xs
xsm
sm
md
lg

รฟท.เร่งเปิดทางคู่ "นครปฐม-ชุมพร" เต็มระบบปี 69 ลดเวลาเดินทางสายใต้-ลุยตลาดท่องเที่ยวทางราง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รฟท.เร่งติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร คืบ 72.491% คาดเปิดใช้งานได้เต็มระบบปี 69 ลดเวลาเดินทาง หนุนการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวหลัก “หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์” เดินหน้าแผนการตลาดท่องเที่ยวทางราง เผยปี 68 สร้างรายได้กว่า 72 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ พร้อมผลักดันการเดินทางด้วยรถไฟสู่การท่องเที่ยว โดยมีนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมส่วนราชการ คณะผู้บริหาร รฟท. และผู้แทนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วม

นายอนันต์เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร เป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างชะอำและหัวหิน ปัจจุบันได้เปิดใช้งานทางคู่ตลอดเส้นทางแล้ว โดยใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-token) ในระหว่างที่การติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งภาพรวมโครงการโดยรวมอยู่ที่ 72.491% คาดว่าจะเปิดใช้งานได้เต็มระบบในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงสู่ภาคใต้ได้อย่างมาก 

ส่วนระยะถัดไปจะขยายเส้นทางลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น เพื่อเชื่อมโยงฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน (เกาะสมุย-ภูเก็ต) พร้อมทั้งพัฒนาสถานีชุมทางหาดใหญ่และ
ปาดังเบซาร์ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า (Container Yard) เพื่อเชื่อมต่อชายแดนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค


ทั้งนี้ รฟท.ได้เร่งรัดดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แล้วเสร็จตามแผนงาน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อปฏิรูประบบการขนส่งทางรางของประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มความตรงต่อเวลา สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน สำหรับภาพรวมความคืบหน้าของโครงการ รถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทาง เปิดให้บริการไปแล้ว 5 เส้นทาง รวมระยะประกอบด้วย

1. ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร
2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร
3. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169กิโลเมตร
4. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84กิโลเมตร
5. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167กิโลเมตร

ส่วนอีก 2 เส้นทางที่เปิดใช้งานเกือบเต็มระบบ ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร เปิดใช้เส้นทางเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 และจะเปิดใช้เต็มระบบในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มระบบในปี 2570

โครงการก่อสร้างเส้นทางคู่สายใหม่เพื่อเชื่อมโยงการค้าภูมิภาค ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ทั้ง 3 สัญญา มีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนงานโดยเฉลี่ย 3-4% ขณะที่โครงการช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ทั้ง 2 สัญญา มีความคืบหน้า 61.095% ปัญหาเนื่องจากการเวนคืนที่ดิน ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้า

ส่วนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เพื่อเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนเมษายน 2568 ยังมีความคืบหน้าช้ากว่าแผนเล็กน้อย สำหรับเส้นทางระยะที่ 2 อื่นๆ อีก 6 เส้นทาง (เช่น ปากน้ำโพ-เด่นชัย, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี) ได้เสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการแล้ว เช่นเดียวกับสายใหม่ช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น ที่ออกแบบเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างรอการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)


@เผยปี 68 รายได้รถไฟท่องเที่ยวกว่า72 ล้านบาท

นอกจากนี้ รฟท.ยังพัฒนาขบวนรถท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางราง กระตุ้นให้เกิดการเดินทางไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดย รฟท.ได้เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันได้เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวเป็นประจำ ทั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์และในโอกาสพิเศษต่างๆ

สำหรับผลการดำเนินงานรถไฟนำเที่ยว ประจำปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567-กันยายน 2568) มีนักท่องเที่ยวใช้บริการทั้งสิ้น 186,488 คน สร้างรายได้รวม 72.13 ล้านบาท โดยรายได้หลัก 66.55 ล้านบาท มาจากการจัดเดินขบวนรถนำเที่ยว ซึ่งขบวนที่ทำรายได้สูงสุดคือ ขบวน Royal Blossom (28.46 ล้านบาท) และขบวน KIHA 183 (21.58 ล้านบาท)


@ลุยแผนพัฒนาตลาดท่องเที่ยวทางราง

ทั้งนี้ รฟท.มีบริการขบวนรถท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ทั้งขบวนรถที่วิ่งประจำวันเสาร์-อาทิตย์ (เช่น สวนสนประดิพัทธ์, น้ำตกไทรโยคน้อย), ขบวนรถจักรไอน้ำที่ให้บริการใน 7 โอกาสพิเศษตลอดปี และขบวนรถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามฤดูกาล (พ.ย.-ม.ค.) นอกจากนี้ รฟท.ยังมีรายได้จากแพกเกจนำเที่ยวร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง 5.58 ล้านบาท และรายได้สนับสนุนการท่องเที่ยวอื่น ๆ อีก 40.49 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการให้บริการเช่าเหมาขบวน 39.29 ล้านบาท และการลากจูงขบวนรถของมาเลเซีย 1.20 ล้านบาท

สำหรับแผนงานพัฒนาการท่องเที่ยวทางรถไฟในปีงบประมาณ 2569 รฟท.จะมุ่งขยายฐานการตลาด โดยเปิดโอกาสให้ภาครัฐและเอกชนสามารถเช่ารถเหมาขบวนเพื่อจัดทริปท่องเที่ยวได้เองตลอดทั้งปี พร้อมทั้งจะพัฒนาโครงการ "Scenic routes" และ "Luxury route" โดยใช้รถโดยสารปรับอากาศชั้นดีจัดทริปในเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามไปยังทุกภูมิภาคต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ อีกทั้ง เป็นการเพิ่มการใช้บริการทางรถไฟ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยใช้ศักยภาพทางด้านระบบขนส่งสาธารณะของประเทศเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปีอีกด้วย


การลงพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแสวงหาแนวทางความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกันพัฒนาการเดินทางโดยรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวทางราง และวางแผนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดหลังจากการหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หมุดหมายแรกจะมุ่งเน้นการเชื่อมโยงพื้นที่ของการรถไฟฯ ในอำเภอหัวหิน และหากสำเร็จด้วยดี จะขยายผลไปสู่พื้นที่ศักยภาพอื่นๆ เช่น ปราณบุรี กุยบุรี และบางสะพานน้อย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่ระบบรางสามารถพัฒนาและเชื่อมต่อได้อย่างสะดวก รฟท.มั่นใจว่าความร่วมมือนี้จะเป็นทิศทางสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ และฟื้นฟูให้หัวหินกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางหลักด้านการท่องเที่ยวต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น