เชื่อว่าคนเล่นมีเดียไฟล์ยุคใหม่คงหันมาสนใจสตรีมมิ่งไฟล์กันมากขึ้นเพราะด้วยความสะดวกสบายกว่าเล่นภาพยนตร์จากแผ่นดีวีดีหรือบลูเรย์ดิสก์ ทำให้กระแส HD Media Box เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับเทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปไกล ทำให้ HD Media Box มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น เช่น สามารถเปลี่ยนตัวเองมาช่วยเสริมทีวีเป็น "สมาร์ททีวี" เพราะมีแอปพลิเคชันโซเชียลหรือเล่นเว็บไซต์ได้แบบเดียวกับคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่ความสามารถในการสร้าง Media Server DLNA ได้เป็นต้น
ซึ่งในวันนี้ทีมงานก็ได้รับ HD Media Box จากเอซุสมารีวิวเจาะลึกให้ชมกันกับ O!Play Mini ที่มีความโดดเด่นเรื่องคุณสมบัติกับความสามารถในการเล่นไฟล์ HD ได้เกือบทุกประเภทพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อ WiFi และแอปพลิเคชันในตัวมากมาย
การออกแบบและสเปก
รูปร่างหน้าตาของ ASUS O!Play Mini Plus จะแตกต่างกับ HD Media Box จากเจ้าอื่นๆ ตรงที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 175 กรัม เพราะภายในไม่มีฮาร์ดดิสก์บรรจุมาให้
ด้านการนำไปใช้เล่นไฟล์มีเดียต่างๆ เนื่องจากไม่ได้บรรจุฮาร์ดดิสก์ภายในมาให้ เพราะฉะนั้นผู้อ่านจะต้องหาฮาร์ดดิสก์พกพาภายนอกมาเชื่อมต่อเองผ่านพอร์ต USB 2.0 ด้านหน้า หรือแม้แต่การ์ดความจำ SD/MMC/Memory Stick/xD Card ก็สามารถใช้ร่วมกันได้
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อด้านหลัง Media Box จะสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านสายแลน (Gigabit) หรือ WiFi (Wireless N) ก็สามารถทำได้ นอกจากนั้นยังรองรับการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ผ่านพอร์ต eSATA และ USB ที่อยู่รวมกันแบบคอมโบพอร์ตได้ด้วย
สำหรับพอร์ต Output สัญญาณภาพและเสียงจะรองรับ HDMI 1.3 และ AV Output ที่สามารถต่อได้ทั้ง Composite Video และ Composite Audio L/R (มีสายแถมมาให้) ส่วนเสียงถ้าต่อผ่าน HDMI จะรองรับ 7.1 Channel ทั้ง Dolby TrueHD และ DTS
และถ้าต่อสายเสียง Optical ( S/PDIF) จะสามารถส่งสัญญาณเสียงเป็น Dolby Digital และ DTS ได้
มาที่สเปก ASUS O!Play Mini จะรองรับไฟล์วิดีโอ 1080p ที่เข้ารหัส MPEG1, MPEG2, MPEG4, RM, RMVB, VC-1, H.264 โดยนามสกุลไฟล์ที่รองรับได้แก่ TRP, MP4, MOV, AVI, ASF, WMV, MKV, FLV, TS, MTS, M2TS, DAT, MPG, VOB, ISO
ส่วนไฟล์เสียงที่รองรับได้แก่ MP3, WAV, AAC, OGG, FLAC, AIFF, Dolby Digital AC3, Dolby Digital Plus, DTS 2.0 +Digital out, Dolby True HD (Passthrough), Dolby True HD (Decoding), Tag ID3
ไฟล์รูปภาพที่รองรับได้แก่ JPEG, BMP, PNG, GIF, TIFF
และสุดท้ายซับไตเติ้ลที่รองรับได้แก่ SRT, SUB, SMI, SSA, ASS, IDX, TXT (รองรับภาษาไทยสมบูรณ์แบบ)
ในส่วนรูปแบบ File ที่รองรับได้แก่ FAT16/32, NTFS, HFS/HFS+, EXT3
รีโมทควบคุม ASUS O!Play Mini Plus และรูปแบบคีย์บอร์ด
สเปกเพิ่มเติมอื่น >คลิกที่นี่<
จุดขาย/ฟีเจอร์
อย่างที่ผมเกริ่นไปตั้งแต่แรกแล้วว่า ASUS O!Play Mini Plus เป็น HD Media Box ที่สามารถเชื่อมต่อ WiFi และมีแอปพลิเคชันใน Online Media ให้เลือกใช้มากมาย เช่น Facebook, YouTube XL, Internet TV, Internet Radio, YouTube Leanback, Acetrax Movies, Dailymotion และ Picasa
