หลังจากโซนี่ได้วางจำหน้ายมีเดียเพลย์เยอร์พลังแอนดรอยด์ตระกูลวอล์คแมนไปแล้วเมื่อปีก่อน มาวันนี้โซนี่กลับมาอีกครั้งกับการยกเครื่องแอนดรอยด์วอร์คแมนใหม่หมดกับซีรีย์ F ที่ในครั้งนี้โซนี่ลดขนาดและน้ำหนักตัวเครื่องลงเพื่อให้พกพาได้สะดวกพร้อมอัปเกรดสเปกหน่วยประมวลผลใหม่หมด
การออกแบบ
ตัวเครื่อง Walkman F800 ถูกออกแบบมาให้เหมือนสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia มีขนาดเล็กเพียงฝ่ามือพร้อมน้ำหนักเพียงแค่ 100 กรัม โดยการควบคุม F800 ทั้งหมดจะทำผ่านหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัช ขนาด 3.5 นิ้ว WVGA (ความละเอียด 800x480 พิกเซล) และบริเวณด้านใต้จอภาพจะเป็นปุ่มคำสั่งย้อนกลับ เข้าสู่โฮมสกรีน และเรียกเมนูเหมือนแบบเดียวกับแอนดรอยด์โฟนรุ่นล่าสุดของโซนี่
บริเวณด้านหลังของตัวเครื่องจะไม่มีกล้องถ่ายภาพใดๆ ติดตั้งอยู่ แต่จะเป็นเพียงพื้นผิวอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมโลโก้ Walkman และด้านล่างจะเป็นรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ (รุ่นนี้ผลิตที่มาเลเซีย) พร้อมปุ่ม Reset ฉุกเฉินกรณีเครื่องค้าง (ใช้หัวปากกาจิ้มลงไป) เพราะ Walkman F800 ไม่สามารถถอดแบตเตอรีเพื่อปิดเครื่องแบบฉุกเฉินได้
มาที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ จากซ้ายของภาพจะเป็นสวมสายคล้องข้อมือ ถัดมาเป็นช่องลำโพง Built-in จำนวน 1 ตัว และพอร์ต Walkman สำหรับชาร์จแบตเตอรีหรือใส่อุปกรณ์ที่รองรับต่างๆ สุดท้ายเป็นรูแจ็คขนาด 3.5 มิลลิเมตรสำหรับเชื่อมต่อหูฟัง
มาบริเวณด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มคำสั่งเรียก Walkman Control (รูป W) แบบทางลัด ถัดไปเป็นปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง
สุดท้ายด้านบนของตัวเครื่องจะไม่มีสิ่งใดนอกจากปุ่มปิด-เปิดเครื่อง
ในส่วนหูฟังที่แถมมากับ Sony Walkman F800 จะเป็นรุ่น MDR-EX0300 แบบ in-ear มาพร้อมเทคโนโลยีในการออกแบบให้ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และมาพร้อม Earbuds ไซต์ S, L สามารถเปลี่ยนตามขนาดรูหูของแต่ละคนได้
สำหรับสเปกของ MDR-EX0300 จะมีไดร์วเวอร์ขับเสียงขนาด 13.5 มิลลิเมตร (16 โอห์ม) รองรับความถี่เสียงตั้งแต่ 5-24,000Hz พร้อมสายยาวขนาด 1.2 เมตร
สเปก
มาในส่วนสเปกเครื่อง รุ่นที่ทีมงานได้รับมาจะมีขนาดความจุ 8GB แต่เมื่อเช็คพื้นที่จากระบบสามารถใช้ได้เพียง 4.85GB เท่านั้น
ด้านหน่วยประมวลผลที่ใช้ขับเคลื่อน Walkman F800 คือ NVIDIA Tegra 2 ดูอัลคอร์ความเร็ว 1GHz พร้อมแรมขนาด 512MB (ใช้จริงได้แค่ 334MB) บนระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich
ส่วนชิปประมวลผลเสียงโซนี่พัฒนาใหม่เป็น S-Master MX Digital Amplifier และ Clear Audio Technologies พร้อมรองรับไฟล์เสียงที่หลากหลายได้แก่ MP3, WMA, AAC, FLAC, LPCM, HE-AAC ส่วนวิดีโอรองรับไฟล์ 1080p ตั้งแต่ MP4, AVC-HD, WMV 9, AAC-LC Video และรูปภาพรองรับไฟล์ JPEG ขนาดภาพสูงสุดที่ 6,048 x 4,032 พิกเซล
นอกจากนั้น Walkman F800 ยังรองรับการเชื่อมต่อ WiFi สำหรับชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต รองรับ DLNA รวมถึง Bluetooth และมี GPS บรรจุมาให้ภายใน ส่วนแบตเตอรีที่ใส่มาใน Walkman F800 เป็น lithium-ion Battery สามารถฟังเพลงได้ประมาณ 25 ชั่วโมงและเล่นวิดีโอได้ประมาณ 5 ชั่วโมงติดต่อกัน
