xs
xsm
sm
md
lg

Review : Samsung ES8000 SmartTV 3D สมาร์ททีวีนี้คือคอมพิวเตอร์ขนาดย่อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




นอกจากซัมซุงจะโดดเด่นในวงการแอนดรอยด์โฟนแล้ว ซังซุงยังเป็นผู้นำตลาดโทรทัศน์ (ทีวี)ความละเอียดสูงในปัจจุบัน อย่างในวันนี้ทีมงานได้รับ Samsung ES8000 SmartTV 3D มาทดสอบ พร้อมฟีเจอร์เด่นอย่างระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) และสามารถใช้การเคลื่อนไหวสั่งงานทีวีได้ รวมถึงระบบ Face Recognition

สำหรับบทความรีวิวนี้ก็ถือเป็นภาคขยายรีวิว Samsung ES8000 SmartTV 3D ในรูปแบบรายการ CyberTV ที่เคยได้ออกอากาศไปแล้ว หรือรับชมอีกครั้ง 2 คลิปด้านล่างนี้


คลิปที่ 1 เป็นการสำรวจภายนอกของ Samsung ES8000 Full HD LED TV

คลิปที่ 2 พาชมรายละเอียดภายในไล่ตั้งแต่ Smart Hub, Webcam, ระบบสั่งงานด้วยเสียงและสมาร์ทโมชั่น TV

การออกแบบตัวเครื่อง





สำหรับทีวีซัมซุงซีรีย์ ES8000 ถือเป็นสมาร์ททีวี LED FullHD รุ่นบนสุดเพราะฟีเจอร์และราคาแตะหลักแสนบาท โดยในส่วนวัสดุการประกอบจะใช้อะลูมิเนียมทั้งหมด มีความแข็งแรง และขาตั้งเป็นแบบแยก Arch flow โดยน้ำหนักสำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบขนาด 55 นิ้วมีน้ำหนัก 25.4 กิโลกรัม และความหนาอยู่ที่ 30.8 มิลลิเมตร พร้อมจอภาพขอบบาง Ultra Clear Panel ความละเอียด 1,920x1,080 พิกเซล รองรับ 3 มิติผ่านแว่น Active Glasses

ในส่วนสเปกตัวเครื่องเนื่องจากเป็นสมาร์ททีวี สามารถดาวน์โหลดแอปฯ เล่นอินเตอร์เน็ต เกมได้ทำให้ทางซัมซุงได้ใส่หน่วยประมวลผล Dual-Core พร้อมฮาร์ดดิสก์สำหรับติดตั้งแอปฯ (มีเนื้อที่ประมาณ 700 กว่า MB)

นอกจากนั้นสมาร์ททีวียังมาพร้อมกล้องหน้า รองรับการตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Control) และใช้เล่นเว็บแคมกับแอปฯ Skype หรือใช้ถ่ายภาพตัวเอง รวมถึงมี Wireless LAN รองรับ DLNA และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายได้


กล่องบรรจุภัณฑ์ในรุ่น 55 นิ้วมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ต้องใช้คนสองคนในการยกทีวีออกมา


ขั้นตอนแรกเมื่อดึงจอทีวีออกมาจากกล่องต้องทำการขันน็อตยึดติดระหว่างฐานกับตัวจอให้เรียบร้อยก่อน


ส่วนกล้องเว็บแคมสามารถปรับองศาของเลนส์กล้องได้

พอร์ตเชื่อมต่อ




มาที่ด้านหลังของทีวีกับตำแหน่งพอร์ตเชื่อมต่อ เริ่มจากบนจะเป็น พอร์ต USB กำลังไฟ 5V 0.5A จำนวน 2 พอร์ต ถัดลงมาเป็นพอร์ต Digital Audio Out (Optical Out) สำหรับส่งสัญญาณเสียง Dolby Digital, DTS, PCM ไปให้เครื่องขยายเสียงถอดรหัส ถัดลงไปอีกจะเป็นพอร์ต USB กำลังไฟ 5V 1.0A สำหรับเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์พกพา จากนั้นจะเป็นพอร์ต HDMI 3 พอร์ต, DVI Audio in, AV In 2 และช่องหูฟัง



มาที่พอร์ตเชื่อมต่อด้านล่างจากซ้ายมือ ANT In หรือช่องเชื่อมต่อเสาอากาศทั่วไป ถัดไปเป็นช่อง Component in/AV In 1 และช่อง RJ45 เชื่อมต่อสายแลนสำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต



