‘พิพัฒน์’ยันคจร.ไม่พิจารณาเก็บค่าผ่านทางอุโมงค์แยกเกษตรฯ 30 บาท แต่เห็นชอบแนวทางการเชื่อมต่อโครงข่ายทางด่วนตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) ให้กทพ.ศึกษาความเหมาะสม ชี้แนวทางด่วนซ้อนรถไฟฟ้าสีน้ำตาลเหมาะสุด ขอร้องม.เกษตร ลดทิฐิ ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ส่วนข้อกังวลป้องกันได้
วันที่ 9 ธ.ค. 68 ที่กระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวออกไปว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2568 มีมติอนุมัติให้ปรับเปลี่ยน อุโมงค์แยกเกษตร - ถนนงามวงศ์วาน – สะพานพงษ์เพชร ให้เป็นทางด่วนและเก็บเงินค่าผ่านทาง 30 บาท นั้นไม่เป็นความจริง โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตนได้เชิญ ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มาหารือเรื่องนี้ ซึ่งยืนยันว่ามติคจร.ไม่ได้พูดถึงเรื่องค่าทางด่วน 30 บาท ทั้งนี้ได้ให้สนข.และกทพ.เร่งศึกษาให้ได้สรุปเรื่องนี้ในแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งการพิจารณาก็คงไม่ทันรัฐบาลนี้แน่นอน
“ส่วนคจร.มีมติเห็นชอบหลักการ ของแนวทางการเชื่อมต่อโครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการแก้ไขปัญหาการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษในภาพรวมทั้งระบบ และอนุมัติให้กทพ.ไปทำการศึกษา ความเหมาะสม รายละเอียดต่างๆ โดยจะใช้เวลาศึกษาอีก 3 ปี ส่วนเรื่อง 30 บาทไม่มีการพูดถึงเลย จึงไม่ทราบว่า เรื่อง 30 บาทนี้มาจากไหนและที่ออกมาพูด วิพากษ์วิจารณ์กันตอนนี้ไม่ทราบว่าเอาความคิดตัวเองมาใส่หรือเปล่า และผมยืนยันว่าไม่ได้พูดเรื่อง ค่าทางด่วน 30 บาท”
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ระบบทางด่วนสายนี้เพื่อแก้ปัญหาและลดความแออัดบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการศึกษา เมื่อผลออกมาอย่างไรก็ต้องนำมาหารือกันก่อน ซึ่งผมเห็นว่า อุโมงค์ลอดแยกเกษตร เป็นถนนสาธาณะไม่ควรไปทำเป็นเก็บเงิน และยังพูดคุยกันอีก ว่าถนนงามวงศ์วาน มีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นหน่วยงานดูแล การจะทำอะไรจะต้องเป็นกรมทางหลวงหรือไม่
สำหรับแนวทางก่อสร้างทางด่วนเป็นอุโมงค์ใต้ดินนั้น ต้องบอกว่า ค่าก่อสร้างสูงมากจาก 1.7 หมื่นล้านบาทเพิ่มไปเป็นกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มหลายเท่าตัว กับในสภาวะปัจจุบัน ที่งบประมาณมีจำกัด และหากเป็นอุโมงค์ทางด่วน ค่าก่อสร้างจะขึ้นหลักร้อยบาท ก็ยิ่งไม่มีความคุ้มค่า
@ขอร้องม.เกษตรลดทิฐิ ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ข้อกังวลป้องกันได้
ซึ่งแนวทางการเชื่อมต่อโครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) นั้น โดยแนวเส้นทางดังกล่าว จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) ที่ผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งม.เกษตรเห็นด้วย แต่ไม่เห็นด้วยกับ ทางด่วนที่อยู่ด้านบนรถไฟฟ้า ทั้งที่ระบบทางด่วนสายนี้จะเป็นการกระจายการจราจรที่แออัดบริเวณแยกเกษตรและแนวถนนงามวงศ์วาน
“ สำหรับผมเห็นว่ารูปแบบเดิมมีความเหมาะสมคือ การก่อสร้างเป็นทางด่วนยกระดับตามแนวเส้นทางเดิมและโครงสร้างทางด่วนอยู่เหนือรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ซึ่งอาจจะต้องขอความช่วยเหลืออธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตร ทำความเข้าใจ เพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เป็นเรื่องของทิฐิ ในเมื่ออนุญาตให้รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลผ่านได้ เหตุใดจะให้เพิ่มอีกชั้นด้านบนเป็นทางด่วนไม่ได้ กรณีกังวลเรื่องเสียงเรื่องฝุ่น ก็หาวิธีป้องกันได้ เพราะรถไฟฟ้าก็มีเสียงเหมือนกัน “
ด้านการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชี้แจงกรณีจะใช้อุโมงค์เกษตร และถนนงามวงศ์วานเป็นทางพิเศษ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ครบถ้วนจากข้อเท็จจริง โดยยังเป็นการศึกษาเบื้องต้น ซึ่งจะต้องศึกษาให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่านี้ อีกทั้งเป็นการอนุมัติในหลักการเบื้องต้นของ คจร. และที่สำคัญ ในช่วงอุโมงค์เกษตร-เรือนจำคลองเปรม ประชาชนยังคงสามารถใช้ทางได้ฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าผ่านทาง
สำหรับแผนการดำเนินงานแนวทางการเชื่อมต่อโครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) ดังนี้
- เดือน ม.ค. -ส.ค.68 บูรณาการร่วมกับกรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง , เดือน
-เดือน ส.ค.-ธ.ค. 68 นำเสนอคจร.ขอความเห็นชอบ
-เดือน ม.ค. 69- มิ.ย. 70 ศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายงาน EIA
-เดือน มิ.ย.70- มิ.ย. 71 ขออนุมัติรายงาน EIA
-เดือนต.ค.70- ก.ค. 71 นำเสนอครม.เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการ
-เดือนก.ย.70-ก.ค.71 ออกแบบรายละเอียดและจัดทำเอกสารประกวดราคา
-เดือนก.ค.71-มี.ค.72 คัดเลือกผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ
-เดือน มี.ค. 71-ม.ค. 74 ออกพ.ร.ฎ.และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน
-เดือนมี.ค.72- เม.ย.75 ก่อสร้างโครงการและเปิดบริการ เม.ย. 75


