“มัลลิกา”สั่ระฆังเปิดสถานี “ลพบุรี 2” สถานีแห่งใหม่ ทางคู่สายเหนือ"ลพบุรี - นครสวรรค์" จัด Shuttle Bus เชื่อมสถานีเดิมฟรี 3 เดือน ดัน เฟส 2 สายใต้ 3 เส้นทางเข้าครม.ธ.ค.นี้ เติมโครงข่ายเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์
วันนี้ (5 ธันวาคม 2568) นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดใช้สถานีรถไฟลพบุรี 2 สถานีรถไฟแห่งใหม่ของจังหวัดลพบุรี โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพโดยมีผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม โดย ขบวนรถท่องเที่ยว Royal Blossom ได้เข้าเทียบชานชลา เป็นปฐมฤกษ์ เวลา 12.00 น. ขณะที่ มีประชาชน ที่ต้องการเดินทางได้เข้าซื้อตั๋วและรอขึ้นขบวนรถตามตารางเวลาอีกด้วย
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะ “ระบบราง” ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ จังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เป็นทั้งศูนย์กลางการคมนาคม ที่เชื่อมโยงภาคกลางกับภาคเหนือ เป็นแหล่งเกษตรกรรมและเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่แห่งนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว
สถานีลพบุรี 2 อยู่ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ซึ่งก่อสร้างแยกออกจากแนวเส้นทางรถไฟและสถานีลพบุรีเดิม และช่วยลดการแออัดในเขตเมือง และเป็นการกระจายการเดินทางเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ ส่งเสริมท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยก่อสร้างเป็นทางรถไฟยกระดับที่ยาวที่สุดในไทย มีระยะทาง 19 กิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหา น้ำท่วมอีกด้วย และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการสถานีลพบุรี 2 และอำนวยความสะดวก โดยมีรถ Shuttle Bus วิ่งรับ-ส่งฟรี ระหว่างสถานีลพบุรีเดิม และ สถานีลพบุรี 2 อีกทั้งได้ประสานกับรถสองแถวสายบ้านข่อย ให้ขยายเส้นทางถึงสถานีลพบุรี 2 อีกด้วย
สำหรับสถานีลพบุรีเดิม ยังคงให้บริการโดยมีรถชานเมืองประมาณ 18 ขบวนต่อวัน รองรับการเดินทางของประชาชนและนักเรียนในพื้นที่ ไม่มีผลกระทบ และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่
รมช.คมนาคมกล่าวว่า การเปิดสถานีลพบุรี 2 (ท่าวุ้ง) รถไฟทางคู่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระยะเร่งด่วนทั้ง 7 เส้นทาง ที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ตามหลักการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร้รอยต่อ โครงการนี้ไม่เพียงจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง ช่วยลดรถติดและอุบัติเหตุในตัวเมือง และยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดมลพิษทางอากาศ เป็นโครงการที่มีความสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการเดินทางของพี่น้องประชาชน ให้สะดวกสบาย รวดเร็ว และคุ้มค่า
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องก่อสร้าง สถานีลพบุรี 2 และทางรถไฟ แนวใหม่แยกออกไป จากเดิมเพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากมีพื้นที่เขตทางเพียง 8 เมตร ไม่เพียงพอกับทางคู่ ขณะที่สองข้างทาง มีศาลพระกาฬและพระปรางค์สามยอด งโบราณสถานสำคัญคู่เมืองลพบุรี หากไม่เปิดแนวใหม่ รถไฟที่สร้างมาถึงลพบุรี 70 ปีแล้วก็จะอยู่แค่นี้ จะไม่ สามารถ ทะลุออกไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ได้
@ดันทางคู่ เฟส 2 สายใต้ 3 เส้นทางเข้าครม.ในธ.ค.นี้
รมช.คมนาคมกล่าวว่า สำหรับแนวทางในอนาคต รัฐบาลได้วางแผนการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อีก 7 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 1,488 กิโลเมตร โดย กรมการขนส่งทางราง (ขร.) รายงานว่า ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท 2. ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท 3. ช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท เพื่อสานต่อเครือข่ายคมนาคมให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ซึ่งจะผลักดันเสนอครมภายในเดือน ธ.ค.2568
@จัดรถเชื่อม สถานีลพบุรีเดิมฟรี 3 เดือน
ด้านนายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าวว่า สถานีลพบุรี 2 (ท่าวุ้ง) สถานีรถไฟแห่งใหม่ของจังหวัดลพบุรี เป็นสถานีที่ให้บริการขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว ในเส้นทางสายเหนือ จำนวน 14 ขบวน เบื้องต้นมีผู้โดยสารขึ้น-ลง ประมาณ 100-200 คน ต่อวัน รฟท.จัดรถโดยสาร วิ่งเชื่อมกับสถานีเดิม ในช่วง 3 เดือนแรกตั้งแต่ 5 ธ.ค.68-5 มี.ค. 69 จากนั้นจะประเมินผลการให้บริการรวมถึงจำนวนผู้โดยสารก่อนพิจารณาการขยายบริการ ต่อไปหรือไม่
ขณะที่ตัวสถานี เป็นอาคาร 3 ชั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งลิฟต์ บันไดทางขึ้น-ลง ห้องสุขา และห้องรับฝากสิ่งของ ทั้งนี้ ไม่มีบริการรับ-ส่งสัมภาระ โดยหลังเปิดให้บริการเต็มรูปแบบจะสามารถเพิ่มความรวดเร็วและความตรงต่อเวลาในการเดินทาง และรองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว
พร้อมกันนี้การรถไฟฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกำหนดเวลาต้นทาง-ปลายทาง ของขบวนรถสายเหนือใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดใช้สถานีและเวลาเดินขบวนรถปัจจุบัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ขณะที่ผู้ใช้บริการยังสามารถตรวจสอบเวลาและตำแหน่งขบวนรถแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ Train Tracking System (TTS) ช่วยให้วางแผนการเดินทางตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้อย่างแม่นยำและมั่นใจยิ่งขึ้น
การพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางไกลจากทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่มอบหมายให้การรถไฟฯ ดำเนินงานอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับนโยบายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง จากถนนสู่การขนส่งระบบรางที่มีต้นทุนต่ำกว่า เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ตามลำดับความสำคัญของแนวเส้นทาง โดยได้ดำเนินการตามแผนงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ที่เปิดให้บริการแล้ว 5 เส้นทาง ได้แก่ ทางคู่ช่วง ฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ช่วงนครปฐม - หัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร


