xs
xsm
sm
md
lg

Review : Jawbone Big Jambox การกลับมาของลำโพงพรีเมียมไร้สาย เสียงดีเกินตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ย้อนกลับไปปลายปี 2554 ทีมงานไซเบอร์บิซเคยนำลำโพงไร้สายระดับพรีเมียม Jawbone Jambox มารีวิวพร้อมกับเสียงตอบรับที่ดีในด้านการออกแบบที่หรูหราสวยงาม มาวันนี้ทาง Jawbone ก็ได้ส่ง Jambox รุ่นใหม่มาให้ทดสอบในชื่อ Big Jambox กับความยิ่งใหญ่อลังการทั้งเรื่องขนาดดอกลำโพงที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงคุณภาพเสียงที่ดีกว่าเดิม พร้อมจุดเด่นในเรื่องเบสที่เรียกได้ว่าดีเกินตัว จนต้องนำมาบอกเล่ากันในวันนี้



การออกแบบ สเปกและจุดขาย



สำหรับหลายคนที่ยังไม่รู้จัก Jawbone Big Jambox ทีมงานขอกล่าวอย่างง่ายๆ สั้นๆ ว่า Big Jambox คือลำโพงขยายเสียงไร้สาย เชื่อมต่อผ่านสัญญาณบลูทูธสำหรับใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊กที่มาพร้อมไมโครโฟนในตัว ใช้คุยโทรศัพท์ได้จากตัว Big Jambox (ถ้ามองไม่เห็นภาพลองกดชมคลิปวิดีโอด้านบน)

โดย Jawbone Big Jambox มีขนาด 256 x 80 x 93 มิลลิเมตร ใหญ่กว่า Jambox เดิมที่มีขนาดเพียง 151 x 57 x 40 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 1.23 กิโลกรัม รองรับ Bluetooth 2.1+EDR มีแบตเตอรี Lithium-ion ในตัวพร้อมการันตีว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน 15 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง



สำหรับลำโพงรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะเป็นสี "Red Dot" แดงสดใส ทั้งตัวลำโพงและอุปกรณ์ที่แถมมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สายชาร์จและ Adapter รวมทั้งสาย MicroUSB สำหรับใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์ใน Big Jambox พร้อมสาย Stereo ขนาด 3.5 มิลลิเมตรสำหรับใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์มัลติมีเดียที่ไม่มีตัวรับส่งบลูทูธ



ในส่วนช่องเชื่อมต่อต่างๆ จะติดตั้งอยู่ด้านข้างของ Big Jambox ประกอบด้วย จากบนสุดปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง - ปุ่มแพร์อุปกรณ์ผ่านบลูทูธ - ช่อง AUX In 3.5 มิลลิเมตร - MicroUSB และช่องเสียบ Adapter สำหรับชาร์จไฟ



ด้านปุ่มคำสั่งจะอยู่ด้านบนของลำโพงเริ่มจากซ้าย ปุ่ม J ใช้สำหรับกดรับ-วางโทรศัพท์ - สามเหลี่ยมชี้ไปทางขวา ปุ่มเล่นเพลงและหยุดเพลงชั่วคราว - ลูกศรชี้ซ้าย-ขวา ใช้เปลี่ยนไปเพลงต่อไปหรือเปลี่ยนไปเพลงที่เล่นผ่านมาแล้ว และสุดท้ายปุ่ม +/- ใช้สำหรับเพิ่มลดระดับเสียง



มาในส่วนสเปก สำหรับ Jawbone Big Jambox ใช้ไดร์เวอร์ขับเสียงแบบ Neodymium มีลำโพง 2 ตัวแบบสเตอริโอพร้อมลำโพงเบส Passive Bass Radiator 2 ตัวที่ออกแบบใช้ลักษณะการสะท้อนเสียง ทำให้เสียงเบสที่ออกมาฟังชัดเจน มีความลึกและรองรับเสียงเบสที่หนักหน่วงได้

นอกจากนั้น Jawbone รุ่นใหม่นี้ยังใส่ LiveAudio DSP ที่ช่วยกระจายเสียงแบบ 3 มิติ (กดปุ่ม +/- พร้อมเพื่อเปิดใช้งาน) ไว้ด้วย

