความสุขมากเลย”
เมธีชะงักหน้าเศร้า
“แต่คุณแม่ยังไม่ยอมคุยกับพ่อดีๆเลยลูก สงสัยคุณแม่จะโกรธมาก”
“เป็นเมย์ก็คงโกรธแหล่ะคะ แต่คุณพ่อคงต้องใช้ความพยายามอีกนิดนะคะ น้องเมย์จะเอาใจช่วยค่ะ”
พ่อลูกยิ้มให้กัน
“ตกลง พ่อจะสู้ๆ เพื่อน้องเมย์ดีมั๊ย”
“สู้เพื่อครอบครัวดีกว่าค่ะ”
เมธีหัวเราะ เมรินก้มลงนอน เมธีห่มผ้าให้และหอมแก้มเมริน
“ฝันดีนะค๊ะ น้องเมย์”
เมรินมองเมธีแล้วยิ้มมีความสุข


เมธีนั่งกินข้าวคนเดียวที่โต๊ะอาหาร ประภัสสรนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ห่างออกมา เมธีแอบมองประภัสสร ระหว่างกินอาหารจนเสร็จเรียบร้อย เมธีรวบช้อน ประภัสสรก็แอบมองเมธีอยู่เช่นกัน พอเห็นเมธีรวบช้อนประภัสสรก็วางหนังสือแล้วลุกขึ้นมาเก็บโต๊ะ
“ภัสทำเองค่ะ”
“ภัสเหนื่อยมาทั้งวัน ให้ผมช่วยนะ”
เมธีถือจานเดินไปที่ครัว ประภัสสรมองตาม เมธีเดินกลับมา ประภัสสรรีบก้มหน้าทำเป็นไม่สนใจ
“ภัสเป็นยังไงบ้าง งานมูลนิธิยุ่งไหม”
“ไม่หรอกค่ะ ก็ปรกติดี”
เมธีทำท่าจะชวนคุยอีก ประภัสสรทำไม่สนใจแล้วเดินไป เมธีถอนใจแล้วเดินตาม


ประภัสสรเดินเข้ามาในห้อง เมธีเดินตามเข้ามา ประภัสสรงง
ประภัสสรมอง “ไม่ไปนอนห้องคุณล่ะคะ”
“ผมปวดหลัง ขอนอนห้องนี้นะ”
ประภัสสรมองหน้าเมธี เมธีทำไม่รู้ไม่ชี้ ประภัสสรถอนหายใจแล้วเดินไปขึ้นเตียงแล้วนอนหันหลังให้ เมธีแอบมองก่อนจะล้มตัวลงนอนมองประภัสสรทางด้านหลัง
ประภัสสรลืมตาโพลง เมธีเอื้อมมือไปเหมือนจะสะกิดแล้วก็เปลี่ยนใจไม่สะกิด เมธียิ้มสบายใจ เขามองประภัสสรด้วยแววตาอบอุ่น ประภัสสรนอนลืมตา

เมรินยืนมองทั้งสองอยู่หน้าห้อง แล้วเธอก็ยิ้ม เมรินค่อยๆย่องถอยออกจากหน้าห้องเงียบๆ แล้วยืนพิงประตู
“ขอให้คุณทั้งสอง รักกันดีๆนะ” เมรินยิ้ม

ปฐวีนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ริมสระน้ำ สักพักก็เหม่อนึกถึงวันนี้ที่พิรามมาคุยกับเขา
ปฐวีนึกถึงตอนที่พิรามกับเขานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ
“คุณหมอพอจะแนะนำอะไรผมได้บ้างมั๊ยครับ”
“เราก็พยายามเต็มที่ ในการจะหาวิธีการรักษาคุณตันหยง ให้ฟื้นเป็น ปกติโดยเร็วที่สุด”
“ผมเข้าใจครับ แต่ผมก็กลัว กลัวหยงจะไม่ฟื้น”
ปฐวีมองพิราม “อย่าพึ่งหมดกำลังใจนะครับ ... คุณพิราม”
“ครับ ผมรักเธอมาก ผมยอมทุกอย่างขอให้เธอฟื้นขึ้นมา คุณหมอต้องช่วยเธอนะครับ”
ปฐวียิ้มเศร้าๆ