นอกจากนั้นบริเวณด้านหลังของทีวียังมีการติดตั้ง Joystick ไว้สำหรับควบคุมเลื่อนแถบคำสั่งต่างๆ พร้อมปุ่มเปิด-ปิดตัวเครื่องที่ถูกบรรจุอยู่รวมกับ Joystick เพราะในรุ่นทีวีนี้ผู้ใช้สามารถปิด-เปิดเครื่องได้โดยใช้รีโมทหรือคำสั่งเสียง ปุ่มเปิด-ปิด เลยถูกลดความสำคัญลงไป



สุดท้ายพอร์ต Evolution Kit ที่ถูกปิดด้วยสติ๊กเกอร์แผ่นใหญ่อยู่นั้นจะเป็นช่องใส่อุปกรณ์สำหรับอัปเกรดสเปกทีวีเครื่องนี้เพื่อตอบโจทย์ของซัมซุงที่ว่า "จะทำอย่างไรให้ทีวีราคาแพงไม่ตกรุ่นเร็วเกินไป"

เพราะฉะนั้นในอนาคตซัมซุงจะออกชุด Evolution Kit เช่น ชุดอัปเกรดหน่วยประมวลผลเป็น Quad-Core หรือฮาร์ดแวร์เพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ ทำให้สมาร์ททีวีเครื่องนี้จะยังคงทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

แว่นสามมิติ





สมาร์ททีวี 3 มิติของซัมซุงทุกรุ่นจะมาพร้อมแว่นสามมิติแบบ Active Glasses ที่ต้องใช้แบตเตอรีในการเลี้ยงม่านชัตเตอร์ แต่สำหรับแว่นสามมิติที่มากับ ES8000 จะได้รับการออกให้มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็กลง อีกทั้งสำหรับผู้ใส่แว่นสายตาอยู่แล้ว เมื่อสวมแว่นสามมิติตัวนี้ยังสามารถเกี่ยวกับสันแว่นสายตาได้

สำหรับแว่นสามมิติที่ให้มาพร้อมกับ ES8000 จะมี 4 ชุด และการใช้งานก็เพียงแค่กดสวิตซ์เปิดเท่านั้น

Remote Control & IR Blaster



สำหรับรีโมทที่ให้มากับ ES8000 จะมี 2 แบบด้วยกันได้แก่ รีโมทธรรมดา และรีโมท Smart Touch Control ที่จะมาพร้อม Touch Pad (แบบโน้ตบุ๊ก) เพื่อใช้ควบคุมเคเซอร์ในการเล่นแอปฯ ต่างๆ ในทีวี รวมถึงเป็นไมโครโฟนสำหรับรับคำสั่งเสียง Voice Control



นอกจากนั้น ES8000 ยังมาพร้อม IR Blaster ใช้คู่กับ Smart Touch Control ที่ใช้การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth และใช้เป็นส่วนส่งสัญญาณอินฟาเรตกับอุปกรณ์มัลติมีเดียในบ้านได้เกือบทุกประเภท ทุกแบรนด์



นอกจากนั้น ES8000 ยังรองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะแอนดรอยด์โฟนแบรนด์ Samsung ที่สามารถติดตั้งแอปฯ All Share Control และเชื่อมต่อ WiFi ระหว่างทีวีกับสมาร์ทโฟนในวงแลนเดียวกัน จะสามารถใช้แอปฯ ดังกล่าวสั่งงานทีวีได้เหมือนรีโมททีวี

อีกทั้งความพิเศษของ All Share Control ยังสามารถพิมพ์ข้อความค้นหาจากแอปฯ แล้วให้ไปแสดงผลที่ทีวีได้ ช่วยให้สะดวกต่อการใช้งานแอปฯ ยูทูปในการค้นหาชื่อคลิปวิดีโอ



ในเวอร์ชันไอโฟนและแอนดรอยด์ดีไวซ์บางรุ่นจะต้องใช้แอปฯ ที่ชื่อ Samsung Remote ก็ใช้ที่จะมีส่วนควบคุม Game Control เพิ่มเข้ามาสำหรับใช้ควบคุมเกมบนทีวี

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์เด่น



นอกจากการรับชมทีวีปกติแล้ว หน้าเมนูหลักของ ES8000 ที่เรียกว่า Smart Hub ยังเป็นเหมือนหน้า Home Screen สำหรับติดตั้งแอปฯ จาก Samsung Apps




โดยแอปฯ พื้นฐานที่ให้มากับทีวีก็จะมี Vimeo, Youtube (รองรับค้นหาภาษาไทย), Facebook, Twitter, Web Browser, กล้องถ่ายภาพ, Fitness, Family Story และแอปฯ เกี่ยวการศึกษา