ทดสอบประสิทธิภาพ



สำหรับการเชื่อมต่อ Jawbone Big Jambox กับสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะ iOS ทำได้ง่ายมากเพียงเปิด Bluetooth ที่สมาร์ทโฟนจากนั้นกดเปิด Big Jambox จะมีเสียงพูดประมาณว่ากำลังอยู่ในโหมดจับคู่กับอุปกรณ์อยู่จากนั้นในสมาร์ทโฟนผู้ใช้จะมองเห็นชื่อ Devices : Big Jambox ให้กดเชื่อมต่อ ถ้าการเชื่อมต่อเสร็จสิ้นจะมีเสียงพูดมาจากลำโพงประมาณการเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ส่วนการเชื่อมต่อกับแอนดรอยด์ควรดาวน์โหลดแอปฯ Jawbone Companion for Android จาก Google Play มาติดตั้งก่อนค่อยเชื่อมต่อ



เมื่อการเชื่อมต่อเสร็จสิ้น สังเกตแถบสถานะด้านบนจะมีแถบแบตเตอรีของ Big Jambox ปรากฏขึ้น (ตามภาพตัวอย่าง) แสดงว่า Jawbone Big Jambox พร้อมใช้งานแล้ว



ในส่วนการอัปเดตซอฟต์แวร์และปรับแต่ง Jawbone Big Jambox ผ่าน USB ให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ชื่อ MyTalk จากเว็บ Jawbone จากนั้นต่อสาย USB ที่แถมมากับคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้ก็จะสามารถปรับแต่งระบบต่างๆ ได้รวมถึงอัปเดตเฟริมแวร์ ซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้เช่นกัน



มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพร่วมกับไอโฟน 5 บน iOS 6.1 กับเพลงหลากหลายแนว พบว่าเรื่องเสียงทั้งก่อนเบรินลำโพงและหลังเบริน เสียงที่ได้ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ โดยเฉพาะเบสที่ให้ความลึกและดุดันพอสมควร ยิ่งเพลงแนว R&B/Soul ลำโพงตัวนี้แสดงประสิทธิภาพได้ดีที่สุด เสียงดีและดังเกินตัวมาก จัดปาร์ตี้ในบ้านเล็กๆ สบายหายห่วง

เรื่องการใช้คุยโทรศัพท์ Big Jambox ทำได้อย่างไม่มีปัญหา และยิ่งสามารถใช้งานร่วมกับ MyTalk Apps ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งฟีเจอร์ให้ลำโพงได้ เช่น มีเสียงแจ้งเตือนพร้อมบอกเบอร์ที่โทรเข้ามาได้ เป็นต้น

ส่วนฟีเจอร์ Live Audio DSP จากการทดสอบยอมรับว่าให้มิติเสียงที่ดี แต่น้ำหนักเสียงหายไปพอสมควรเมื่อใช้ฟังเพลง ส่วนการใช้เล่นเกม ดูภาพยนตร์ Live Audio ทำหน้าที่ได้ดี มิติเสียงรอบทิศทางใช้ได้ แต่อาจจะทำให้น้ำหนักเบสลดลง

สำหรับการเชื่อมต่อกับช่อง AUX In 3.5 มิลลิเมตร ทดสอบกับเครื่องเล่น MP3 รุ่นเก่าๆ พบว่าให้เสียงชัดเจน ไม่มีเสียง Noise แทรกเข้ามาใดๆ

สุดท้ายเรื่องแบตเตอรีจากที่ Jawbone การันตีไว้ว่าใช้งานได้ยาวนาน 15 ชั่วโมง ทดสอบแล้วทำเวลาได้ใกล้เคียงมาก พกพาไปเที่ยวไหนตลอดวัน ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรีหมดแต่อย่างใด

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

สำหรับราคา Jawbone Big Jambox อยู่ที่ 15,500 บาท มี 3 สีให้เลือกได้แก่ Red Dot, White Wave และ Graphite Hex ซึ่งถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง วัสดุที่ใช้ผลิต รวมถึงการออกแบบ แน่นอนว่าอาจแพงในสายตาของผู้ใช้ทั่วไป แต่ถ้าคุณมีสมาร์ทโฟนและกำลังมองหาลำโพงขนาดเล็กดีๆ สักตัว เมื่อคุณได้ทดลองฟังเสียงจาก Jawbone Big Jambox แล้วคุณจะอยากหาซื้อมาครอบครองทันที

Company Related Link :
Jawbone

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket


กำลังโหลดความคิดเห็น