“คุณสองคนรักกันขนาดนี้ ผมคงเป็นได้แค่ส่วนเกินในชีวิตคุณเท่านั้น” ปฐวีเปรยออกมา
ปฐวีมองรอบตัวเพราะรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เมรินแอบย่องเข้ามาด้านหลังปฐวี
“น้าวีคะ ทำอะไรอยู่คะ”
ปฐวีหันไปมอง
“น้องเมย์ ดึกแล้วยังไม่นอนอีก ลงมาทำไมคะ”
เมรินเดินไปนั่งใกล้ๆปฐวี
“น้องเมย์มีข่าวดีจะบอกน้าวี คือ ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ทะเลาะกันแล้ว”
“งั้นหรือ น้าวีดีใจนะ น้องเมย์มีความสุข น้าวีก็มีความสุขไปด้วย”
“นึกว่าน้าวีมีแต่คุณหมอหนึ่ง จนลืมน้องเมย์ซะแล้ว”
ปฐวีงงกับหลาน “ไปเอามาจากไหนเนี่ย น้าวีกับหมอหนึ่งไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย พูดแบบนี้ เดี๋ยวใครเข้าใจผิดนะ”
ตันหยงคิดในใจ “ยังจะทำปากแข็งอีก” ตันหยงงอน
ปฐวีมองหลานงอนแล้วยิ้ม “งอนน้าวีอีกแล้ว หลานรัก” ปฐวีขยี้หัวหลานสาวเล่น
เมรินเงียบแล้วก็เศร้าๆ เธอเอาขาจุ่มน้ำ
“น้าวีคะ ถ้าน้องเมย์เป็นคนอื่น น้าวียังจะยังรักมั๊ยคะ”
ปฐวีมอง “ทำไมถามน้าวีแบบนี้ล่ะ”
“แค่สมมุติเฉยๆ ถ้าน้องเมย์เป็นผู้หญิงสักคนนึง น้าวีจะรักเหมือนเดิมไหมคะ”
ปฐวีคิด “เดี๋ยวนี้ น้องเมย์ไม่เหมือนน้องเมย์คนเดิม ที่เรียบร้อย และขี้อาย”
ปฐวีคิดจริง เมรินมองอย่างกลัวถูกจับได้
ปฐวีจับแก้มเมริน “แต่คนเนี้ยโตเป็นสาวแล้ว ขี้อ้อน แล้วก็เก่งขึ้น”
“แล้วน้าวีชอบคนไหนคะ”
ปฐวีนิ่งคิด เมรินจ้องหน้าปฐวีลุ้นๆ

เมรินนั่งอยู่บนเตียง เธอมองสร้อยข้อมือแล้วยิ้มปลื้มปริ่มพลางนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

ปฐวีนิ่งคิดแล้วยิ้ม
เมรินถามย้ำ “แล้วน้าวีชอบคนไหนคะ”
ปฐวีมองนิ่ง “น้าวีชอบน้องเมย์คนนี้ ..... เพราะว่า....”
เมรินลุ้น “เพราะอะไรคะ.....”
ปฐวียิ้ม “น้องเมย์เป็นตัวของตัวเอง มีความกล้า ไม่อ่อนแอ น้าชอบสิ่งที่น้องเมย์เป็นตอนนี้”
เมรินยิ้มแป้น ปฐวีมองตาเมริน
“แล้วน้องเมย์ล่ะ ไหนบอกซิ รักน้าวีแค่ไหน” ปฐวีถาม
เมรินเขินและคิดหนัก เธอทำมือเล็กนิดเดียว
ปฐวีโวยวาย “รักน้าวีแค่นี้เอง” ปฐวีทำหน้าเซ็ง
“งั้น” เมรินทำนิ้วกว้างขึ้น “...แค่นี้พอมั๊ยคะ”
ปฐวีทำเป็นงอนแล้วเมินหน้าหนี เมรินง้อด้วยการจับหน้าปฐวีให้หันมาแล้วกางมือ
“โอ๋ โอ๋ งั้นแค่นี้เลย” เมรินกางมือกว้าง “พอใจไหมคะ”
ปฐวียิ้มออก “ค่อยยังชั่วหน่อย”
ปฐวีดึงตัวเมรินมากอดแล้วให้หลานสาวนั่งตัก เมรินอึ้งเพราะเขินแต่ก็ยอมให้กอดแต่โดยดี
“...กว่าจะทำให้สาวน้อยคนนี้กลับมารักน้าวีได้นี่ ไม่ง่ายเลยนะ”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นตันหยงก็ยิ้มปลื้ม เธอนั่งตาหวานบนเตียงแล้วนึกคำพูดของปฐวีต่อ
“แต่ไม่ว่าน้องเมย์จะเป็นยังไง น้าวีก็รัก .....เพราะน้องเมย์เป็นหลานรักของน้าวี” ปฐวีพูดจริงจัง