สำหรับ YouTube XL จะเป็นแอปฯ สำหรับเล่นยูทูป โดยผู้อ่านสามารถใช้รีโมทค้นหาคลิปยูทูปได้ตามต้องการ
นอกจากนั้น ASUS O!Play Mini Plus ยังสามารถอ่านไฟล์ภาพได้ รวมถึงสามารถฟังเพลงและโชว์ปก Cover Art อีกทั้งใน O!Play ยังบรรจุ "ตัวจัดการไฟล์" สำหรับใช้ตรวจดูไฟล์ในฮาร์ดดิสก์หรือ Media Card ได้
มาที่ Facebook จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงรูปภาพและวิดีโอใน Gallery ได้ รวมถึงสามารถตรวจดูข้อความในหน้า Wall ได้ด้วย
สุดท้ายเนื่องจาก O!Play Mini Plus สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้ทำให้การอัปเกรดเฟริมแวร์ออนไลน์สามารถทำได้ง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องดาวน์โหลดเฟริมแวร์มาผิดรุ่น
ในส่วนฟีเจอร์อื่นๆ สำหรับรุ่น Plus ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการใช้ความสามารถของ DLNA และ Media Server จากระบบเครือข่ายภายในทั้งแลนและ WiFi เข้ามาใช้งาน เช่น O!Direct ที่ช่วยสตรีมไฟล์จากคอมพิวเตอร์มาสู่ O!Play Mini Plus ได้ง่ายขึ้น หรือ O!MediaShare ที่ช่วยจัดการเรื่องการโอนมีเดียไฟล์จากสมาร์ทโฟนมาสู่ O!Play ได้รวดเร็วและลดขั้นตอนการเข้าใช้งานให้น้อยลง
ทดสอบประสิทธิภาพ
ขึ้นชื่อว่าเป็น HD Media Box เพราะฉะนั้นการทดสอบจึงเน้นหนักไปที่การใช้รับชมภาพยนตร์บลูเรย์ (MKV 1080p) โดยทีมงานต่อเข้ากับชุดโฮมเธียร์เตอร์ LG ผ่าน Optical SPDIF และปรับในส่วน Option ให้แสดงผลเป็น 5.1 CH พบว่าสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาทั้งเสียง Dolby และ DTS
ส่วนเรื่งซับไตเติ้ลพบว่าสามารถแสดงผลได้อย่างชัดเจน ไม่มีปัญหาเรื่องตำแหน่ง Sub เพี้ยนแต่อย่างใด
สุดท้ายในส่วนของภาพแสดงผลได้อย่างราบลื่นไม่กระตุก สามารถ Seek ข้ามฉากไปได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งแสง สีของภาพได้ตามต้องการ
ตอบจุดขายหรือไม่/ข้อสังเกต
อย่างแรกต้องบอกว่า ASUS O!Play Mini Plus เป็นเอชดีมีเดียเพลย์เยอร์ยุคไร้สายที่เข้ามาเติมเต็ม Home Entertainment ในยุคปัจจุบันให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะ O!Play Mini Plus สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตคอนเทนต์เช่น Facebook, YouTube ได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เล่นมีเดียไฟล์ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
แต่ด้วยความที่ O!Play Mini Plus ไม่มีรุ่นที่มาพร้อมฮาร์ดดิสก์ภายในเหมือนแบรนด์อื่นๆ ทำให้ผู้อ่านที่สนใจเล่นมีเดียไฟล์จาก Mini Plus ต้องหาฮาร์ดดิสก์มาเชื่อมต่อผ่าน USB เอง
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
สำหรับ ASUS O!Play Mini Plus มีราคาขายอยู่ที่ 4,500 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้และทำให้เอชดีมีเดียเพลย์เยอร์ตัวนี้มีความน่าสนใจเหมาะแก่ผู้ใช้ที่มีภาพยนตร์เก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์พกพาจำนวนมากและกำลังมองหาศูนย์กลางในการเข้าถึงไฟล์เหล่านั้นอยู่ แน่นอน ASUS O!Play Mini Plus คือคำตอบที่น่าจะถูกใจกลุ่มคนเหล่านั้นได้
Company Related Link :
ASUS
CyberBiz Social