ฟีเจอร์/จุดขาย
เพราะ Sony Walkman F800 ขับเคลื่อนด้วยแอนดรอยด์ 4.0 ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้งแอปพลิเคชันที่ต้องการได้จาก Google Play Store รวมถึงเกมบางเกมจาก Tegra Zone ของ NVIDIA ก็สามารถใช้งานได้บนมีเดียเพลย์เยอร์นี้
ด้าน Music Player ยังเป็นแอปฯ ที่เหมือนในสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia โดยผู้ใช้สามารถจัด Playlist เพลงที่ต้องการรับฟังพร้อมรับชมปก Cover Art ได้
อีกทั้งภายใน Music Player ยังแนบ SensMe Channel มาให้ทำให้ผู้ใช้สามารถแบ่งหมวดหมู่เพลงได้โดยอัตโนมัติจากระบบ 12 Tone Analysis ของโซนี่ รวมถึงการรองรับอุปกรณ์ขยายเสียงที่มีฟีเจอร์ Party Streaming ด้วย
ด้านการปรับแต่งเสียงที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Walkman อยู่ เพราะโซนี่จัดฟีเจอร์ปรับแต่งเสียงจากคุณสมบัติของ S Master MX มาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไล่ตั้งแต่ EQ ที่ปรับแต่งได้อิสระและมาพร้อม Clear Bass หรือฟีเจอร์เพิ่มเสียงเบสสำหรับหูฟัง In ear ให้หนักแน่นขึ้นแต่ไม่เกิดเสียงบวม แตกเหมือนปรับจาก EQ ด้วยตัวเอง
ในส่วนการปรับแต่งเสียงอื่นๆ Walkman F800 รองรับระบบ Surround Sound ภายในหูฟัง โดยชิป DSP จะทำการจำลองเสียงเพลงผ่านหมวดหมู่ที่ผู้ใช้เลือกใช้ รวมถึงยังมาพร้อมเทคโนโลยีปรับแต่งโทนเสียงเช่น DSEE, Clear Stereo และ Clear Phase ที่ช่วยให้รายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่บางครั้งผู้ฟังอาจได้ยินไม่ชัดเจนให้มีความคมชัดและมีมิติมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งด้วยการที่โซนี่ต้องการให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่การเล่นเพลงได้รวดเร็วขึ้น ทั้งขณะใช้งานแอปพลิเคชันอื่นอยู่รวมถึงขณะขับรถยนต์ เมื่อผู้ฟังกดปุ่ม W บริเวณด้านข้างเครื่องไม่ว่าจะอยู่ในแอปฯ ใดก็ตามจะมี Pop-up "W-Control" ปรากฏขึ้นมาและผู้ใช้สามารถนำนิ้วปาดขวา ปาดซ้ายเพื่อเปลี่ยนเพลง หรือนำนิ้วจิ้มลงตรงกลางก็คือการสั่งงานให้ Music Player หยุดหรือเล่นเพลง
และสำหรับใครที่ยังหลงใหลใน Walkman รุ่นเก่าแก่อยู่ ทางโซนี่ก็ได้ให้แอปฯ Walkman Classic มาให้สาวก Walkman ได้รำลึกความคลาสสิคในยุคเก่าก่อนกัน โดยแอปฯ นี้จะมีโมเดลวอล์คแมนรุ่นดังๆ ให้เลือกเล่นมากมาย พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเล่นเพลงผ่าน Walkman ได้ในแบบสไตล์คลาสสิคด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพ
ด้านการฟังเพลงต้องยอมรับว่าถ้าเทียบกับ iPod หรือมีเดียเพลย์เยอร์อื่นๆ Sony Walkman F800 ให้น้ำเสียงที่โดดเด่นสุด โดยเฉพาะพวกชอบเสียงเบสหนัก น่าจะถูกใจ F800 เพราะสามารถปรับ Clear Bass ได้ตามต้องการ อีกทั้งบรรดาฟีเจอร์จาก S Master MX ยังแสดงผลงานด้ารเสียงที่น่าประทับใจมาก โดยเฉพาะรายละเอียดเสียงที่แสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก และเมื่อใช้ร่วมกับหูฟังสต็อก MDR-EX0300 ที่แถมมา ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ถึงแม้เรื่องเสียงเบสที่ได้จะไม่เยอะและมีมิติมาก แต่ถ้าปรับ EQ + Clear Bass แล้วก็สามารถช่วยได้