ตันหยงหน้าเศร้าลงทันที
“เค้าไม่ได้รักเราซะหน่อย..... เค้ารักหลานเค้าต่างหาก”
ตันหยงล้มตัวลงนอนมองสร้อย เธอเอามือจับสร้อยแล้วก็ทำ หน้าเศร้า


เช้าวันใหม่ เมธียืนผูกไทด์อยู่หน้ากระจกแต่ก็ผูกไม่ถนัด ประภัสสรนั่งหวีผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วแอบมองเมธี สักพักประภัสสรก็ลุกขึ้นไปผูกไทด์ให้ เมธีแอบมองประภัสสรแต่ประภัสสรไม่ยอมสบตา
“เสร็จแล้วค่ะ”
เมธียิ้ม “ขอบคุณนะภัส”
ประภัสสรยังงอนอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะ”
ประภัสสรเดินออกจากห้อง เมธีมองตาม

ประภัสสร เมธี เมรินเดินออกมาที่หน้าบ้าน ประภัสสรส่งกระเป๋าเอกสารให้เมธี
เมธีรับกระเป๋าไว้โดยจับมือประภัสสรไว้ด้วย เมรินยืนมองแล้วแอบยิ้ม
“ภัส”
ประภัสสรชะงักมองหน้าเมธีแล้วมองมือตัวเองแต่ก็ไม่ดึงออก
“รีบไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสาย”
“น้องเมย์พ่อไปทำงานก่อนนะลูก ดูแลคุณแม่ด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพ่อ เชื่อใจน้องเมย์ได้”
“พ่อเชื่อลูกอยู่แล้ว”
เมธียิ้มให้ประภัสสรก่อนเดินขึ้นรถ เมรินยืนโบกมือให้เมธีจนรถแล่นไปลับตา


รถของเมธีวิ่งออกไปจากประตูบ้าน ฉัตรพรที่ยืนซุ่มอยู่หน้าบ้านหันมองเข้าไปในบ้าน ฉัตรพรถอดแว่นตาออกมาแล้วมอง เธอเห็นประภัสสรกับเมรินยืนจูงมือกันอยู่ในบ้าน
“เนี่ยหรือ เมียหลวงแสนดีของคุณ”
ฉัตรพรทำหน้าร้าย