ในส่วน Samsung Apps ก็เป็นเหมือนสโตร์รวบรวมแอปฯ ที่สามารถใช้งานกับสมาร์ททีวีเครื่องนี้ได้ ทั้งเกมและแอปฯ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแอปฯ ฟรี และขนาดไม่ใหญ่มากนักเพราะความจุของส่วนเก็บข้อมูลในทีวีมีจำนวนจำกัด





มาที่การเล่น Web Browser ผ่านหน้าจอทีวีจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แถมเมื่อใช้ Smart Touch Control หรือแอปฯ All Share Control บนสมาร์ทโฟนในการช่วยควบคุมยังทำให้การทำงานลื่นไหลแบบเดียวกับใช้ TouchPad บนโน้ตบุ๊ก

อีกทั้ง Web Browser ยังรองรับการเล่น Flash Player สามารถสร้าง Bookmark เว็บไซต์ที่ชื่นชอบ และนำภาพจากช่องทีวีหรือภาพจากพอร์ต HDMI มาซ้อนทับหน้าเว็บเพจ และเล่นไปพร้อมกันได้



แถมถ้าผู้ใช้ที่ไม่ถนัดการใช้ทัชแพดควบคุมเคอเซอร์เมาส์ก็สามารถนำเมาส์และคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB อีกทั้งยังรองรับระบบ SoundShare สำหรับเชื่อมต่อระบบเสียงไร้สายได้




และในเมื่อ ES8000 เป็นสมาร์ททีวีเชื่อมต่อ WiFi ได้ เพราะฉะนั้นทางซัมซุงก็ต้องไม่ลืมที่จะใส่ระบบ All Share Play ที่สามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียจากทั้งในวงแลนเดียวกัน หรือจากพอร์ต USB ได้แบบในคอมพิวเตอร์



ส่วนฟีเจอร์จุดขายอย่างระบบสั่งงานด้วยเสียงก็เรียกใช้งานได้โดยพูด "Hi TV' ก็จะปรากฏคำสั่งขึ้นมามากมายเช่นรูปประกอบด้านบน ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่า ถึงแม้สำเนียงภาษาอังกฤษของผมจะเพี้ยนๆ แต่ทีวีเครื่องนี้ก็ยังฟังออก



มาที่ระบบสามมิติก็เป็นไปตามคาดว่า ES8000 สามารถแปลงภาพ 2 มิติเป็น 3 มิติพร้อมความสามารถในการปรับความลึกตื้นของภาพได้ตามต้องการ



อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดก็คือ กล้องสามารถถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอเราเก็บไว้ในตัวเครื่องหรือส่งออกไปยัง Flash Drive ได้ และเนื่องจากตัวเครื่องติดตั้ง Skype มาให้ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ความสามารถนี้ในการสนทนาผ่านระบบ VDO Call ได้อย่างง่ายดาย



สุดท้าย Motion Control หรือระบบควบคุมทีวีโดยใช้มือเคลื่อนไหวแบบเดียวกับ Kinect ของ XBOX360 ที่ถือว่าสร้างความน่าสนใจให้การใช้งาน ES8000 มาก รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ ก็สามารถใช้มือเคลื่อนไหวควบคุมได้ทั้งหมด

**สำหรับการเพิ่มลดเสียง เปลี่ยนช่องสามารถทำได้ขณะนั่งรับชมทีวีอยู่ด้วยการยกมือขึ้นมา ส่วนถ้าต้องการเรียกเมนูเพื่อเข้า Samrt Hub สามารถทำได้โดยยกมือและกำมือ 1 ครั้ง**

ทดสอบประสิทธิภาพ/ข้อสังเกต



สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพที่ควรทำเป็นอันดับแรกก็คือเรื่องการทดสอบระบบ 3 มิติ โดยผมได้เลือกใช้ภาพยนตร์บลูเรย์ 3D เรื่อง John Carter และ MIB 3 เป็นเรื่องทดสอบ

โดยตลอดเวลาที่รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโหมด 3D เรื่องของแว่นต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่ใส่แว่นผมมึนหัว ตาปรับสภาพไม่ได้กับ Active Glasses แต่พอใส่ไปสักพัก ทุกอย่างเริ่มเข้าที่และรู้สึกได้ทันทีว่าแว่นรุ่นใหม่นี้น้ำหนักเบามาก ไม่กดจมูก แต่เสียตรงต้องปิดไฟดูเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะเจออาการแสงไฟรอบข้างเต้นให้เวียนหัว