ในส่วนการทดสอบเล่นเกมก็ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจเพราะเล่นเกม 3 มิติในปัจจุบันได้อย่างลื่นไหลหลายเกม แต่ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กอาจทำให้เหล่าเกมเมอร์บนสมาร์ทโฟนไม่ถูกใจเนื่องจากแค่นำนิ้วไม่กี่นิ้ววางบนหน้าจอก็เต็มพื้นที่หมดแล้ว
สำหรับการทดสอบเล่นเว็บและแอปฯ อื่นๆ ถือว่าลื่นไหลและการตอบสนองต่อการสัมผัสทำได้ดี เช่น การเข้าเว็บไซต์ผู้จัดการที่ขึ้นชื่อเรื่องโหลดหนัก สามารถทดสอบผ่านไปอย่างไม่มีปัญหา
สุดท้ายกับการทดสอบ GPS และ Bluetooth สำหรับนำทางในรถยนต์ด้วยโปรแกรม Sygic (ต่อ Bluetooth กับเครื่องเสียงรถยนต์) พบว่า สามารถใช้งานได้ แต่ GPS อาจจับสัญญาณช้าในช่วงแรก แต่พอเข้าสู่การใช้งานจริงตลอดการเดินทาง ทุกอย่างค่อนข้างลื่นไหล
แต่ด้วยแบตเตอรีของ F800 มีขนาดเล็ก ทำให้เมื่อใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ นอกจากฟังเพลงแล้ว แบตเตอรีอาจหมดลงอย่างรวดเร็ว
ตอบจุดขายหรือไม่/ข้อสังเกต
จากการทดสอบนานกว่า 1 อาทิตย์ Sony Walkman F800 ถือเป็นมีเดียเพลย์เยอร์ไส้แอนดรอยด์ที่ฟังเพลงได้ดีที่สุดในตอนนี้เพราะด้านฟีเจอร์ที่โซนี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับระบบประมวลผลเสียงรวมถึงการปรับแต่งที่ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจเหมาะสำหรับนักฟังเพลง และถือว่าเป็นดิจิตอลมีเดียเพลย์เยอร์ไส้แอนดรอยด์ที่ให้เสียงที่ดีที่สุดในท้องตลาดตอนนี้
อีกทั้งด้วยการเลือกระบบเปิดอย่างแอนดรอยด์เป็นส่วนขับเคลื่อนหลักยังทำให้มีความยืดหยุ่นในเรื่องการอ่านและจัดเก็บไฟล์เพลงและวิดีโอ แต่ในทางกลับกันตัวเครื่องยังมีปัญหาเรื่องความเสถียรที่ยังมีข้อผิดพลาดให้พบเจออยู่บ้าง เช่น อาการเครื่องค้างหลังจากเชื่อมต่อ Bluetooth เป็นต้น
นอกจากนั้นเรื่องของแรมที่ให้มาน้อยทำให้การเปิดแอปพลิเคชันหลายตัวในเวลาเดียวกันอาจทำให้เกิดภาวะ Out of Memory ได้ ผู้ใช้จึงควรหมั่นปิดแอปฯ เมื่อไม่ใช้งานแล้ว
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
ราคาค่าตัว Sony Walkman F800 เริ่มต้นที่ 7,990 บาทสำหรับความจุ 8GB และ 8,990 บาทสำหรับความจุ 16GB ซึ่งนับว่าราคาออกมาตีตลาดกับ iPod Touch จากทางแอปเปิล และจากผลการทดสอบทั้งหมดอย่างไร Walkman F800 ให้เสียงในเรื่องการฟังเพลงและฟีเจอร์ปรับแต่งเสียงที่ดีกว่า iPod อยู่มากโดยเฉพาะหูฟังที่แถมที่ให้เสียงได้อย่างน่าประทับใจ
แต่ทั้งนี้ในเรื่องความเสถียรของระบบสำหรับผู้ใช้ที่อยากติดตั้งแอปฯ ต่างๆ จากสโตร์และต้องการใช้แบบแอนดรอยด์โฟน ส่วนนี้นับว่ายังทำได้ไม่ดีเนื่องจากปัจจัยหลายส่วน ทั้งขนาดหน้าจอที่เล็กรวมไปถึงแรมที่ให้มาน้อยมาก และยังไม่รวมในเรื่องแบตเตอรีที่มีขนาดเล็กและหมดไวถ้าเชื่อมต่อ WiFi เล่นเกม เล่นโซเชียล
แต่ถ้ามองในภาพรวมและผู้ใช้ชื่นชอบการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจตามโจทย์ของ Walkman ที่เคยมีมา F800 คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ แน่นอนว่า F800 ให้เสียงเพลงที่ดีกว่าสินค้าตระกูล iPod ของแอปเปิล และด้วยขนาดที่เล็กแค่ฝ่ามือทำให้พกพาใส่กระเป๋าเสื้อได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งการให้ GPS และ Bluetooth มาในตัวก็ยังขยายความสามารถของ F800 ในเรื่องการใช้นำทางและเชื่อมต่อกับวิทยุบนรถยนต์ได้แบบเดียวกับ iPod Touch ด้วย
วิดีโอรีวิว
Company Related Link :
Sony
CyberBiz Social