ฉัตรพรทิ้งกระเป๋าแล้วนั่งลงในบ้านตัวเองอย่างหงุดหงิด แม่ของฉัตรพรนั่งถอดไพ่อยู่บนโต๊ะ ส่วนน้องชายนอนดูหนังสือรถมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่อยู่ที่พื้น
“มาก็ดีแล้ว ตังค์ข้าล่ะ” แม่ถาม
ฉัตรพรหงุดหงิด “ตังค์อะไรแม่”
“อ้าว..อีนี่ อาทิตย์นี้เอ็งยังไม่ได้จ่ายข้าเลย”
“ชั้นด้วย จะไปจ่ายค่าท่อมอไซด์ มันทวงมาแล้ว”
ฉัตรพรหงุดหงิด
“ชั้นไปเป็นหนี้แกตั้งแต่เมื่อไหร่ อยากได้เงินแต่ไม่รู้จักทำงาน”
“หนอย นังลูกเนรคุณ ได้ดีแล้วลืมแม่ลืมน้องใช่มั๊ย นังฉัตร” แม่ต่อว่า
“โอ๊ย...ทวงกันจริง อ่ะเอาไป”
ฉัตรพรหยิบเงินส่งให้แม่กับน้องแบบกระชาก แม่ฉัตรพรรีบรับไป ส่วนน้องชายยัดใส่กระเป๋า
“แล้วนี่ผัวแกหายไปไหน ไม่เห็นรถมาจอดเลย เอ็งเห็นบ้านมั๊ยไอ้ชัย”
“ตัวก็ไม่เห็นแม่” น้องชายเสริม
ฉัตรหันไปตบหัวน้องชายอย่างแรง
ฉัตรพรว่า “ได้เงินแล้วก็ไสหัวไปซะ”
“สงสัยผัวเอ็งเค้ากลับไปตายรังแล้วมั๊ง แต่ยังโชคดีนะ มันยังส่งเงินให้ใช้ ไม่เหมือนผัวคนก่อนๆ มีแต่โดนซ้อมเช้าซ้อมเย็น”
“แม่หุบปากเลย มันเรื่องของชั้น”
“แหม..นังฉัตรข้าเป็นแม่นะโว๊ย เอ็งได้ดี ข้าก็ได้พลอยได้อาศัย อีนี้บ้าขึ้นทุกวัน ผัวไม่มาเพี้ยนเลยเอ็ง” แม่พูดกับชัย “ไป ไอ้ชัย ขี่รถไปส่งแม่ที่บ่อนหน่อย จะไปแก้มือ เมื่อวานเสียจนหมดตัว”
แม่ฉัตรพรกับน้องชายลุกเดินออกไป ทิ้งฉัตรพรให้มองตามอย่างหงุดหงิด
“ไปให้พ้นๆหน้าเลย ไม่ช่วยเหลือแล้วยังจะมาซ้ำเติมอีก” ฉัตรพรว่า
ฉัตรพรนั่งนิ่งหน้าแค้น แล้วก็ขว้างกระเป๋าลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์
“คอยดูสิ คุณเมธี ชั้นไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆหรอก”
ฉัตรพรทำหน้าร้าย


เมรินนั่งอยู่ในสวน ส่วนสุดนภากำลังคุยโทรศัพท์กับนาวิน เมรินแอบมองแล้วยิ้มขำ
“จะมารับแล้วหรือ ทำไมเสร็จงานเร็วนักล่ะ โอเค แค่นี้แหละ”
สุดนภากดปิดโทรศัพท์ พอเห็นสายตาเมรินเธอก็เขิน
เมรินยิ้มล้อ “นี่ แกกับคุณนาวินนี่โอเคกันแล้วใช่มั๊ย”
สุดนภายิ้ม “จะว่าไป เค้าก็มีหลายๆอย่างที่ใช้ได้อยู่นะ ความคิดความอ่านก็ดี เสียอย่างเดียว คอยแต่จะเล่นตลอด”
“น่ารักดีออก ไม่เครียด”
“ไม่เอาไม่คุยเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยววันนี้ชั้นจะไปเยี่ยมแกที่โรงพยาบาล”
เมรินพูดอย่างมาดมั่น “ชั้นอยากไปกับแกด้วย”
“แกแน่ใจหรือ ถ้าแกเห็นตัวเองนอนอยู่แบบนั้น แกจะทำใจได้ บางที เราไม่รู้ไม่เห็นซะบ้าง มันจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นนะหยง”
เมรินเศร้า สุดนภามองอย่างเห็นใจ


เมรินนั่งหน้าง่อยเพราะเบื่ออยู่ที่ห้องรับแขก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายแก้วรีบวิ่งไปรับ
“สวัสดีค่ะ”
นนท์พูดจากปลายสาย “ขอสายน้องเมย์ครับ”
“เพื่อนเหรอคะ” สายแก้วถาม
“น้องนนท์เป็นแฟนน้องเมย์ครับ”
“ฮ้า..” สายแก้วเรียกเสียงดัง “คุณน้องเมย์ขา แฟนโทรมาค่ะ”
เมรินงง แล้วก็ดีใจ “น้าวีหรือคะ...”
“หือ...ไม่ใช่ค่ะ เป็นเด็กผู้ชาย”
เมรินคิดแล้วก็นึกออก
“น้องนนท์”
เมรินเดินมารับสาย “ฮัลโหล”
“น้องเมย์ เราจะชวนมางานวันเกิด น้องเมย์ต้องมาให้ได้นะ”
เมรินยิ้ม
กำลังโหลดความคิดเห็น