ส่วนภาพที่ได้ ต้องบอกว่าสีดำเป็นดำสนิทมาก ส่วนสีโทนอื่นๆ ก็ถูกขับออกมาได้อย่างชัดเจน จนทำให้ภาพมีมิติขึ้นสมราคาเหยียบแสนบาท (ขนาดภาพ 2D ยังดูเหมือนมีมิติเลย) จนทีมงานสรุปได้ทันทีว่า เรื่องของภาพไม่มีจุดติอะไร เพราะแสดงผลออกมาได้ดี คุ้มค้าคุ้มราคา

ในส่วนของแอปฯ พื้นฐานต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าทุกค่าย โดยเฉพาะภาษาไทยที่เรียกได้ว่า ES8000 รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบทั้ง Web Browser และ YouTube




สำหรับแอปฯ จากสโตร์ Samsung Apps ก็มีจำนวนแอปฯ ให้เลือกใช้ได้ในเกณฑ์ปานกลาง ส่วนแอปฯ ไทยนั้นมีพอสมควร เช่น Wongai, Settrade หรือแม้แต่แอปฯ ของผู้จัดการเองก็มีในสโตร์เช่นกัน

จบจากข้อดีมาถึงปัญหาจุกจิกกวนใจสำหรับ ES8000 ที่ทีมงานพบเจอตลอดการทดสอบกว่า 2 อาทิตย์ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ปัญหาหลักได้แก่

ปัญหาที่ 1 เรื่อง Motion Control ที่ควบคุมไม่แม่นยำ จับการเคลื่อนไหวได้ไม่ดีนัก ทดสอบได้จากการเล่นเกม Angry Bird ที่ทำได้ยากมาก ใช้ทัชแพดจากรีโมทหรือสมาร์ทโฟนผ่านแอปฯ All Share Control ยังดีกว่าครับ

ปัญหาที่ 2 เครื่องทำงานช้ามาก โดยเฉพาะการเข้าแอปฯ แล้วเจออัปเดตพร้อมติดตั้งที่ทำได้ช้า จนบางครั้งเครื่องค้าง ปิดเปิดเครื่องไม่ได้ ต้องดึงปลั๊กออกอย่างเดียว

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

สำหรับราคาเปิดตัวของ Samsung ES8000 SmartTV 3D 55 นิ้ว อยู่ที่ 119,990 บาท ซึ่งนับว่าจับกลุ่มผู้ใช้ระดับไฮเอนด์ได้เท่านั้น โดยถ้ามองในเรื่องฟีเจอร์ยอมรับว่าซัมซุงจัดมาให้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และทุกฟีเจอร์สามารถใช้งานได้จริงไม่หลอกลวง

แต่ทั้งนี้ปัญหาอยู่ที่ว่า ด้วยความเป็นสมาร์ททีวีกึ่งคอมพิวเตอร์เพราะลงแอปฯ เล่นเกม เล่นเว็บไซต์ได้ ปัญหาที่พบก็มีเช่นกัน เช่น อาการค้างที่พบเจอได้บ่อยจนต้องดึงปลั๊กออกและรีสตาร์ททีวีใหม่ รวมถึงปัญหาการทำงานที่ช้าและหน่วงเมื่อใช้งานแอปฯ บางตัว รวมถึงเรื่องการอัปเดตเฟริมแวร์ที่ทำได้ง่ายแต่ยังมีปัญหาเรื่องการติดตั้งที่บางครั้งทำให้เครื่องค้าง

ส่วนปัญหาเรื่อง Voice Command ทีมงานไม่ค่อยประสบพบเจอเหมือนกับ Galaxy S3 ส่วน Motion Control ก็คงใช้ได้แก้ขัดเท่านั้น เพราะใช้จริงมีปัญหาเรื่องความแม่นยำพอสมควร

ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ผู้ใช้ต้องยอมรับให้ได้เมื่อใช้สมาร์ททีวีเครื่องนี้ แต่ถ้ามองในภาพรวม ถ้าผู้อ่านอยากจ่ายเงินเพื่อซื้อนวัตกรรมและเทคโนโลยี เงินแสนบาทที่จ่ายไปคุ้มค่าและถือเป็นแบรนด์ที่ล้ำหน้ากว่าทุกเจ้าในปัจจุบัน จนสามารถกล่าวได้ว่า "ซื้อสมาร์ททีวีเครื่องนี้มา มีอะไรให้เล่นมากมายไม่รู้เบื่อแน่นอน"

Company Related Link :
Samsung

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
















กำลังโหลดความคิดเห็น